พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกที่ดินหลังเจ้าพนักงานที่ดินเปรียบเทียบแล้ว ไม่ถือเป็นการสละมรดกหรือประนีประนอมยอมความ
ทายาทด้วยกันต่างโต้แย้งคัดค้านการประกาศรับมรดกที่ดินของซึ่งกันและกันเจ้าพนักงานที่ดินจึงเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.การออกโฉนดที่ดิน ร.ศ.127 มาตรา 52 โดยสั่งให้ลงชื่อทายาทบางคนลงในโฉนดแปลงหนึ่ง และสั่งให้ลงชื่อทายาทอื่นลงในโฉนดอีกแปลงหนึ่ง และให้ฝ่ายที่ไม่พอใจไปฟ้องศาลภายใน 30 วัน เมื่อถึงกำหนดไม่มีใครไปฟ้องร้อง เจ้าพนักงานที่ดินจึงได้ลงชื่อทายาทในโฉนดไปตามที่ได้สั่งแล้วนั้น ดังนี้ จะถือว่าทายาทคนที่ไม่ถูกลงชื่อในโฉนดได้สละมรดกส่วนของตนในโฉนดนั้นยังไม่ได้ และจะว่าเป็นการปรานีประนอมยอมความก็ไม่ได้ ทายาทผู้ไม่ถูกลงชื่อในโฉนดนั้น ย่อมมีสิทธิมาฟ้องขอแบ่งที่ดินนั้นต่อศาลได้ภายในกำหนดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกที่ดินโดยเจ้าพนักงานที่ดินและการใช้สิทธิเรียกร้องของทายาท
ทายาทด้วยกันต่างโต้แย้งคัดค้านการประกาศรับมรดกที่ดินของซึ่งกันและกัน เจ้าพนักงานที่ดินจึงเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติการออกโฉนดที่ดิน ร.ศ.127 มาตรา 52 โดยสั่งให้ลงชื่อทายาทบางคนลงในโฉนดแปลงหนึ่ง และสั่งให้ลงชื่อทายาทอื่นลงในโฉนดอีกแปลงหนึ่ง และให้ฝ่ายที่ไม่พอใจไปฟ้องศาลภายใน 30 วันเมื่อถึงกำหนดไม่มีใครไปฟ้องร้อง เจ้าพนักงานที่ดินจึงได้ลงชื่อทายาทในโฉนดไปตามที่ได้สั่งแล้วนั้น ดังนี้ จะถือว่าทายาทคนที่ไม่ถูกลงชื่อในโฉนดได้สละมรดกส่วนของตนในโฉนดนั้นยังไม่ได้ และจะว่าเป็นการประนีประนอมยอมความก็ไม่ได้ ทายาทผู้ไม่ถูกลงชื่อในโฉนดนั้น ย่อมมีสิทธิมาฟ้องขอแบ่งที่ดินนั้นต่อศาลได้ภายในกำหนดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความมีหน้าที่ต้องส่งมอบเงินที่ได้รับจากศาลให้ตัวความ และไม่มีสิทธิหักค่าทนายโดยพลการหากยังไม่มีข้อตกลง
ทนายความรับมอบฉันทะจากตัวควาให้ไปรับเงินที่ศาลเมื่อทนายได้รับเงินมาแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของทนายจะต้องมอบเงินที่ได้มาให้แก่ตัวความ ไม่มีอำนาจหักค่าทนายไว้โดยพลการ ในเมื่อปรากฎว่าเงินค่าจ้างว่าความนี้ ยังโต้เถียงกันอยู่ว่าชำระให้แล้วหรือยังทนายไม่มีสิทธิจะหักกลบลบหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความมีหน้าที่ส่งมอบเงินค่าเสียหายให้ตัวความโดยพลการ ห้ามหักกลบลบหนี้
ทนายความรับมอบฉันทะจากตัวความให้ไปรับเงินที่ศาล เมื่อทนายได้รับเงินมาแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของทนายจะต้องมอบเงินที่ได้รับมาให้แก่ตัวความไม่มีอำนาจหักค่าทนายไว้โดยพลการ ในเมื่อปรากฏว่าเงินค่าจ้างว่าความนี้ ยังโต้เถียงกันอยู่ว่าชำระให้แล้วหรือยัง ทนายไม่มีสิทธิจะหักกลบลบหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าส่งมอบทรัพย์ให้บุคคลภายนอกหลังเลิกสัญญา ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกคืนจากบุคคลภายนอกได้
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้ผู้เช่าส่งมอบทรัพย์ที่เช่าคืนเพราะเลิกสัญญาเช่ากันแล้ว ผู้เช่าให้การว่าทรัพย์ที่เช่านั้น บุคคลภายนอกได้ยึดหน่วงไว้โดยอ้างว่า ผู้ให้เช่าค้างชำระค่าเช่า และทำของของเขาเสียหายจึงไม่สามารถส่งคืนได้ จึงขอให้เรียกบุคคลภายนอกนั้นเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยเช่นนี้ ศาลย่อมมีคำสั่งให้หมายเรียกบุคคลภายนอกนั้นเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยได้และเมื่อบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาบังคับให้บุคคลภายนอกนั้นส่งมอบทรัพย์ที่เช่าแก่ผู้ให้เช่าได้ไม่เป็นการนอกคำขอท้ายฟ้อง เพราะถือได้ว่าคำขอย่อมบังคับเอาแก่จำเลยทุกคนโดยร่วมกันและแทนกันได้
เช่าทรัพย์เขามาโดยได้รับมอบทรัพย์ที่เช่ามาจากเขาแล้ว ครั้นเมื่อเลิกสัญญาเช่ากัน ไม่ส่งคืนทรัพย์ที่เช่าแก่เขา กลับเอาไปมอบแก่บุคคลภายนอก ครั้นเขาทวงคืนจึงไปขอจากบุคคลภายนอกบุคคลภายนอกไม่ยอมคืนให้ ดังนี้ตนชอบที่จะต้องจัดการเรียกคืนการครอบครองตามสิทธิของตนถ้าไม่จัดการดังกล่าวแล้ว จะอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยในการชำระหนี้ไม่ได้
เช่าทรัพย์เขามาโดยได้รับมอบทรัพย์ที่เช่ามาจากเขาแล้ว ครั้นเมื่อเลิกสัญญาเช่ากัน ไม่ส่งคืนทรัพย์ที่เช่าแก่เขา กลับเอาไปมอบแก่บุคคลภายนอก ครั้นเขาทวงคืนจึงไปขอจากบุคคลภายนอกบุคคลภายนอกไม่ยอมคืนให้ ดังนี้ตนชอบที่จะต้องจัดการเรียกคืนการครอบครองตามสิทธิของตนถ้าไม่จัดการดังกล่าวแล้ว จะอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยในการชำระหนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีหน้าที่ส่งคืนทรัพย์เช่า แม้จะมอบให้บุคคลภายนอก และต้องจัดการเรียกคืนการครอบครอง
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้ผู้เช่าส่งมอบทรัพย์ที่เช่าคืน เพราะเลิกสัญญาเช่ากันแล้ว ผู้เช่าให้การว่าทรัพย์ที่เช่านั้น บุคคลภายนอกได้ยึดหน่วงไว้โดยอ้างว่า ผู้ให้เช่าค้างชำระค่าเช่า และทำของของเขาเสียหายจึงไม่สามารถส่งคืนได้ จึงขอให้เรียกบุคคลภายนอกนั้นเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยเช่นนี้ ศาลย่อมมีคำสั่งให้หมายเรียกบุคคลภายนอกนั้นเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยได้และเมื่อบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาบังคับให้บุคคลภายนอกนั้นส่งมอบทรัพย์ที่เช่าแก่ผู้ให้เช่าได้ไม่เป็นการนอกคำขอท้ายฟ้องเพราะถือได้ว่าคำขอย่อมบังคับเอาแก่จำเลยทุกคนโดยร่วมกันและแทนกัน
เช่าทรัพย์เขามาโดยได้รับมอบทรัพย์ที่เช่ามาจากเขา แล้วครั้นเมื่อเลิกสัญญาเช่ากัน ไม่ส่งคืนทรัพย์ที่เขาแก่เขา กลับเอาไปมอบแก่บุคคลภายนอก ครั้นเขาทวงคืน จึงไปขอจากบุคคลภายนอก ๆ ไม่ยอมคืนให้ ดังตนชอบที่จะต้องจัดการเรียกคืนการครอบครองตามสิทธิของตน ถ้าไม่+ารดังกล่าวแล้ว จะอ้าง+เป็นเหตุสุดวิสัยในการชำระหนี้ ไม่ได้
เช่าทรัพย์เขามาโดยได้รับมอบทรัพย์ที่เช่ามาจากเขา แล้วครั้นเมื่อเลิกสัญญาเช่ากัน ไม่ส่งคืนทรัพย์ที่เขาแก่เขา กลับเอาไปมอบแก่บุคคลภายนอก ครั้นเขาทวงคืน จึงไปขอจากบุคคลภายนอก ๆ ไม่ยอมคืนให้ ดังตนชอบที่จะต้องจัดการเรียกคืนการครอบครองตามสิทธิของตน ถ้าไม่+ารดังกล่าวแล้ว จะอ้าง+เป็นเหตุสุดวิสัยในการชำระหนี้ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์โดยตัดลูกกรง ไม่เข้าข่ายฉกรรจ์ตามกฎหมาย
จำเลยใช้คีมปากนกแก้วตัดลูกกรงหรือลวดตาข่ายเหล้กที่บานประตูแล้ว เอามือล้วงเข้าไปถอดกลอนเปิดประตูเข้าไปลักทรัพย์ ไม่เรียกว่าตัดช่องเข้าไปลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 293 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์โดยไม่เข้าข่ายตัดช่องบุกรุก
จำเลยใช้คีมปากนกแก้วตัดลูกกรงหรือลวดตาข่ายเหล็กที่บานประตูแล้ว เอามือล้วงเข้าไปถอดกลอนเปิดประตูเข้าไปลักทรัพย์ ไม่เรียกว่าตัดช่องเข้าไปลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบกิจการแปรรูปไม้เข้าข่าย 'โรงงานแปรรูปไม้' ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
จำเลยทำการแปรรูปไม้ที่ในสวนกล้วย โดยตั้งเป็นโรง 2 ห้อง ทำค้างเลื่อยให้คนเลื่อยไม่ได้ 4 คู่ ทำการเลื่อยไม้แล้วเป็นอันมาก ที่ส่งออกไปที่อื่นเจ้าพนักงานจับได้เป็นไม้กระดาน 103 แผ่น ยังมีปีกไม้อยู่ตามบริเวณโรงงานอีกกว่า 200 แผ่น ไม้เหลี่ยม 6 เหลี่ยม ไม้สักกว่า 20 ท่อน ดังนี้ ต้องถือว่าที่ทำการเลื่อยไม้ของจำเลยเป็น "โรงงานแปรรูปไม้" ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 4(13)แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต การพิจารณา 'โรงงาน' ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
จำเลยทำการแปรรูปไม้ที่ในสวนกล้วย โดยตั้งเป็นโรง 2 ห้อง ทำค้างเลื่อยให้คนเลื่อยไม่ได้ 4 คู่ ทำการเลื่อยไม้แล้วเป็นอันมาก ที่ส่งออกไปที่อื่นเจ้าพนักงานจับได้เป็นไม้กระดาน 103 แผ่น ยังมีปึกไม้อยู่ตามบริเวณโรงงานอีกกว่า 200 แผ่น ไม้เหลี่ยม 6 เหลี่ยม ไม้สักกว่า 20 ท่อน ดังนี้ ต้องถือว่าที่ทำการเลื่อยไม้ของจำเลยเป็น " โรงงานแปรรูปไม้ " ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 4 (13) แล้ว