คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาถปรีชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการตัวแทนในสัญญาเช่า: การบอกเลิกสัญญาที่มีผลต่อทั้งตัวการและตัวแทน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากห้องเช่าของโจทก์จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ผู้เช่าตามหนังสือสัญญาเช่าความจริงจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่2 ในการเช่าห้องรายนี้ แต่มิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รู้ถึงการที่จำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 2 มาก่อน กรณีจึงเข้าลักษณะตัวการตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 ฉะนั้นเมื่อโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1 เสร็จไปแล้ว จำเลยที่ 2 จะมาอ้างเพื่อให้เสื่อมเสียสิทธิของโจทก์อันเขามีแก่จำเลยที่ 1 หาได้ไม่ จึงไม่จำต้องสืบพยานตามข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าที่ศาลพิจารณาเหตุทิ้งร้าง แม้หนังสือหย่าไม่สมบูรณ์
โจทก์ ( ภริยา ) ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลย ( สามี ) ไปจดทะเบียนการหย่ากับโจทก์ หากไม่สามารถไปก็ขอให้มีคำสั่งให้กรมการอำเภอจดทะเบียนการหย่าให้โจทก์ ทั้งนี้โดยโจทก์อ้างเหตุว่าโจทก์จำเลยทะเลาะกันแล้วตกลงหย่ากันโดยทำหนังสือหย่ากันแล้วจำเลยก็ได้ขนทรัพย์สิ่งของอพยพไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมของจำเลย มิได้เกี่ยวข้องกับโจทก์แต่อย่างใดเกิน 1 ปี ดังนี้ แม้หนังสือหย่าจะไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ศาลก็พิจารณาเหตุ ข้อที่ร้างเกิน 1 ปีเห็นเหตุหย่าได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าโดยการแยกกันอยู่เป็นเหตุ แม้หนังสือหย่าไม่สมบูรณ์
โจทก์(ภริยา)ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลย(สามี) ไปจดทะเบียนการหย่ากับโจทก์ หากไม่สามารถไปก็ขอให้มีคำสั่งให้กรมการอำเภอจดทะเบียนการหย่าให้โจทก์ ทั้งนี้โดยโจทก์อ้างเหตุว่าโจทก์จำเลยทะเลาะกันแล้วตกลงหย่ากันโดยทำหนังสือหย่ากันแล้ว จำเลยก็ได้ขนทรัพย์สิ่งของอพยพไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมของจำเลย มิได้เกี่ยวข้องกับโจทก์แต่อย่างใดเกิน 1 ปี ดังนี้ แม้หนังสือหย่าจะไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ศาลก็พิจารณาเหตุข้อที่ร้างเกิน 1 ปีเป็นเหตุหย่าได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1143/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าทำประโยชน์ที่ดินพิพาทระหว่างคดี: สิทธิบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์จำเลยต่างแย่งกันเป็นเจ้าของนาพิพาทจนคดีถึงศาล โดยฝ่ายจำเลยอ้างว่าโจทก์เอาที่พิพาทตีชำระหนี้แก่จำเลยแต่โจทก์ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชะนะ จำเลยจึงเข้าทำนาพิพาทรายนี้ ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าทำโดยมีสิทธิที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลจังหวัดได้อยู่ในเวลานั้น แม้ภายหลังศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับให้โจทก์ชะนะ และคดีถึงที่สุดเพียงนั้น ก็จะถือว่าการที่จำเลยเข้าทำนารายนี้เป็นการผิดกฎหมายอันจะประกอบให้เป็นการกระทำฐานละเมิดตาม ป.พ.พ.มาตรา 420 ไม่ได้ โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยโดยอาศัยมูลละเมิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1143/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีและการกระทำละเมิด: แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับ การเข้าทำที่ดินภายใต้คำพิพากษาเดิมไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์จำเลยต่างแย่งกันเป็นเจ้าของนาพิพาทจนคดีถึงศาลโดยฝ่ายจำเลยอ้างว่าโจทก์เอาที่พิพาทตีชำระหนี้แก่จำเลยแต่โจทก์ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะ จำเลยจึงเข้าทำนำพิพาทรายนี้ ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าทำโดยมีสิทธิที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลจังหวัดได้อยู่ในเวลานั้น แม้ภายหลังศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับให้โจทก์ชนะ และคดีถึงที่สุดเพียงนั้น ก็จะถือว่าการที่จำเลยเข้าทำนารายนี้เป็นการผิดกฎหมายอันจะประกอบให้เป็นการกระทำฐานละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ไม่ได้ โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยโดยอาศัยมูลละเมิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำสำคัญในการประเมินความผิดฐานฆ่าคนตาย
ฟ้องกล่าวว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่มิได้กล่าวยืนยันลงไปว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตาย แม้จะมีคำขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 มาด้วยและตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตาย ศาลก็ต้องฟังทางเป็นผลดีแก่จำเลยว่า จำเลยมิได้มีเจตนาจะฆ่าผู้ตายให้ตาย คงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดฐานฆ่าคนตาย: ศาลต้องพิจารณาจากฟ้องและข้อเท็จจริงที่ได้ความ
ฟ้องกล่าวว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่มิได้กล่าวยืนยันลงไปว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายแม้จะมีคำขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 มาด้วยและตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตาย ศาลก็ต้องฟังทางเป็นผลดีแก่จำเลยว่า จำเลยมิได้มีเจตนาจะฆ่าผู้ตายให้ตาย คงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดกต้องได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย การอ้างเพียงฐานะผู้จัดการมรดกโดยไม่มีหลักฐานไม่พอ
โจทย์ฟ้องอ้างสิทธิว่า โจทก์เป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกของน้องชายโจทก์ ไม่ได้กล่าวอ้างว่า โจทก์เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกน้องชายอย่างไร เมื่อมิได้ความว่าน้องชายได้แต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรม์หรือโจทก์ได้รับแต่งตั้งจากศาลแล้ว โจทก์ก็ไม่ใช่เป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกของน้องชายโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก: การแต่งตั้งตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิว่าโจทก์เป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกของน้องชายโจทก์ ไม่ได้กล่าวอ้างว่า โจทก์เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกน้องชายอย่างไร เมื่อมิได้ความว่าน้องชายได้แต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมหรือโจทก์ได้รับแต่งตั้งจากศาลแล้ว โจทก์ก็ไม่ใช่เป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกของน้องชายโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังนัดสืบพยาน - ศาลใช้ดุลพินิจตามมาตรา 87
ในคดีแพ่ง จำเลยเพิ่งขอระบุพยานจำเลยในวันนัดสืบพยานโจทก์(นัดแรก) โดยอ้างว่าจำเลยป่วยเป็นไข้ไม่สามารถมาระบุพยานตามกำหนดได้ นั้น เมื่อศาลพิจารณาเหตุผลทั่วๆ ไปแล้วเห็นว่า มิใช่เรื่องจงใจฝ่าฝืนเพื่อให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดี แล้วศาลก็อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 ให้รับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไปได้
of 219