คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาถปรีชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับฟังข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลเดิมและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าหลักฐานพยานโจทก์ไม่พอฟัง จึงพิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่ฟังว่าจำเลยแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าให้ตายคงพิพากษาว่าผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 251 ดังนี้ คดีจึงเป็นอันว่าในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนานี้ ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2002/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงสภาพอาคารจากที่อยู่อาศัยเป็นร้านค้า ทำให้ไม่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ชั้นแรกจำเลยได้ตกลงกับโจทก์เช่าห้องเป็นที่อยู่อาศัย ต่อมาจำเลยได้ตกลงกับโจทก์เปลี่ยนแปลงห้องเช่าเป็นร้านค้า และเพิ่มอัตราค่าเช่าให้โจทก์ด้วย ดังนี้คู่กรณีได้เปลี่ยนแปลงอาคารจากบ้านที่อยู่มาเป็นร้านค้า จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2002/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นร้านค้า ทำให้ไม่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ชั้นแรกจำเลยได้ตกลงกับโจทก์เช่าห้องเป็นที่อยู่อาศัย ต่อมาจำเลยได้ตกลงกับโจทก์เปลี่ยนแปลงห้องเช่าเป็นร้านค้า และเพิ่มอัตราค่าเช่า ให้โจทก์ด้วย ดังนี้คู่กรณีได้เปลี่ยนแปลงอาคารจากบ้านที่อยู่มาเป็นร้านค้า จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างดอกเบี้ยและสิทธิครอบครองที่ดิน เมื่อครบกำหนดไม่ไถ่ถอน เจ้าของที่ดินย่อมสละสิทธิ
ทำสัญญากู้เงินเขามอบนาให้เขาทำกินต่างดอกเบี้ยโดยมีข้อสัญญากันว่า จะไถ่ถอนภายในกำหนด ถ้าไม่นำเงินมาไถ่ถอนตามกำหนดก็ให้ฝ่ายยึดถือที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิสืบไป ดังนี้เมื่อที่ดินนานั้นไม่มีหนังสือสำหรับสำหรับที่และไม่มีการไถ่ถอนภายในกำหนด ก็ย่อมต้องถือว่าผู้กู้ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินสละสิทธิครอบครองมานั้นให้แก่ผู้ให้กู้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิในที่ดินจากการไม่ไถ่ถอนตามสัญญา แม้ไม่มีหนังสือสำคัญ
ทำสัญญากู้เงินเขามอบนาให้เขาทำกินต่างดอกเบี้ย โดยมีข้อสัญญากันว่า จะไถ่ถอนภายในกำหนด ถ้าไม่นำเงินมาไถ่ถอนตามกำหนดก็ให้ฝ่ายยึดถือที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์สืบไป ดังนี้เมื่อที่ดินนานั้นไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่และไม่มีการไถ่ถอนภายในกำหนด ก็ย่อมต้องถือว่าผู้กู้ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินสละสิทธิครอบครองนานั้นให้แก่ผู้ให้กู้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับการบังคับจำนอง: สิทธิในทรัพย์สินยังไม่หลุดจนกว่าจะผิดนัด
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ จำเลยทำยอมชำระหนี้โดยดี ในระหว่างนั้นผู้รับจำนองได้ฟ้องบังคับจำนองเอากับจำเลยบ้าง จำเลยทำยอมต่อศาลว่ายอมชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้ภายในกำหนด ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดยอมให้ที่นา 2 แปลงที่จำนองไว้ หลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง ดังนี้ตามสัญญาประนีประนอมดังกล่าวยังหามีผลให้นา 2 แปลงหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้รับจำนองทันทีไม่ หากแต่มีเงื่อนไขยอมให้หลุดเป็นสิทธิเมื่อไม่ใช้หนี้ภายในกำหนด ฉะนั้นถ้าเจ้าหนี้เงินกู้นำยึดนา 2 แปลงนี้ เพื่อขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ของตนก่อนกำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความ ระหว่างผู้รับจำนองและจำเลยแล้ว ผู้รับจำนองก็จะมาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่นา 2 แปลงนั้นไม่ได้ เพราะขณะนำยึดนา 2 แปลงนั้นยังเป็นของจำเลยอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนอง vs. สิทธิยึด: การยึดทรัพย์ก่อนกรรมสิทธิจำนองตกเป็นของผู้รับจำนอง
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้จำเลยทำยอมชำระหนี้โดยดี ในระหว่างนั้นผู้รับจำนองได้ฟ้องบังคับจำนองเอากับจำเลยบ้าง จำเลยทำยอมต่อศาลว่ายอมชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้ภายในกำหนด ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดยอมให้ที่นา 2 แปลงที่จำนองไว้หลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง ดังนี้ ตามสัญญาประนีประนอมดังกล่าว ยังหามีผลให้นา 2 แปลงหลุดเป็นกรรมสิทธิแก่ผู้รับจำนองทันทีไม่หากแต่มีเงื่อนไขยอมให้หลุดเป็นสิทธิเมื่อไม่ใช้หนี้ภายในกำหนดฉะนั้น ถ้าเจ้าหนี้เงินกู้นำยึดมา 2 แปลงนี้ เพื่อ ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ของตน ก่อนกำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความ ระหว่างผู้รับจำนองและจำเลยแล้ว ผู้รับจำนองก็มาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่นา 2 แปลงนั้นไม่ได้ เพราะขณะนำยึดนา 2 แปลงนั้นยังเป็นของจำเลยอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกคืนช้างคืนจากอำเภอ ต้องพิสูจน์เจตนาการหน่วงเหนี่ยว
มีผู้จับช้างได้ โดยพบในถนนไม่มีผู้ควบคุม ผู้ใหญ่บ้านนำส่งอำเภอ ทางอำเภอจึงสอบสวนหาเจ้าของ มีผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่ปรากฏตำหนิช้างของกลางกับตำหนิในตั๋วพิมพ์รูปพรรณของผู้นั้นไม่ตรงกัน ทางอำเภอจึงสั่งให้ผู้นั้นนำพยานมาสอบสวนต่อไป ระหว่างสอบสวนอยู่ยังไม่เสร็จ ผู้นั้นฟ้องนายอำเภอเรียกช้างคืนโดยอ้างว่านายอำเภอแกล้งหน่วงเหนี่ยวไม่ยอมคืนช้างให้ดังนี้ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่านายอำเภอมีเจตนาแกล้งยึดหน่วงไม่คืนช้างให้แล้ว ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องและเรียกค่าเสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดช้างของกลางและการฟ้องเรียกคืน กรณีไม่มีเจตนาหน่วงเหนี่ยว
มีผู้จับช้างได้ โดยพบในถนนไม่มีผู้ควบคุม ผู้ใหญ่บ้านนำส่งอำเภอ ทางอำเภอจึงสอบสวนหาเจ้าของ มีผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่ปรากฎตำหนิช้างของกลางกับตำหนิในตั๋วพิมพ์รูปพรรณของผู้นั้นไม่ตรงกัน ทางอำเภอจึงสั่งให้ผู้นั้นนำพยานมาสอบสวนต่อไป ระหว่างสอบสวนอยู่ยังไม่เสร็จ ผู้นั้นฟ้องนายอำเภอเรียกช้างคืนโดยอ้างว่านายอำเภอแกล้งหน่วงเหนี่ยวไม่ยอมคืนช้างให้ดังนี้ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่านายอำเภอมีเจตนาแกล้งยึดหน่วงไม่คืนช้างให้แล้ว ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องและเรียกค่าเสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษคดีหลังเมื่อมีโทษคดีก่อนรอการลงอาญา: มาตรา 72 และ 42 แก้ไขเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา(ฉบับที่ 14)2494ซึ่งมีความตอนหนึ่งว่า "ให้....บวกโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง" นั้น ความตอนนี้ย่อมมีความมุ่งหมายเช่นเดียวกับมาตรา 42 ของเดิมนั้นเอง คือให้ลงโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีก่อนเป็นโสดหนึ่งต่างหากจากโทษที่จำเลยจะต้องรับสำหรับความผิดครั้งหลัง
แต่ในเรื่องเพิ่มโทษตามมาตรา 72 นั้น ในกรณีรอการลงอาญา มาตรา 42 ที่แก้ไขใหม่ หาได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เพิ่มโทษได้ดุจมาตรา 42 ของเดิมไม่ฉะนั้นเมื่อโทษในคดีเดิมถูกรอการลงอาญาไว้ จำเลยจึงหาได้ถูกจำคุกและพ้นโทษจำคุกในคดีก่อนแล้วมากระทำผิดในคดีใหม่นี้อีกไม่ จึงจะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 72 ไม่ได้
of 219