พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจริบของกลางในคดีชั่งตวงวัด: เจตนารมณ์ของกฎหมายเฉพาะ
ฟ้องคดีอาญานั้น กฎหมายบังคับให้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดเท่านั้น หาได้บัญญัติให้อ้างบทมาตราที่บัญญัติให้ริบของกลางด้วยไม่ฉะนั้นแม้จะไม่ได้อ้างมา ศาลก็มีอำนาจริบได้ในเมื่อโจทก์มีคำขอไว้แล้ว
พระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัดได้มีบทบัญญัติในเรื่องการริบและการยึดไว้แล้ว ดังจะเห็นได้ตามมาตรา 24 และ 38 ย่อมเห็นเจตนารมย์ของพระราชบัญญัตินี้ได้ว่า ไม่ประสงค์ที่จะให้นำมาตรา 27,28 แห่งกฎหมายลักษณะอาญามาใช้บังคับแก่กระทำผิดใดๆ ตาม พระราชบัญญัตินี้อีกในเมื่อการกระทำนั้นๆ ไม่เป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญาด้วย
ในกรณีที่จำเลยมีเครื่องชั่งที่ไม่มีตราเครื่องหมายของเจ้าพนักงานไว้ในความครอบครองเพื่อใช้ในพาณิชยกิจต่อเนื่องกับผู้อื่น และยังได้ใช้เครื่องชั่งนั้นชั่งเนื้อสุกรขายแก่ประชาชนอีกนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยตามพระราชบัญญัติชั่งตวงวัด 2466 มาตรา 31 แล้วยังสั่งให้โจทก์ส่งของกลางไปให้เจ้าพนักงาน ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด2466 มาตรา 24 ดำริว่าควรจะจัดการกับเครื่องชั่งของกลางสถานใด แทนการสั่งยึดตามมาตรา 38 ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2493)
พระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัดได้มีบทบัญญัติในเรื่องการริบและการยึดไว้แล้ว ดังจะเห็นได้ตามมาตรา 24 และ 38 ย่อมเห็นเจตนารมย์ของพระราชบัญญัตินี้ได้ว่า ไม่ประสงค์ที่จะให้นำมาตรา 27,28 แห่งกฎหมายลักษณะอาญามาใช้บังคับแก่กระทำผิดใดๆ ตาม พระราชบัญญัตินี้อีกในเมื่อการกระทำนั้นๆ ไม่เป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญาด้วย
ในกรณีที่จำเลยมีเครื่องชั่งที่ไม่มีตราเครื่องหมายของเจ้าพนักงานไว้ในความครอบครองเพื่อใช้ในพาณิชยกิจต่อเนื่องกับผู้อื่น และยังได้ใช้เครื่องชั่งนั้นชั่งเนื้อสุกรขายแก่ประชาชนอีกนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยตามพระราชบัญญัติชั่งตวงวัด 2466 มาตรา 31 แล้วยังสั่งให้โจทก์ส่งของกลางไปให้เจ้าพนักงาน ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด2466 มาตรา 24 ดำริว่าควรจะจัดการกับเครื่องชั่งของกลางสถานใด แทนการสั่งยึดตามมาตรา 38 ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลริบของกลางในคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด แม้โจทก์มิได้อ้างมาตราที่ให้ริบโดยตรง
ฟ้องคดีอาญานั้น กฎหมายบังคับให้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดเท่านั้น หาได้บัญญัติให้อ้างบทมาตราที่บัญญัติให้ริบของกลางด้วยไม่ ฉะนั้นแม้จะไม่ได้อ้างมา ศาลก็มีอำนาจริบได้ในเมื่อโจทก์มีคำขอไว้แล้ว
พ.ร.บ.มาตราชั่วตวงวัดได้มีบทบัญญัติในเรื่องการริบและการยึดไว้แล้ว ดังจะเห็นได้ตามมาตรา 24 และ 38 ย่อมเห็นเจตนารมย์ของ พ.ร.บ.นี้ได้ว่า ไม่ประสงค์ที่จะให้นำมาตรา 27,28 แห่งก.ม.ลักษระอาญามาใช้บังคับแก่กระทำผิดใด ๆ ตาม พ.ร.บ.นี้อีกในเมื่อการกระทำนั้น ๆ ไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษระอาญาด้วย
ในกรณีที่จำเลยมีเครื่องชั่งที่ไม่มีตราเครื่องหมายของเจ้าพนักงานไว้ในความครอบครองเพื่อใช้ในพาณิชกิจต่อเนื่องกับผู้อื่น และยังได้ใช้เครื่องชั่งเนื้อสุกรขายแก่ประชาชนอีกนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษปับจำเลยตาม พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด 2466 มาตรา 31 แล้ว ยังสั่งให้โจทก์ส่งของกลางไปให้เจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ. 31 แล้ว ยังสั่งให้โจทก์ส่งของกลางไปให้เจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด 2466 มาตรา 24 ดำริว่า ควรจะจัดการกับเครื่องชั่งของกลางสถานใด แทนการสั่งยึดตามมาตรา 38 ได้
พ.ร.บ.มาตราชั่วตวงวัดได้มีบทบัญญัติในเรื่องการริบและการยึดไว้แล้ว ดังจะเห็นได้ตามมาตรา 24 และ 38 ย่อมเห็นเจตนารมย์ของ พ.ร.บ.นี้ได้ว่า ไม่ประสงค์ที่จะให้นำมาตรา 27,28 แห่งก.ม.ลักษระอาญามาใช้บังคับแก่กระทำผิดใด ๆ ตาม พ.ร.บ.นี้อีกในเมื่อการกระทำนั้น ๆ ไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษระอาญาด้วย
ในกรณีที่จำเลยมีเครื่องชั่งที่ไม่มีตราเครื่องหมายของเจ้าพนักงานไว้ในความครอบครองเพื่อใช้ในพาณิชกิจต่อเนื่องกับผู้อื่น และยังได้ใช้เครื่องชั่งเนื้อสุกรขายแก่ประชาชนอีกนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษปับจำเลยตาม พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด 2466 มาตรา 31 แล้ว ยังสั่งให้โจทก์ส่งของกลางไปให้เจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ. 31 แล้ว ยังสั่งให้โจทก์ส่งของกลางไปให้เจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด 2466 มาตรา 24 ดำริว่า ควรจะจัดการกับเครื่องชั่งของกลางสถานใด แทนการสั่งยึดตามมาตรา 38 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครอง แม้ไม่มีหนังสือซื้อขาย และอำนาจศาลในการพิพากษาขัดทรัพย์ของผู้ไม่เป็นคู่ความ
การซื้อขายที่ดินมีโฉนดซึ่งแม้จะมิได้ทำเป็นหนังสือซื้อขายกันให้ถูกต้อง แต่เมื่อฝ่ายผู้ซื้อได้ครอบคอรงมากว่า 10 ปีแล้ว ก็ย่อมได้ที่เป็นสิทธิในฐานะครอบครอง
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยการครอบครอง แม้ไม่มีสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือ เมื่อครอบครองเกิน 10 ปี
การซื้อขายที่ดินมีโฉนดซึ่งแม้จะมิได้ทำเป็นหนังสือซื้อขายกันให้ถูกต้อง แต่เมื่อฝ่ายผู้ซื้อได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้วก็ย่อมได้ที่เป็นสิทธิในฐานะครอบครอง
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้มีการตกลงเช่าใหม่กับเจ้าของทรัพย์สิน
การที่จำเลยถูกผู้เช่าเดิมเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ให้ออกจากห้องพิพาทจนได้ทำสัญญายอมความกันต่อศาลว่าจะออกจากห้องไปภายในกำหนดแล้วกลับปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่ากับโจทก์ และตกลงจะให้จำเลยเช่าห้องพิพาทต่อไป ซึ่งโจทก์ได้คัดค้านอยู่ ดังนี้ ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิจะคงอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เพียงแต่เป็นเหตุพอที่ศาลยังไม่ควรจะจับกุมกักขังจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้มีการตกลงเช่ากับเจ้าของทรัพย์สินใหม่
การที่จำเลยถูกผู้เช่าเดิมเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ให้ออกจากห้องพิพาทจนได้ทำสัญญายอมความกันต่อศาลว่าจะออกจากห้องไปภายในกำหนดแล้วกลับปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่ากับโจทก์ และตกลงจะให้จำเลยเช่าห้องพิพาทต่อไปซึ่งโจทก์ได้คัดค้านอยู่ ดังนี้ ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิจะคงอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เพียงแต่เป็นเหตุพอที่ศาลยังไม่ควรจะจับกุมกักขังจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทนาย: ค่าจ้างแม้ถอนทนายกลางคดีก็ต้องจ่าย, การเป็นทนายฝ่ายตรงข้ามเป็นเรื่องมรรยาท
การที่ตกลงจ้างทนายฟ้องคดีเป็นจำนวนหนึ่ง โดยไม่คำนึงว่าคดีจะดำเนินไปเสร็จหรือไม่ หากผู้จ้างมาถอนทนายนั้นเสียในระหว่างคดี ก็ไม่ถือว่าทนายเป็นฝ่ายผิดสัญญา และลดค่าจ้างมิได้
แม้ทนายที่จ้างไปนั้น เป็นทนายให้ผู้อื่นมาฟ้องผู้ว่าจ้างเป็นจำเลยให้เลิกกิจการบริษัท ดังนี้ก็ไม่ถือว่าทนายนั้นผิดสัญญาเป็นเรื่องเกี่ยวแก่มรรยาทต่างหาก
แม้ทนายที่จ้างไปนั้น เป็นทนายให้ผู้อื่นมาฟ้องผู้ว่าจ้างเป็นจำเลยให้เลิกกิจการบริษัท ดังนี้ก็ไม่ถือว่าทนายนั้นผิดสัญญาเป็นเรื่องเกี่ยวแก่มรรยาทต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทนาย: การถอนทนายก่อนคดีเสร็จสิ้นไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
การที่ตกลงจ้างทนายฟ้องคดีเป็นเงินจำนวนหนึ่ง โดยไม่คำนึงว่าคดีจะดำเนินไปเสร็จหรือไม่ หากผู้จ้างมาถอนทนายนั้นเสียในระหว่างคดี ก็ไม่ถือว่าทนายเป็นฝ่ายผิดสัญญาและลดค่าจ้างมิได้
แม้ทนายที่จ้างไปนั้น เป็นทนายให้ผู้อื่นมาฟ้องผู้ว่าจ้างเป็นจำเลยให้เลิกกิจการบริษัท ดังนี้ก็ไม่ถือว่าทนายนั้นผิดสัญญาเป็นเรื่องเกี่ยวแก่มารยาทต่างหาก
แม้ทนายที่จ้างไปนั้น เป็นทนายให้ผู้อื่นมาฟ้องผู้ว่าจ้างเป็นจำเลยให้เลิกกิจการบริษัท ดังนี้ก็ไม่ถือว่าทนายนั้นผิดสัญญาเป็นเรื่องเกี่ยวแก่มารยาทต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองมรดกโดยทายาทร่วม การไถ่คืนนาพิพาท และผลของการลอบไถ่โดยไม่แจ้ง
การที่ทายาทของผู้ตายร่วมกันไปกู้เงินผู้อื่นมาไถ่นาพิพาทและให้เจ้าหนี้ทำนาพิพาทต่างดอกเบี้ยภายใน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายนั้นถือว่าทายาทเหล่านั้นได้ครอบครองนาพิพาทด้วยกัน ตลอดเวลาที่เจ้าหนี้ทำนามรดกนั้นต่างดอกเบี้ยอยู่ หากทายาทคนใดไปลอบไถ่มาโดยไม่แจ้งให้ทายาทอื่นทราบ ก็ไม่ถือว่าทายาทคนอื่นสละการครอบครองคงถือว่าทายาทที่ลอบไถ่มาครอบครองแทนทายาทอื่นนั้นและคดีไม่ขาดอายุความมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองมรดกโดยทายาทร่วม การไถ่นาพิพาท และผลของการครอบครองแทนกัน
การที่ทายาทของผู้ตายร่วมกันไปกู้เงินผู้อื่นมาไถ่นาพิพาท และให้เจ้าหนี้ทำนาพิพาทต่างดอกเบี้ยภายใน 1 ปีนับแต่เจ้ามรดกตายนั้น ถือว่าทายาทเหล่านั้นได้ครอบครองนาพิพาทด้วยกัน ตลอดเวลาที่เจ้าหนี้ทำนามรดกนั้นต่างดอกเบี้ยอยู่ หากทายาทคนใดไปลอบไถ่มาโดยไม่แจ้งให้ทายาทอื่นทราย ก็ไม่ถือว่าทายาทคนอื่นสละการครอบครอง คงถือว่าทายาทลอบที่ไถ่มาครอบครองแทนทายาทอื่นนั้น และคดีไม่ขาดอายุความมรดก