พบผลลัพธ์ทั้งหมด 314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกรรมการและผู้บังคับบัญชาต่อเงินฝากในสวัสดิการเงินกู้ที่ไม่จดทะเบียน
สโมสรนายทหารกองรบพิเศษ (พลร่ม) ที่ 1 ตั้งสวัสดิการเงินกู้ขึ้น ดำเนินงานโดยคณะกรรมการซึ่งผู้บังคับการเป็นผู้แต่งตั้งตามตำแหน่งของหน่วย ผลัดเปลี่ยนกันไปโดยอยู่ในความควบคุมดูแลของผู้บังคับการ ทุนของสวัสดิการเงินกู้ได้มาจากเงินของหน่วยงานกับเงินของข้าราชการที่เป็นสมาชิกสโมสรนำมาฝาก ปี พ.ศ. 2514 จำเลยที่ 1 มาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองรบพิเศษฯ แห่งนี้ ได้เป็นประธาน กรรมการสวัสดิการ เงินกู้โดยรองผู้บังคับการเป็นประธานกรรมการ จำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นกรรมการ และจำเลยที่ 4 คงเป็นกรรมการและผู้จัดการตามเดิมต่อไป โจทก์นำเงินเข้าฝากไว้ในสวัสดิการเงินกู้เป็นจำนวน 230,000 บาท สวัสดิการเงินกู้ไม่จ่ายเงินปันผลให้โจทก์ โจทก์จึงเรียกเงินฝากคืนพร้อมทั้งเงินปันผล เช่นนี้ สวัสดิการเงินกู้มิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล การดำเนินงานทั้งหลายจึงอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการผู้ได้แต่งตั้งดังปรากฏตามระเบียบว่าด้วยเงินกู้ แม้คณะกรรมการนี้จะมีการแต่งตั้งเปลี่ยนกันไปหลายครั้งตามตำแหน่งนับแต่เริ่มตั้งสวัสดิการเงินกู้จนถึงปัจจุบัน ก็ต้องถือว่าคณะกรรมการใหม่ยอมรับมาซึ่งสิทธิและหน้าที่ตลอดจนความรับผิดจากคณะกรรมการชุดเดิมที่ดำเนินการสวัสดิการเงินกู้ไว้ จะยกข้ออ้างว่าตนเป็นกรรมการโดยตำแหน่งและไม่ได้รับมอบหมายการงานหาได้ไม่ จำเลยที่ 5 รับเงินจากโจทก์ไว้ในนามของคณะกรรมการ ซึ่งกรรมการอื่นต้องร่วมรับผิดในเงินฝากของโจทก์ด้วย และเป็นนิติสัมพันธ์ ทางสัญญาตามกฎหมาย ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 พ้นจากตำแหน่งกรรมการสวัสดิการ เงินกู้ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น ไม่เป็นผลลบล้างอำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่เดิม ให้หมดไป สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาการ จำเลยที่ 1 ก็เข้าเป็นประธานกรรมการดำเนินการสวัสดิการเงินกู้ต่อมา แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะไปราชการและแต่งตั้งคณะกรรมการสวัสดิการเงินกู้ขึ้นใหม่คือ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 แต่คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งยังคงอยู่ในความควบคุมดูแลรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 เช่นเดิม จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ต่อบุคคลภายนอก เช่นโจทก์ ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องผูกพันตามคำพิพากษาเดิม แม้มีสัญญาจะซื้อจะขายกับบริษัทตัวแทน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และผู้รับโอน
โจทก์เคยฟ้อง ถ. เจ้าของที่พิพาทกับบริษัท ท. เป็นจำเลยอ้างว่า ถ. ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทให้แก่บริษัท ท. แล้วต่อมาบริษัท ท. ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์กับ ถ. ไม่เกิดอำนาจฟ้องบังคับให้ ถ. ส่งมอบที่พิพาทให้แก่โจทก์ คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์กับ ถ. ซึ่งเป็นคู่ความคดีเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ถ. เป็นคดีนี้โดยอ้างว่า ถ. นำที่พิพาทไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความโอนให้แก่ ส. ทำให้โจทก์เสียหายเนื่องจากโจทก์ได้ทำหนังสือจะซื้อจะขายที่พิพาทจากบริษัท ท. ผู้ซึ่งได้ทำหนังสือจะซื้อจะขายไว้จาก ถ. และโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง ส. ผู้รับโอนที่พิพาทตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความจาก ถ. เป็นคดีนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเล่นแชร์: ความรับผิดของหัวหน้าวงแชร์แม้เช็คไม่ผ่าน – หนี้ไม่ระงับแม้ไม่ฟ้องผู้ออกเช็ค
โจทก์จำเลยทั้งสองกับพวกได้เล่นแชร์กัน โดยจำเลยทั้งสองได้ทำหนังสือสัญญาให้โจทก์มีใจความว่า จำเลยทั้งสองเป็นหัวหน้าก่อตั้งวงแชร์ หากจำเลยทั้งสองหรือสมาชิกแชร์วงนี้ไม่ชำระหนี้ ประพฤติผิดสัญญาหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จะด้วยเหตุใดก็ตาม จำเลยขอรับผิดชอบชดใช้หนี้ให้แก่โจทก์แทนจนครบถ้วน ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าลูกวงแชร์จ่ายเช็คชำระค่าแชร์ให้แก่โจทก์ 2 ฉบับธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว โจทก์จึงยังไม่ได้รับชำระหนี้ หนี้เดิมตามสัญญาเล่นแชร์จึงยังไม่ระงับไป และแม้โจทก์จะมิได้ดำเนินการใด ๆ กับผู้ออกเช็คจนเช็คขาดอายุความ ก็หาเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองพ้นความรับผิดตามสัญญาเล่นแชร์ที่ทำไว้กับโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเล่นแชร์: ความรับผิดของหัวหน้าวงแชร์แม้ลูกวงแชร์ชำระหนี้ด้วยเช็คแล้วแต่เช็คถูกปฏิเสธ
โจทก์จำเลยทั้งสองกับพวกได้เล่นแชร์กัน โดยจำเลยทั้งสองได้ทำหนังสือสัญญาให้โจทก์มีใจความว่า จำเลยทั้งสองเป็นหัวหน้าก่อตั้งวงแชร์ หากจำเลยทั้งสองหรือสมาชิกแชร์วงนี้ไม่ชำระหนี้ ประพฤติผิดสัญญาหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ด้วยเหตุใดก็ตาม จำเลยขอรับผิดชอบชดใช้หนี้ให้แก่โจทก์แทนจนครบถ้วน ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าลูกวงแชร์จ่ายเช็คชำระค่าแชร์ให้แก่โจทก์ 2 ฉบับ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว โจทก์จึงยังไม่ได้รับชำระหนี้ หนี้เดิมตามสัญญาเล่นแชร์จึงยังไม่ระงับไป และแม้โจทก์จะมิได้ดำเนินการใด ๆ กับผู้ออกเช็คจนเช็คขาดอายุความ ก็หาเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองพ้นความรับผิดตามสัญญาเล่นแชร์ที่ทำไว้กับโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่หลังสัญญาเช่าเดิมสิ้นสุด และการสละสิทธิการเช่าไม่เข้าข่ายการโอนสิทธิเรียกร้อง
โจทก์เช่าที่ดินจากกรมการศาสนาแล้วให้จำเลยปลูกบ้านถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมออก โจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่เช่าได้จำเลยจะต่อสู้ว่า กรมการศาสนาเจ้าของที่พิพาทได้บอกเลิกสัญญาเช่าที่ทำไว้กับโจทก์เพราะโจทก์ผิดสัญญาให้เช่าช่วง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหาได้ไม่
การที่โจทก์เช่าที่พิพาทจากกรมการศาสนาแล้วถูกบอกเลิกสัญญาเช่าโจทก์จึงตกลงกับจำเลยสละสิทธิการเช่าในภายหน้า เพื่อให้จำเลยไปติดต่อขอเช่าจากกรมการศาสนาเองโดยตรง โดยโจทก์ขอรับเงินจากจำเลยเป็นค่าสละสิทธิจำนวนหนึ่งนั้น ข้อตกลงนี้ไม่ใช่เรื่องโอนสิทธิการเช่าหรือโอนสิทธิเรียกร้องและไม่มีกฎหมายบังคับให้ทำตามแบบ
การที่โจทก์เช่าที่พิพาทจากกรมการศาสนาแล้วถูกบอกเลิกสัญญาเช่าโจทก์จึงตกลงกับจำเลยสละสิทธิการเช่าในภายหน้า เพื่อให้จำเลยไปติดต่อขอเช่าจากกรมการศาสนาเองโดยตรง โดยโจทก์ขอรับเงินจากจำเลยเป็นค่าสละสิทธิจำนวนหนึ่งนั้น ข้อตกลงนี้ไม่ใช่เรื่องโอนสิทธิการเช่าหรือโอนสิทธิเรียกร้องและไม่มีกฎหมายบังคับให้ทำตามแบบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่เมื่อสัญญาเช่าเดิมสิ้นสุด และข้อตกลงสละสิทธิเช่าไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้อง
โจทก์เช่าที่ดินจากกรมการศาสนาแล้วให้จำเลยปลูกบ้าน ถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมออก โจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่เช่าได้ จำเลยจะต่อสู้ว่า กรมการศาสนาเจ้าของที่พิพาทได้บอกเลิกสัญญาเช่าที่ทำไว้กับโจทก์ เพราะโจทก์ผิดสัญญาให้เช่าช่วง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหาได้ไม่
การที่โจทก์เช่าที่พิพาทจากกรมการศาสนาแล้วถูกบอกเลิกสัญญาเช่า โจทก์จึงตกลงกับจำเลยสละสิทธิการเช่าในภายหน้า เพื่อให้จำเลยไปติดต่อขอเช่าจากกรมการศาสนาเองโดยตรง โดยโจทก์ขอรับเงินจากจำเลยเป็นค่าสละสิทธิจำนวนหนึ่งนั้น ข้อตกลงนี้ไม่ใช่เรื่องโอนสิทธิการเช่าหรือโอนสิทธิเรียกร้องและไม่มีกฎหมายบังคับให้ทำตามแบบ
การที่โจทก์เช่าที่พิพาทจากกรมการศาสนาแล้วถูกบอกเลิกสัญญาเช่า โจทก์จึงตกลงกับจำเลยสละสิทธิการเช่าในภายหน้า เพื่อให้จำเลยไปติดต่อขอเช่าจากกรมการศาสนาเองโดยตรง โดยโจทก์ขอรับเงินจากจำเลยเป็นค่าสละสิทธิจำนวนหนึ่งนั้น ข้อตกลงนี้ไม่ใช่เรื่องโอนสิทธิการเช่าหรือโอนสิทธิเรียกร้องและไม่มีกฎหมายบังคับให้ทำตามแบบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงในใบประกวดราคา: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเมื่อผู้ประกวดราคาไม่ทำสัญญา
โจทก์เรียกประกวดราคาซื้อตะปูสปริง จำเลยประกวดราคาได้ แต่จำเลยไม่มาทำสัญญาซื้อขาย ปรากฏข้อความตามใบประกวดราคาข้อ 9 ว่า ผู้ประกวดราคาได้จะต้องทำสัญญาภายใน 3 วัน มิฉะนั้น เงินมัดจำของจะต้องถูกริบ และถ้าโจทก์ต้องซื้อของตามที่ประกวดราคาแพงไปจากที่ผู้ประกวดราคาได้เสนอไว้เท่าใด ผู้ประกวดราคาจะต้องชดใช้ราคาที่แพงขึ้นนั้นให้โจทก์ทั้งสิ้นอีกโสดหนึ่งด้วย ดังนี้ เป็นการที่คู่กรณีได้ตกลงทำสัญญาให้มีผลบังคับกันอีกต่างหากว่า ถ้าจำเลยไม่ทำสัญญาขายตะปูสปริงให้แก่โจทก์ตามที่ประกวดราคานั้น จำเลยจะต้องใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่โจทก์ ฉะนั้น เมื่อจำเลยไม่ทำสัญญากับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายตามข้อตกลงนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงในใบประกวดราคา: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเมื่อผู้ชนะไม่ทำสัญญา
โจทก์เรียกประกวดราคาซื้อตะปูสปริงจำเลยประกวดราคาได้แต่จำเลยไม่มาทำสัญญาซื้อขายปรากฏข้อความตามใบประกวดราคาข้อ 9 ว่า ผู้ประกวดราคาได้จะต้องทำสัญญาภายใน 3 วันมิฉะนั้นเงินมัดจำซองจำต้องถูกริบและถ้าโจทก์ต้องซื้อของตามที่ประกวดราคาแพงไปจากที่ผู้ประกวดราคาได้เสนอไว้เท่าใดผู้ประกวดราคาจะต้องชดใช้ราคาที่แพงขึ้นนั้นให้โจทก์ทั้งสิ้นอีกโสดหนึ่งด้วยดังนี้ เป็นการที่คู่กรณีได้ตกลงทำสัญญาให้มีผลบังคับกันอีกต่างหากว่าถ้าจำเลยไม่ทำสัญญาขายตะปูสปริงให้แก่โจทก์ตามใบประกวดราคานั้นจำเลยจะต้องใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่โจทก์ฉะนั้นเมื่อจำเลยไม่ทำสัญญากับโจทก์โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายตามข้อตกลงนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับรองการชำระหนี้ไม่ใช่สัญญาค้ำประกัน แต่มีผลให้เรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับรองได้
ธนาคารโจทก์ได้ทำหนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อองค์การสะพานปลา ยินยอมใช้เงินให้แก่องค์การสะพานปลาในกรณีที่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญา ในการนี้จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาไว้แก่ธนาคารโจทก์มีข้อความว่าตามที่ธนาคารโจทก์ได้ทำหนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1ไว้กับองค์การสะพานปลานั้น ถ้าองค์การสะพานปลาเรียกร้องให้ธนาคารโจทก์ชำระเงินจำนวนที่ค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชอบให้ธนาคารโจทก์ไล่เบี้ยจากจำเลยที่ 2 ได้ในจำนวนเงินที่ชำระไปนั้น เอกสารดังกล่าวมิใช่สัญญาค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 หากแต่เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเท่านั้น จึงไม่เป็นตราสารที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดิน: การเสนอ-สนองที่ไม่สมบูรณ์ และบทบาทเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ย
ประธานอนุกรรมการช่วยเหลือชาวนาชาวไร่เรียกจำเลยทั้งสองมาฝ่ายเดียวไกล่เกลี่ยให้ขายที่พิพาทให้แก่โจทก์จำเลยทั้งสองว่าถ้าโจทก์จะซื้อจำเป็นต้องขายในราคา 40,000 บาท จึงได้ทำบันทึกไว้ ต่อมาอีกสามวันประธานอนุกรรมการฯ ได้เรียกโจทก์ฝ่ายเดียวมาไกล่เกลี่ยโจทก์ตกลงซื้อที่พิพาทในราคา 40,000 บาท จึงได้ทำบันทึกไว้อีกบันทึกดังกล่าวทำขึ้นคนละคราว ผู้บันทึกได้ทำบันทึกในฐานะเป็นประธานอนุกรรมการฯ ไม่ใช่เป็นคู่สัญญาในฐานะตัวแทนของโจทก์หรือจำเลย ข้อตกลงตามบันทึกเอกสารฉบับแรกมิใช่คำเสนอต่อโจทก์ข้อตกลงตามบันทึกเอกสารฉบับหลังมิใช่คำสนอง หากเป็นเพียงคำเสนอเมื่อจำเลยไม่ยอมขาย คำเสนอของโจทก์ก็ไม่มีการสนองรับ จึงยังไม่เกิดสัญญาขึ้นอันจะบังคับเอาแก่จำเลยได้