พบผลลัพธ์ทั้งหมด 32 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาของผู้ถูกจำคุก: คำพิพากษาไม่ถึงที่สุด ไม่ถือเป็นภูมิลำเนาที่เรือนจำ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 ได้แยกผู้ที่ถูกจำคุกออกเป็น 2 กรณีต่างหากจากกัน กล่าวคือถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นกรณีหนึ่ง และถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นอีกกรณีหนึ่ง หาใช่เป็นกรณีเดียวกันไม่ เมื่อปรากฎว่าในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้นคือศาลจังหวัดกบินทร์บุรีนั้น จำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าว แต่คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ดังนี้ จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาของผู้ถูกจำคุก: จำคุกตามคำพิพากษาที่ยังไม่ถึงที่สุด ไม่ถือเป็นภูมิลำเนาที่เรือนจำ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา47ได้แยกผู้ที่ถูกจำคุกออกเป็น2กรณีต่างหากจากกันกล่าวคือถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นกรณีหนึ่งและถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นอีกกรณีหนึ่งหาใช่เป็นกรณีเดียวกันไม่เมื่อปรากฎว่าในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้นคือศาลจังหวัดกบินทร์บุรีนั้นจำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวแต่คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดดังนี้จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาของนักโทษ: ความแตกต่างระหว่างการจำคุกตามคำพิพากษาและคำสั่ง
ตาม ป.พ.พ.มาตรา 47 ได้แยกผู้ที่ถูกจำคุกออกเป็น 2 กรณีต่างหากจากกัน กล่าวคือถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นกรณีหนึ่ง และถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นอีกกรณีหนึ่ง หาใช่เป็นกรณีเดียวกันไม่เมื่อปรากฏว่าในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้นคือศาลจังหวัดกบินทร์บุรีนั้น จำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าว แต่คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ดังนี้ จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2540)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2540)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8336/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องคดีอาญาต้องพิจารณาจากสถานที่จับกุมและภูมิลำเนาของจำเลย
ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ จำเลยถูกจับในท้องที่อำเภอสระแก้วจังหวัดปราจีนบุรี ในข้อหาพยายามฆ่าและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมกับข้อหาอื่น ๆ ซึ่งมิใช่ข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจทก์ตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ศาลจังหวัดกบินทร์บุรีได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22 คำว่า จำเลยถูกจับในท้องที่หนึ่ง หมายถึงเจ้าพนักงานจับจำเลยจริง ๆ ในเขตศาลนั้นตามที่ถูกกล่าวหา เมื่อจำเลยถูกจับในความผิดฐานอื่นและเจ้าพนักงานตำรวจได้อายัดตัวจำเลยมาสอบสวนในคดีนี้ ถือไม่ได้ว่าคดีนี้จำเลยถูกจับในเขตอำนาจศาลจังหวัดกบินทร์บุรี โจทก์ฟ้องจำเลยต่อ ศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้ เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีซึ่งจำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ในคดีอื่นในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในคดีนี้ คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ เรือนจำจึงมิใช่ท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ เพราะคดีดังกล่าวจำเลยมิได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2535จึงไม่อาจถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีอีกด้วยโจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8336/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องคดีอาญาต้องยึดสถานที่จับกุมหรือที่อยู่ของจำเลย หาใช่สถานที่เกิดเหตุ
ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ จำเลยถูกจับในท้องที่อำเภอสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี ในข้อหาพยายามฆ่าและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมกับข้อหาอื่น ๆซึ่งมิใช่ข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ศาลจังหวัดกบินทร์บุรีได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยจำเลยถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 คำว่า จำเลยถูกจับในท้องที่หนึ่ง หมายถึงเจ้าพนักงานจับจำเลยจริง ๆในเขตศาลนั้นตามที่ถูกกล่าวหา เมื่อจำเลยถูกจับในความผิดฐานอื่น และเจ้าพนักงานตำรวจได้อายัดตัวจำเลยมาสอบสวนในคดี นี้ ถือไม่ได้ว่าคดีนี้จำเลยถูกจับในเขตอำนาจศาลจังหวัดกบินทร์บุรีโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้ เรือนจำอำเภอกบินทร์บุ*รีซึ่งจำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ในคดีอื่น ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในคดีนี้ คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่าง อุทธรณ์เรือนจำจึงมิใช่ท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ เพราะคดีดังกล่าว จำเลยมิได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535จึงไม่อาจถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีอีกด้วยโจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8336/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การจับกุมและภูมิลำเนาของจำเลยมีผลต่อการฟ้องคดี
ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ จำเลยถูกจับในท้องที่อำเภอสระแก้วจังหวัดปราจีนบุรี ในข้อหาพยายามฆ่าและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมกับข้อหาอื่น ๆ ซึ่งมิใช่ข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ศาลจังหวัดกบินทร์บุรีได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี แต่ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 22 คำว่า จำเลยถูกจับในท้องที่หนึ่ง หมายถึงเจ้าพนักงานจับจำเลยจริง ๆในเขตศาลนั้นตามที่ถูกกล่าวหา เมื่อจำเลยถูกจับในความผิดฐานอื่นและเจ้าพนักงาน-ตำรวจได้อายัดตัวจำเลยมาสอบสวนในคดีนี้ ถือไม่ได้ว่าคดีนี้จำเลยถูกจับในเขตอำนาจศาลจังหวัดกบินทร์บุรี โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้
เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีซึ่งจำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ในคดีอื่นในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในคดีนี้ คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ เรือนจำจึงมิใช่ท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ เพราะคดีดังกล่าวจำเลยมิได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 47 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่ง ป.พ.พ. ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 จึงไม่อาจถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีอีกด้วย โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้
เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีซึ่งจำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ในคดีอื่นในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในคดีนี้ คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ เรือนจำจึงมิใช่ท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ เพราะคดีดังกล่าวจำเลยมิได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 47 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่ง ป.พ.พ. ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 จึงไม่อาจถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีอีกด้วย โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8336/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การจับกุมและการมีภูมิลำเนาของจำเลยมีผลต่อการรับฟ้องคดี
ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้จำเลยถูกจับในท้องที่อำเภอสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรีในข้อหาพยายามฆ่าและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมกับข้อหาอื่นๆซึ่งมิใช่ข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ศาลจังหวัดกบินทร์บุรีได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยจำเลยถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา22คำว่าจำเลยถูกจับในท้องที่หนึ่งหมายถึงเจ้าพนักงานจับจำเลยจริงๆในเขตศาลนั้นตามที่ถูกกล่าวหาเมื่อจำเลยถูกจับในความผิดฐานอื่นและเจ้าพนักงานตำรวจได้อายัดตัวจำเลยมาสอบสวนในคดีนี้ถือไม่ได้ว่าคดีนี้จำเลยถูกจับในเขตอำนาจศาลจังหวัดกบินทร์บุรีโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้ เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีซึ่งจำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ในคดีอื่นในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในคดีนี้คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างอุทธรณ์เรือนจำจึงมิใช่ท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่เพราะคดีดังกล่าวจำเลยมิได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา47ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535จึงไม่อาจถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีอีกด้วยโจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การพิจารณาคดีอาญาที่ศาลไม่มีอำนาจเหนือสถานที่เกิดเหตุหรือภูมิลำเนาจำเลย
เหตุมิได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสีคิ้ว และจำเลยทั้งสองไม่เคยมีที่อยู่หรือถูกจับหรือถูกสอบสวนในท้องที่ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสีคิ้ว ศาลจังหวัดสีคิ้วจึงไม่มีอำนาจพิจารณาและพิพากษาคดีนี้ ขณะยื่นฟ้องคดี จำเลยทั้งสองกำลังต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดอยู่ที่เรือนจำซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสีคิ้วเรือนจำก็หาใช่ท้องที่ที่จำเลยทั้งสองมีที่อยู่ไม่ และแม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 จะบัญญัติให้เรือนจำหรือทัณฑสถาน ที่ผู้ถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายถูกจำคุกอยู่เป็นภูมิลำเนาของผู้ที่ถูกจำคุกจนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว บทบัญญัติดังกล่าวก็มีผลใช้บังคับภายหลังที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีนี้แล้ว ไม่อาจถือว่าในขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยไม่ได้อยู่ที่ภูมิลำเนา การขอพิจารณาใหม่ชอบแล้ว
ขณะที่โจทก์นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องส่งให้แก่จำเลยณ ภูมิลำเนาตามหลักฐานทางทะเบียน โจทก์ทราบดีว่าจำเลยพักอยู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งแม้จะมิใช่ภูมิลำเนาทางทะเบียนแต่ถือได้ว่าเป็นสำนักทำงานการของจำเลยได้ การที่โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ ณ ที่ใดในราชอาณาจักรขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงไม่ชอบ ข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลเพียงแต่กล่าวอ้างไว้ในคำขอก็ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ไม่จำเป็นต้องนำสืบในชั้นไต่สวน และเมื่อจำเลยยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงไม่ต้องระบุเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จำเลยไม่ได้อยู่ที่ภูมิลำเนา แต่ทราบที่อยู่ปัจจุบัน
ขณะที่โจทก์นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องส่งให้แก่จำเลยณ ภูมิลำเนาตามหลักฐานทางทะเบียน โจทก์ทราบดีว่าจำเลยพักอยู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งแม้จะมิใช่ภูมิลำเนาทางทะเบียน แต่ถือได้ว่าเป็นสำนักทำการงานของจำเลยได้ การที่โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่าไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ ณ ที่ใดในราชอาณาจักร ขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงไม่ชอบ