พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่สนับสนุนคดีที่เกิดจากการพะนัน และการที่จำเลยไม่ได้รับมอบทรัพย์สินจึงไม่มีความผิด
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า โจทก์กับนางสาวขาวตกลงกันว่า ถ้าเลขท้าย 3 ตัว ของกลางรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งงวดสุดท้ายประจำเดือน มกราคม 2492 ตรงกับเลข 094 ให้โจทก์ได้รับสายสร้อยทองคำ 1 เส้น ราคา 720 บาท ซึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา ต่อมาสลากกล่าวออกตรงเลข 094 โจทก์ไปรับสายสร้อยจากจำเลย จำเลยไม่ได้ยักยอกเอาสายสร้อยนั้นไว้เสียดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวในฟ้อง จำเลยไม่ได้รับมอบหมายสายสร้อยของโจทก์ไว้จากโจทก์ จำเลยจึงยังไม่มีผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงผลสลากกินแบ่งและการมอบหมายดูแลรักษาทรัพย์สิน การฟ้องยักยอกทรัพย์สินไม่มีมูล
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า โจทก์กับนางสาวขาวตกลงกันว่า ถ้าเลขท้าย 3 ตัวของกลางรางวัลที่ 1สลากกินแบ่งงวดสุดท้ายประจำเดือนมกราคม 2492 ตรงกับเลข 094ให้โจทก์ได้รับสายสร้อยทองคำ 1 เส้น ราคา 720 บาท ซึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา ต่อมาสลากดังกล่าวออกตรงเลข 094 โจทก์ไปขอรับสายสร้อยจากจำเลย จำเลยไม่ให้ ได้ยักยอกเอาสายสร้อยนั้นไว้เสีย ดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวในฟ้อง จำเลยไม่ได้รับมอบหมายสายสร้อยของโจทก์ไว้จากโจทก์ จำเลยจึงยังไม่มีผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ สัญญาไม่ผูกพันผู้เยาว์
ที่ดินในโฉนดมีชื่อมารดากับบุตรผู้เยาว์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์มารดาไปทำสัญญาขายที่ดินนี้ให้แก่ผู้อื่นนั้น ย่อมไม่ผูกพันส่วนของบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากที่มีข้อตกลงให้เช่าที่ดิน ถือเป็นสัญญาเช่าได้หากมีเจตนาและพฤติการณ์สนับสนุน
ในสัญญาขายฝากข้อ 4 มีว่าผู้ซื้อฝากยอมให้ผู้ขายฝากเช่าทรัพย์ที่ขายฝากและระบุค่าเช่าไว้ด้วยและภายหลังก็มีการเช่าต่อกันดังนี้ถือว่า ข้อความเช่นนั้นเป็นสัญญาเช่า มิใช่เป็นเพียงคำเสนอ.
ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกให้แก่ผู้ให้เช่า และต้องคิดราคาในขณะที่ผู้ให้เช่าฟ้องผู้เช่า.
(อ้างฎีกาที่ 143/2491)
ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกให้แก่ผู้ให้เช่า และต้องคิดราคาในขณะที่ผู้ให้เช่าฟ้องผู้เช่า.
(อ้างฎีกาที่ 143/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากที่มีข้อความให้เช่าที่ดินได้ ถือเป็นสัญญาเช่าได้ หากมีเจตนาและพฤติการณ์สนับสนุน แม้ข้อความในสัญญาจะดูเป็นเพียงคำเสนอ
ในสัญญาขายฝากข้อ 4 มีว่าผู้ซื้อฝากยอมให้ผู้ขายฝากเช่าทรัพย์ที่ขายฝากและระบุค่าเช่าไว้ด้วยและภายหลังก็มีการเช่าต่อกันดังนี้ ถือว่าข้อความเช่นนั้นเป็นสัญญาเช่า มิใช่เป็นเพียงคำเสนอ
ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกให้แก่ผู้ให้เช่า และต้องคิดราคาในขณะที่ผู้ให้เช่าฟ้องผู้เช่า (อ้างฎีกาที่ 143/2491)
ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกให้แก่ผู้ให้เช่า และต้องคิดราคาในขณะที่ผู้ให้เช่าฟ้องผู้เช่า (อ้างฎีกาที่ 143/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดจากการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้และเหตุผลของผู้ถูกกล่าวหา
โจทก์ฟ้อง ฉ.จำเลยฐานแจ้งความเท็จว่า โจทก์ยักยอกทรัพย์ของ ฉ. ศาลตัดสินยกฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องแก้เกี้ยวข้อหาของโจทก์ฟังไม่ได้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้หาว่า ฉ.จำเลยจงใจแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ดังนี้ เมื่อศาลได้ชี้ขาดใดคดีก่อนแล้วว่า ฉ.ไม่ได้แจ้งความเท็จในคดีนี้ ก็ต้องฟังว่า ฉ.ไม่ได้แจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด.
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดจากการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ: ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากคดีก่อน และความน่าเชื่อถือของเหตุผลในการเบิกความ
โจทก์ฟ้อง ฉ.จำเลยฐานแจ้งความเท็จว่าโจทก์ยักยอกทรัพย์ของฉ. ศาลตัดสินยกฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องแก้เกี้ยวข้อหาของโจทก์ฟังไม่ได้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้หาว่า ฉ. จำเลยจงใจแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ดังนี้ เมื่อศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนแล้วว่า ฉ. ไม่ได้แจ้งความเท็จในคดีนี้ ก็ต้องฟังว่า ฉ. ไม่ได้แจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1426-1427/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังเกินเหตุของเจ้าพนักงานตำรวจในการวิวาทเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ร่วมไปจับปลากับผู้ตายและพวกเพื่อขอปลาเป็นส่วนแบ่ง ผู้ตายแบ่งให้น้อย จำเลยกลับอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการจับกุม ได้เกิดต่อสู้ทำร้ายกันขึ้น จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย และทำร้ายผู้อื่นถึงบาดเจ็บ ดังนี้การกระทำของจำเลยไม่นับว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่อันชอบ และจำเลยจะอ้างว่าได้กระทำโดยป้องกันตัวก็ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1426-1427/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบและทำร้ายผู้อื่น ไม่สามารถอ้างป้องกันตัวได้
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ร่วมไปจับปลากับผู้ตายและพวกเพื่อขอปลาเป็นส่วนแบ่ง ผู้ตายแบ่งให้น้อย จำเลยกลับอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการจับกุม ได้เกิดต่อสู้ทำร้ายกันขึ้น จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายและทำร้ายผู้อื่นถึงบาดเจ็บ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่นับว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่อันชอบ และจำเลยจะอ้างว่าได้กระทำโดยป้องกันตัวก็ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิฟ้องร้องเป็นโมฆะ: สิทธิเรียกร้องไม่สามารถซื้อขายได้
จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อจำเลยแก้อุทธรณ์ จำเลยก็ยังโต้แย้งความข้อนี้อยู่ ประเด็นนี้ยังไม่ยุติศาลอุทธรณ์วินิจฉัยได้
เจ้าของที่ดินได้โอนการฟ้องร้องขอให้เพิกถอนหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดินกับจำเลยให้กับโจทก์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องจึงเท่ากับขายความเป็นการผิดศีลธรรมอันดี ไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้โอนกันได้และไม่ใช่เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เช่น มอบอำนาจหรือแต่งทนายไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในนามตนเอง
เจ้าของที่ดินได้โอนการฟ้องร้องขอให้เพิกถอนหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดินกับจำเลยให้กับโจทก์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องจึงเท่ากับขายความเป็นการผิดศีลธรรมอันดี ไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้โอนกันได้และไม่ใช่เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เช่น มอบอำนาจหรือแต่งทนายไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในนามตนเอง