พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำให้ถึงแก่ความตาย: ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้ แม้ฟ้องฆ่า
อัยการโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนาถ้าทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทที่ไม่รู้ว่าใครทำใครแล้ว ศาลก็ต้องยกฟ้องแต่ถ้าปรากฎว่าในกรณีวิวาทนั้นจำเลยเป็นผู้ทำร้ายผู้ตายมีบาดเจ็บ อันเป็นความผิดส่วนหนึ่งในข้อหาแล้ว ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายผู้ตายถึงบาดเจ็บตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: ลงโทษฐานทำร้ายได้ แม้ไม่สามารถระบุตัวผู้ลงมือ
อัยการโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนา ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทที่ไม่รู้ว่าใครทำใครแล้ว ศาลก็ต้องยกฟ้อง แต่ถ้าปรากฏว่าในกรณีวิวาทนั้น จำเลยเป็นผู้ทำร้ายผู้ตายมีบาดเจ็บ อันเป็นความผิดส่วนหนึ่งในข้อหาแล้ว ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายผู้ตายถึงบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรโชกทางวาจาและการใช้ดุลพินิจนับโทษ
ความผิดฐานกรรโชกตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 303 นั้นแสดงอยู่ชัดว่า ใช้วาจาขู่เข็ญก็เป็นความผิดเช่นเดียวกับการใช้กำลังข่มขืน
จำเลยพูดขู่ว่า ถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาลดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง โจทก์ก็จะฎีกาขอให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
จำเลยพูดขู่ว่า ถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาลดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง โจทก์ก็จะฎีกาขอให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรโชกทางวาจา และดุลยพินิจการนับโทษต่อ
ความผิดฐานกรรโชกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 303 นั้น แสดงอยู่ชัดว่า ใช้วาจาขู่เข็ญก็เป็นความผิดเช่นเดียวกับการใช้กำลังข่มขืน
จำเลยพูดขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาล ดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303 แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลยพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ก็จะฎีกาขอ ให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
จำเลยพูดขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาล ดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303 แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลยพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ก็จะฎีกาขอ ให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การสละสิทธิและการทวงคืน หากสละสิทธิหรือถูกรบกวนเกิน 1 ปี ย่อมไม่มีสิทธิทวงคืนได้
ที่ดินมือเปล่า ซึ่งเจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครองนั้น เมื่อเจ้าของทำสัญญาจะขายให้ผู้อื่นและมอบที่ดินนั้นให้ผู้ซื้อครอบครองไปแล้วเกิน 1 ปีผู้ขายย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนอย่างใดอีก เพราะถ้าได้สละหรือถูกรบกวนการครอบครองเกิน 1 ปีแล้ว ก็เอาคืนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การสละสิทธิและการถูกรบกวนเกิน 1 ปี ทำให้ไม่สามารถเรียกคืนได้
ที่ดินมือเปล่าซึ่งเจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้นเมื่อเจ้าของทำสัญญาจะขายให้ผู้อื่นและมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองไปแล้วเกิน 1 ปี ผู้ขายย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนอย่างใดอีก เพราะถ้าได้สละหรือถูกรบกวนการครองครองเกิน 1 ปี แล้วก็เอาคืนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ศาลคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
แม้ในสัญญาเช่ามีข้อความชัดว่า ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์ที่เช่าเพื่อประโยชน์เฉพาะแต่ที่เป็นประกอบการค้าแต่อย่างเดียว จะไม่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ดังนี้ จำเลยก็มีสิทธิจะต่อสู้และนำสืบได้ว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยในเมื่อจำเลยเช่าอยู่อาศัยมาก่อนและโจทก์ก็ทราบอยู่แล้ว แต่เพื่อจะหลีกเลี่ยงมิให้จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จึงกล่าวข้อความเหล่านั้นลงในสัญญาเช่า ดังนี้ ก็ต้องถือตามความเป็นจริงและถือว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าใช้เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย: ศาลยึดตามการใช้งานจริง แม้มีข้อตกลงในสัญญา
แม้ในสัญญาเช่ามีข้อความชัดว่าผู้เช่าจะใช้ทรัพย์ที่เช่าเพื่อประโยชน์เฉพาะแต่ที่เป็นประกอบการค้าแต่อย่างใดจะไม่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ดังนี้จำเลยก็มีสิทธิจะต่อสู้และนำสืบได้ว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัย ในเมื่อจำเลยเช่าอยู่อาศัยมาก่อนและก็ทราบอยู่แล้วแต่เพื่อจะหลีกเลี่ยงมิให้จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จึงกล่าวข้อความเหล่านั้นลงในสัญญาเช่า ดังนี้ก็ต้องถือตามความเป็นจริงและถือว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุกและการกระทำต่อร่างกาย: ความผิดตามมาตรา 327
ความผิดฐานบุกรุกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 327 นั้นผู้กระทำจะต้องมีเจตนากระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นด้วยจึงจะเป็นความผิด
จำเลยเข้าไปใต้ถุนเรือนของเจ้าทรัพย์ ใช้มือลอดพื้นฟากเรือนเพื่อถูกต้องเนื้อตัวบุตรสาวเจ้าทรัพย์ด้วยความคะนองพอใจบุตรีเจ้าทรัพย์แต่บุตรีเจ้าทรัพย์ไม่พอใจจึงใช้มีดฟันเอาจำเลยก็หนีไปนั้น จำเลยยังไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 327
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 329 ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 329 โจทก์ก็ยอม คงฎีกายืนยันขึ้นมาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 327 เท่านั้นในชั้นฎีกาคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงมาตรา 329 อีก (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2494)
จำเลยเข้าไปใต้ถุนเรือนของเจ้าทรัพย์ ใช้มือลอดพื้นฟากเรือนเพื่อถูกต้องเนื้อตัวบุตรสาวเจ้าทรัพย์ด้วยความคะนองพอใจบุตรีเจ้าทรัพย์แต่บุตรีเจ้าทรัพย์ไม่พอใจจึงใช้มีดฟันเอาจำเลยก็หนีไปนั้น จำเลยยังไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 327
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 329 ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 329 โจทก์ก็ยอม คงฎีกายืนยันขึ้นมาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 327 เท่านั้นในชั้นฎีกาคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงมาตรา 329 อีก (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกตามมาตรา 327 ต้องมีเจตนาเฉพาะเจาะจง การกระทำเพียงล่วงล้ำเข้าไปโดยไม่มีเจตนาไม่ถือเป็นความผิด
ความผิดฐานบุกรุกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 327 นั้นผู้กระทำจะต้องมีเจตนากระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นด้วยจึงจะเป็นความผิด
จำเลยเข้าไปใต้ถุนเรือนของเจ้าทรัพยื ใช้มือลอดฟื้นฟากเรือนเพือถูกต้องเนื้อตัวบุตรสาวเจ้าทรัพย์ด้วยความคะนองพอใจบุตรีเจ้าทรัพย์ แต่บุตรีเจ้าทรัพย์ไม่พอใจจึงใช้มีดฟันเอาจำเลยก็หนีไปนั้น จำเลยยังไม่มีความผิดตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 327
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 329 ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 329 โจทก์ก็ยอมคงฎีกายืนยันขึ้นมาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 327 เท่านั้น ในชั้นฎีกาคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงมาตรา 329 อีก
จำเลยเข้าไปใต้ถุนเรือนของเจ้าทรัพยื ใช้มือลอดฟื้นฟากเรือนเพือถูกต้องเนื้อตัวบุตรสาวเจ้าทรัพย์ด้วยความคะนองพอใจบุตรีเจ้าทรัพย์ แต่บุตรีเจ้าทรัพย์ไม่พอใจจึงใช้มีดฟันเอาจำเลยก็หนีไปนั้น จำเลยยังไม่มีความผิดตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 327
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 329 ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 329 โจทก์ก็ยอมคงฎีกายืนยันขึ้นมาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 327 เท่านั้น ในชั้นฎีกาคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงมาตรา 329 อีก