พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่อนุญาตแก้ไขฟ้อง: อุทธรณ์ทันทีไม่ได้ และฎีกาได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 จะอุทธรณ์ทันทีไม่ได้และสำหรับกรณีนี้จะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24,227,228 มาบังคับก็ไม่ได้
คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ที่ไม่รับอุทธรณ์นั้นย่อมฎีกาได้
คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ที่ไม่รับอุทธรณ์นั้นย่อมฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่อนุญาตแก้ฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา อุทธรณ์ไม่ได้ เหตุผลตาม ป.วิ.อาญา
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวนตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 196 จะอุทธรณ์ทันทีไม่ได้และสำหรับกรณีที่นี้จะใช้ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 24-227-228 มาบังคับก็ไม่ได้
คำสั่งศาลอุทธรณ์+
คำสั่งศาลอุทธรณ์+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ผลคือศาลสั่งจำหน่ายคดี
จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านสั่งของศาลชั้นต้นในท้ายอุทธรณ์ จำเลยแถลงว่าจำเลยฟังคำสั่งศาลอยู่แล้วในวันที่ก็ไม่ฟังก็ให้ถือว่าจำเลยได้ตามคำสั่งศาลแล้ว ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลย และให้จัดการส่งสำเนาให้โจทก์กำหนด 15 วัน ครั้นพ้นกำหนด 15 วันแล้วจำเลยก็หาได้จัดการนำส่งสำเนาแต่ประการใดไม่ ดังนี้ต้องถือว่าผู้อุทธรณ์ยังฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล การจำหน่ายคดี
จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นในท้ายอุทธรณ์
จำเลยแถลงว่าจำเลยรอฟังคำสั่งศาลอยู่แล้วในวันนี้ถ้าไม่ฟังก็ให้ถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยและสั่งให้จัดการส่งสำเนาให้โจทก์ในกำหนด 15 วัน ครั้นพ้นกำหนด 15 วันแล้วจำเลยก็หาได้จัดการนำส่งสำเนาแต่ประการใดไม่ ดังนี้ ต้องถือว่าผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้
ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีของจำเลยโดยถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จำเลยฎีกาได้
จำเลยแถลงว่าจำเลยรอฟังคำสั่งศาลอยู่แล้วในวันนี้ถ้าไม่ฟังก็ให้ถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยและสั่งให้จัดการส่งสำเนาให้โจทก์ในกำหนด 15 วัน ครั้นพ้นกำหนด 15 วันแล้วจำเลยก็หาได้จัดการนำส่งสำเนาแต่ประการใดไม่ ดังนี้ ต้องถือว่าผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้
ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีของจำเลยโดยถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จำเลยฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาไม่ครบ คดีถูกยก เหตุจำเลยเพิกเฉย
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา แต่ปรากฎว่า ผู้ฎีกาเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาขาด ศาลฎีกาจึงสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลให้ครบนั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระค่าธรรมเนียมที่ขาดโดยเพิกเฉยเสีย ศาลฎีกาก็พิพากษาให้ยกฎีกานั้นเสียและให้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาเป็นพับไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่เกิดเหตุไม่ชัดเจน แต่จำเลยไม่คัดค้าน ฟังได้ว่าเกิดในเขตอำนาจศาล
ฟ้องระบุว่า เหตุเกิดที่ตำบลจอมพระ โจทก์นำสืบได้ความว่าเหตุเกิดที่หนองบ้านขวาวแต่ไม่ได้ความชัดแจ้งว่าหนองบ้านขวาวนี้ขึ้นอยู่ในท้องที่ตำบลและอำเภอใดและจำเลยมิได้คัดค้าน หรือสืบหักล้างว่าเป็นคนละตำบลกับที่โจทก์ฟ้องแล้ว ย่อมฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่เกิดเหตุไม่ชัดเจน แต่จำเลยไม่คัดค้าน ศาลลงโทษได้
ฟ้องระบุว่า เหตุเกิดที่ตำบล+อมพระ โจทก์นำสืบได้ความว่าเหตุเกิดที่หนองบ้านขวาวแต่ไม่ได้ความชัดแจ้งว่าหนองบ้านขวาวนี้ขึ้นอยู่ในห้องที่ตำบลและอำเภอใดและจำเลยมิได้คัดค้าน หรือสืบหักล้างว่าเป็นคนละตำบลกับที่โจทก์ฟ้องแล้ว ย่อมฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเป็นเหตุให้ยกฎีกา
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา แต่ปรากฏว่า ผู้ฎีกาเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาขาด ศาลฎีกาจึงสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลให้ครบนั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระค่าธรรมเนียมที่ขาดโดยเพิกเฉยเสีย ศาลฎีกาก็พิพากษาให้ยกฎีกานั้นเสียและให้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาเป็นพับไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเมื่อผิดสัญญา: เลิกสัญญา vs. บังคับชำระหนี้/เรียกค่าเสียหาย
สิทธิของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะบังคับเอาแก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีที่มีการผิดนัดไม่ชำระหนี้เกิดขึ้นนั้น ย่อมมีอยู่ 2 ประการ คือการบังคับให้คู่สัญญาปฏิบัติการชำระหนี้ตามมูลหนี้นั้นประการหนึ่ง กับการเรียกร้องให้ได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมรวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายอีกประการหนึ่ง และในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา สิทธิของอีกฝ่ายหนึ่งมีอีกประการหนึ่งคือเมื่อไม่ต้องการให้สัญญานั้นผูกพันกันต่อไปก็คือสิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387-388 ซึ่งเมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วผลก็มีแต่ทางเดียวคือคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะได้กลับคืนสู่ฐานะเดิม แต่หากกระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ตามมาตรา 391 ผู้จะขายที่ดินผิดสัญญาผู้จะซื้อจึงบอกเลิกสัญญาและให้ผู้จะขายคืนมัดจำกับใช้เบี้ยปรับนั้น ผู้จะซื้อก็คงมีแต่สิทธิกลับคืนสู่ฐานะเดิมและเรียกค่าเสียหายเท่านั้น จะขอให้บังคับให้โอนที่ดินแก่ตนอีกไม่ได้ เพราะได้บอกเลิกสัญญาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลิกสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหาย เมื่อคู่สัญญาผิดนัด สิทธิในการบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาจะไม่มีอีก
สิทธิของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะบังคับเอาแก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีที่มีการผิดนัดไม่ชำระหนี้เกิดขึ้นนั้น ย่อมมีอยู่ 2 ประการ คือการบังคับให้คู่สัญญาปฏิบัติการชำระหนี้ตามมูลหนี้นั้นประการหนึ่ง กับการเรียกร้องให้ได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมรวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายอีกประการหนึ่ง และในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา สิทธิของอีกฝ่ายหนึ่งมีอีกประการหนึ่ง คือเมื่อไม่ต้องการให้สัญญานั้นผูกพันกันต่อไป ก็คือสิทธิเลิกสัญญาตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 387-388 ซึ่งเมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วผลก็มีแต่ทางเดียวคือคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะได้กลับคืนสู่ฐานเดิมแต่หากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ตามมาตรา 391 ผู้จะขายที่ดินผิดสัญญาผู้จะซื้อจึงบอกเลิกสัญญาและให้ผู้จะขายคืนมัดจำกับใช้เบี้ยปรับนั้น ผู้จะซื้อก็คงมีแต่สิทธิกลับคืนสู่ฐานะเดิมและเรียกค่าเสียหายเท่านั้น จะขอให้บังคับให้โอนที่ดินแก่ตนอีกไม่ได้ เพราะได้บอกเลิกสัญญาแล้ว