พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณค่าปรับในคดีมูลฝิ่นตาม พ.ร.บ.ฝิ่น ต้องใช้ราคามูลฝิ่น ไม่ใช่ราคาฝิ่น
พ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ. 2472 มาตรา 53 ซึ่งได้แก้ไขใหม่ โดย พ.ร.บ.ฝิ่น ( ฉบับที่ 4 ) 2481 มาตรา 6 หาได้ประสงค์จะให้ถือเอา " ราคาฝิ่น " มาตั้งเป็นเกณฑ์คำนวณค่าปรับในคดีเรื่อง " มูลผิ่น " เหมือนมาตรา 51 ไม่เพราะความตอนท้าย 2 วรรคที่บัญญัติในเรื่อง " ราคาฝิ่น " และ " ราคามูลฝิ่น " อันจะตั้งเป็นเกณฑ์คำนวณค่าปรับนั้น วรรคหลังบัญญัติว่า " ราคามูลฝิ่น..." ให้ถือเอา " ราคาฝิ่น " ตามวรรคก่อนแต่ " ราคาฝิ่น " ตามวรรคก่อนนั้นให้ถือเอา " ราคาฝิ่น " หรือ " ราคามูลฝิ่น " แล้วแต่กรณี ฉะนั้นเมื่อกรณีเป็นเรื่อง " มูลฝิ่น " ก็ตต้องถือเอาราคามูลฝิ่นตั้งเป็นเกณฑ์ค่าปรับ เมื่อรัฐบาลมิได้ขาย " มูลผิ่น " จึงไม่มีราคามูลฝิ่นที่รัฐบาลขายมาตั้งเป็นเกณฑ์คำนวณค่าปรับ ก็ต้องปรับตามคั่น+ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีอาญา: การงดสืบพยานและการไม่อนุญาตสืบพยานเพิ่มเติม เป็นคำสั่งที่ไม่อุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่ไม่มาศาลตามนัดและไม่อนุญาตให้โจทก์อ้างพยานเพิ่มเติมนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 196 หาใช่กรณีที่เข้าตามบทบัญญัติ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 18 หรือ 24 ไม่.
ศาลอุทธรณ์สั่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ คู่ความฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ได้
ศาลอุทธรณ์สั่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ คู่ความฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีอาญา: การงดสืบพยานและไม่อนุญาตพยานเพิ่มเติมเป็นคำสั่งที่ไม่สามารถอุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่ไม่มาศาลตามนัดและไม่อนุญาตให้โจทก์อ้างพยานเพิ่มเติมนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 196 หาใช่กรณีที่เข้าตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18หรือ 24 ไม่
ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คู่ความฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ได้
ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คู่ความฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินของคนต่างด้าว: การปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมายและการบังคับสิทธิทางคืนเงิน
คนต่างด้าวเป็นโจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทและขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ ถ้าไม่สามารถโอนได้ก็ให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ได้ทดรองจ่ายไป ดังนี้ ศาลจะพิพากษายกฟ้องเสียทีเดียวโดยเห็นว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่ปรากฎว่าได้รับอนุญาตให้ยึดถือที่พิพาทได้นั้นยังไม่ชอบเพราะ พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 นั้นหาใช่เป็นกฎหมายที่ห้ามคนต่างด้าวมิให้เป็นเจ้าของที่ดินเสียทีเดียวไม่เป็นแต่ว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนเท่านั้น ซึ่งถ้าโจทก์ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่ง ก.ม.นั้นแล้ว ก็ย่อมบังคับได้ หรือก็มีทางบังคับทางคืนเงินตามที่โจทก์ได้ขอมาด้วยท้ายฟ้องอีกวิธีหนึ่ง ฉะนั้นศาลชอบที่จะพิจารณาฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนจนสิ้นกระแสร์ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว: การอนุญาตและทางบังคับสิทธิ
คนต่างด้าวเป็นโจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทและขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ถ้าไม่สามารถโอนได้ก็ให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ได้ทดรองจ่ายไปดังนี้ ศาลจะพิพากษายกฟ้องเสียทีเดียวโดยเห็นว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่ปรากฏว่าได้รับอนุญาตให้ยึดถือที่พิพาทได้นั้นยังไม่ชอบเพราะ พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 นั้น หาใช่เป็นกฎหมายที่ห้ามคนต่างด้าวมิให้เป็นเจ้าของที่ดินเสียทีเดียวไม่เป็นแต่ว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนเท่านั้น ซึ่งถ้าโจทก์ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่ง กฎหมายนั้นแล้ว ก็ย่อมบังคับได้หรือก็มีทางบังคับทางคืนเงินตามที่โจทก์ได้ขอมาด้วยท้ายฟ้องอีกวิธีหนึ่ง ฉะนั้นศาลชอบที่จะพิจารณาฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนจนสิ้นกระแสความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้บุคคลภายนอกใช้ห้องเช่าส่วนหนึ่งเข้าข่ายการเช่าช่วง
ผู้เช่าห้องแถวยอมให้ผู้อื่นเข้ามาทำการขายหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องเช่ารายนี้โดยให้ผู้นั้นออกค่าเช่าให้ตนครึ่งหนึ่ง ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าผู้เช่าได้ให้บุคคลภายนอกเช่าช่วงห้องรายนี้ ไปส่วนหนึ่งต้องตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วง: การตกลงให้ผู้อื่นใช้ห้องเช่าและแบ่งค่าเช่าเข้าข่ายการเช่าช่วงตามกฎหมาย
ผู้เช่าห้องแถวยอมให้ผู้อื่นเข้ามาทำการขายหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องเช่ารายนี้โดยให้ผู้นั้นออกค่าเช่าให้ตนครึ่งหนึ่ง ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าผู้เช่าได้ให้บุคคลภายนอกเช่าช่วงห้องตามความใน ป.ม.แพ่งฯมาตรา 544 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาขัดแย้ง: จำเลยไม่เข้าใจข้อหาฐานยักยอกหรือลักทรัพย์ ศาลยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.158(5)
ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดฐานยักยอกหรือลักทรัพย์โดยบรรยายฟ้องในตอนต้นกล่าวหาว่า จำเลยรับมอบทรัพย์แล้ยักยอกทรัพย์ แต่ตอนหลังกลับกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์แล้วอ้างบทมาตราขอให้ลงโทษทั้งความผิดฐานลักทรัพย์แลยักยอก ดังนี้ เป็นฟ้องที่ขัดแย้งกันอยู่ในตัว ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องเป็นอย่างไรแน่ และจำเลยต้องหาว่าได้กระทำการอย่างใดแน่ อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกหรือลักทรัพย์ คำฟ้องเช่นนี้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158( 5 ) วรรคแรก ศาลจะรับไว้พิจารณาเอาโทษจำเลยมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องคดีอาญาขัดแย้งในตัว ระบุความผิดยักยอกและลักทรัพย์ ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา
ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดฐานยักยอกหรือลักทรัพย์โดยบรรยายฟ้องในตอนต้นกล่าวหาว่า จำเลยรับมอบหมายทรัพย์แล้วยักยอกทรัพย์ แต่ตอนหลังกลับกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์แล้วอ้างบทมาตราขอให้ลงโทษทั้งความผิดฐานลักทรัพย์และยักยอกดังนี้ เป็นฟ้องที่ขัดแย้งกันอยู่ในตัว ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องเป็นอย่างไรแน่ และจำเลยต้องหาว่าได้กระทำการอย่างใดแน่ อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกหรือลักทรัพย์คำฟ้องเช่นนี้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) วรรคแรก ศาลจะรับไว้พิจารณาเอาโทษจำเลยมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการนับโทษจำเลย: ดุลยพินิจตามมาตรา 32 อาญา
แม้โจทก์จะร้องขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีก่อน ศาลก็ใช้ดุลยพินิจให้นับโทษจำเลยตั้งแต่วันต้องขังในคดีหลังโดยไม่นับโทษต่อจากคดีก่อนตามโจทก์ขอได้ทั้งนี้เพราะ ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 32 ได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจได้