พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมมีเงื่อนไข: ผลเมื่อผู้รับผลประโยชน์เสียชีวิตก่อนปฏิบัติตามเงื่อนไข
พินัยกรรม์มีข้อความระบุไว้ว่าให้นาแปลงหนึ่งแก่ผู้รับ 1 คนๆละครึ่ง แต่มีเงื่อนไขว่าให้ผู้รับคนหนึ่งให้เงินแก่ผู้รับคนที่ 2 เป็นเงิน 200 บาท ถ้าผู้รับคนที่หนึ่งไม่ให้เงิน 200 แก่ผู้รับคนที่ 2 ก็ให้นาแปลงนี้เป็นของผู้รับคนที่ 2 คนเดียวดังนี้ ถ้าผู้รับคนที่ 1 ตายเสียก่อนผู้ทำพินัยกรรม์ ผู้รับคนที่ 1 ก็ไม่ได้ชำระเงิน 200 บาท เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้รับคนที่ 2 ก็ไม่มีโอกาศจะได้รับส่วนครึ่งหนึ่งของผู้รับคนที่หนึ่งตามเงื่อนไขนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้ตามสัญญาแบ่งปันมรดก: เงื่อนไขสัญญาและการขาดอายุความ
การตีความสัญญาแบ่งปันมรดก ที่ผู้จัดการมรดกทำไว้ให้กับทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้ตามสัญญาแบ่งปันมรดก โดยไม่มีเงื่อนไข และผลของการไม่ปฏิบัติตามสัญญา
การตีความสัญญาแบ่งปันมรดก ที่ผู้จัดการมรดกทำไว้ให้กับทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขพินัยกรรม: การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทำให้เสียสิทธิรับมรดก แม้ผู้รับไม่ทราบเงื่อนไข
เจ้าของพินัยกรรม์ผู้ให้ระบุเงื่อนไขไว้ในพินัยกรรม์ว่าให้มารดาของผู้รับเซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม สัญญากลัดต่อท้ายพินัยกรรม์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทำพินัยกรรม์ฉะบับนั้น แม้มารดาของผู้รับและผู้รับจะไม่ทราบเงื่อนไขนี้ก็ตาม เมื่อปรากฎว่ามารดาของผู้รับมิได้เซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวไว้ในพินัยกรรม์แล้ว ผู้รับก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์ตามที่พินัยกรรม์กำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขพินัยกรรม: การไม่ทราบเงื่อนไขของผู้รับ ไม่ทำให้การวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงตามความประสงค์ผู้ทำพินัยกรรม
เจ้าของพินัยกรรมผู้ให้ระบุเงื่อนไขไว้ในพินัยกรรมว่า ให้มารดาของผู้รับเซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามสัญญากลัดต่อท้ายพินัยกรรมภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทำพินัยกรรมฉบับนั้น แม้มารดาของผู้รับ และผู้รับจะไม่ทราบเงื่อนไขนี้ก็ตาม เมื่อปรากฏว่ามารดาของผู้รับมิได้เซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวไว้ในพินัยกรรมแล้ว ผู้รับก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์ตามที่พินัยกรรมกำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่ง: การมอบอำนาจภายหลังการยื่นฟ้องและผลของการให้สัตยาบัน
ข้าหลวงประจำจังหวัดฟ้องความแพ่งแทนกระทรวงการคลัง โดยอาศัยระเบียบการปฏิบัติของกระทรวงการคลังและตามหนังสือของกระทรวงการคลัง 2 ฉบับ ซึ่งแม้จะยังไม่เพียงพอที่ถือได้ว่าเป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ก็ดี แต่ต่อมาก่อนศาลสืบพยานกระทรวงการคลังได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้ ทำการแทน มีอำนาจฟ้องจำเลยและดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นใบมอบอำนาจอันถูกต้องแล้วดังนี้แม้จะได้ยื่นภายหลังวันชี้สองสถาน ก็ถือได้ว่าเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ซึ่งไม่มีบทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด ยิ่งเมื่อพิจารณาดูมาตรา 47 ป.ม.วิ.แพ่งประกอบด้วยแล้ว ย่อมเห็นได้ว่าศาลชอบที่จะพึงรับฟังใบมอบอำนาจนี้ได้ ฉะนั้นข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้เป็นโจทก์จึงย่อมมีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่ง: การมอบอำนาจแม้หลังฟ้องก็มีผลได้ หากเป็นการยืนยันและไม่มีกฎหมายห้าม
ข้าหลวงประจำจังหวัดฟ้องความแพ่งแทนกระทรวงการคลัง โดยอาศัยระเบียบการปฏิบัติของกระทรวงการคลังและตามหนังสือของกระทรวงการคลัง 2 ฉบับ ซึ่งแม้จะยังไม่เพียงพอที่ถือได้ว่า เป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ก็ดี แต่ต่อมาก่อนศาลสืบพยานกระทรวงการคลังได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือปลัดจังหวัดผู้ทำการแทน มีอำนาจฟ้องจำเลยและดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นใบมอบอำนาจอันถูกต้องแล้ว ดังนี้ แม้จะได้ยื่นภายหลังวันชี้สองสถาน ก็ถือได้ว่าเท่ากับเป็นการกระทำให้การมอบอำนาจครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นแล้วเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด ยิ่งเมื่อพิจารณาดูมาตรา 47 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยแล้วย่อมเห็นได้ว่าศาลชอบที่จะพึงรับฟังใบมอบอำนาจนี้ได้ฉะนั้นข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้เป็นโจทก์จึงย่อมมีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่24/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1779/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แม้มีการทำสัญญาเช่าใหม่ก็ไม่กระทบการยินยอมเดิม
ผู้เช่าได้เช่าตึกมาตั้งแต่ยังเป็นเจ้าของคนเดิมเมื่อเจ้าของคนเดิมจะขายตึกที่เช่า ผู้เช่าก็ได้ตกลงกับเจ้าของคนเดิมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าและกับผู้ที่จะเป็นเจ้าของคนใหม่ว่าคนยินยอมออกจากตึกที่เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเดิมขายตึกนั้นและครั้นเมื่อเจ้าของใหม่ซื้อตึกนั้นแล้ว ผู้เช่านั้นยังได้ขอผัดต่อมาอีกจนที่สุดทำสัญญาเช่าอยู่ต่อมา เพื่อขอเวลาออกจากตึกที่เช่าไปภายในกำหนด ดังนี้เป็นที่เห็นได้ว่าผู้เช่ายินยอมออกจากตึกตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน มาตรา 16(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1779/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยินยอมให้เช่าต่อและการยินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
ผู้เช่าได้เช่าตึกมาตั้งแต่ยังเป็นของเจ้าของคนเดิม เมื่อเจ้าของคนเดิมจะขายตึกที่เช่า ผู้เช่าก็ได้ตกลงกับเจ้าของคนเดิม ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าและกับผู้ที่จะเป็นเจ้าของใหม่ว่า ตนยินยอมออกจากตึกที่เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเดิมขายตึกนั้น และครั้นเมื่อเจ้าของใหม่ซื้อตึกนั้นแล้ว ผู้เช่านั้นก็ยังได้ขอผัดต่อมาอีกจนที่สุดทำสัญญาเช่าอยู่ต่อมา เพื่อขอเวลาออกจากตึกที่เช่าไปภายในกำหนด ดังนี้ เป็นที่เห็นได้ว่า ผู้เช่ายินยอมออกจากตึกตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน มาตรา16(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางหลวงโดยปริยายจากการเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรต่อเนื่อง แม้มิได้จดทะเบียน
การอุทิศที่ดินให้เป็นทางหลวงนั้น จะอุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายก็ได้และที่จะเป็นทางหลวงก็หาจำต้องมีทะเบียนอะไรไม่
จำเลยได้ยุบทางเก่ามาเป็นของจำเลยแล้วทำทางใหม่ขึ้นแทนให้ประชาชนได้ใช้สัญจร มากว่า 10 ปีย่อมเป็นการอุทิศให้เป็นทางหลวงโดยปริยายแล้ว เมื่อไปปลูกโรงเรือนล้ำทางนี้เข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 336(2)
จำเลยได้ยุบทางเก่ามาเป็นของจำเลยแล้วทำทางใหม่ขึ้นแทนให้ประชาชนได้ใช้สัญจร มากว่า 10 ปีย่อมเป็นการอุทิศให้เป็นทางหลวงโดยปริยายแล้ว เมื่อไปปลูกโรงเรือนล้ำทางนี้เข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 336(2)