คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาถปรีชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีพนันและค่าสินบนนำจับ: ฟ้องต้องระบุผู้รับสินบน
ในคดีการพนัน เมื่อได้มีผู้รับสินบนนำจับ โจทก์จะต้องกล่าวบรรยายในฟ้องด้วยว่า มีผู้รับสินบนนำจับ โจทก์ขอแต่ผลมาท้ายฟ้องของโจทก์ เรื่องเงินสินบนจึงไม่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะขาย vs. สัญญาเช่าซื้อ: การวินิจฉัยจากลักษณะของสัญญาและข้อตกลง
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันว่า จำเลยจะขายโรงเรือนพิพาทเป็นเงิน 42000 บาทแก่โจทก์ โดยจะไปโอนกรรมสิทธิกันตามกฎหมาย เมื่อได้ชำระเงินเสร็จแล้ว ในวันทำสัญญาชำระเงิน 12000 บาทภายในสิ้นเดือนกรกฎา, สิงหา, และกันยา ศกนั้น ชำระอีกงวดละหมื่นบาท และมีเงื่อนไขว่าถ้านายหมาจั๊วผู้เช่าไม่สามารถจะใช้เรือนโรงนี้ประกอบการค้าฝิ่นจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมจำเลยจะยอมซื้อคืนด้วยราคาเดิม โดยระหว่างนั้นจำเลยถูกเจ้าของที่ฟ้องขับไล่เรือนโรงรายนี้อยู่ ดังนี้ สัญญานี้จึงเป็นสัญญาจะขาย ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะขาย vs. สัญญาเช่าซื้อ: การโอนกรรมสิทธิ์เมื่อชำระเงินครบถ้วน
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันว่า จำเลยจะขายโรงเรือนพิพาทเป็นเงิน 42000 บาทแก่โจทก์ โดยจะไปโอนกรรมสิทธิ์กันตามกฎหมาย เมื่อได้ชำระเงินเสร็จแล้ว ในวันทำสัญญาชำระเงิน 12000 บาทภายในสิ้นเดือนกรกฎา,สิงหา,และกันยาศกนั้น ชำระอีกงวดละหมื่นบาท และมีเงื่อนไขว่าถ้านายหมาจั๊วผู้เช่าไม่สามารถจะใช้เรือนโรงนี้ประกอบการค้าฝิ่นจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม จำเลยจะยอมซื้อคืนด้วยราคาเดิม โดยระหว่างนั้นจำเลยถูกเจ้าของที่ฟ้องขับไล่เรือนโรงรายนี้อยู่ ดังนี้ สัญญานี้จึงเป็นสัญญาจะขาย ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ใช่กฎหมายอันรู้ถึงประชาชนเสมอไป ต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายจึงมีผล
ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นตามนิตินัยมิใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าเป็นกฎหมายอันรู้ถึงประชาชน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ว่าประกาศที่ออกแล้วนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้มีผลใช้ได้ในกฎหมายเพียงใด
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่ถือเป็นกฎหมายโดยอัตโนมัติ ต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายจึงมีผลผูกพัน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น ตามนิตินัยไม่ใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าเป็นกฎหมายอันรู้ถึงประชาชน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ว่าประกาศที่ออกแล้วนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้มีผลใช้ได้ในกฎหมายเพียงใด
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำรุดทรุดโทรมของห้องเช่าตามอายุการใช้งาน และความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีมโนสาเร่ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริง คู่ความย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำรุดทรุดโทรมตามสภาพของห้องเช่าและการคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
คดีมโนสาเร่ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงคู่ความย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับตามราคามูลฝิ่นเมื่อไม่มีราคา และการรวมโทษในความผิดหลายกระทง
พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 6)2481 มาตรา 6 ได้บัญญัติให้ปรับตามราคามูลฝิ่น เมื่อไม่มีราคามูลฝิ่น ก็ต้องปรับตามอัตราขั้นต่ำที่กฎหมายระบุไว้(อ้างฎีกาที่ 1037/2482)
ความผิดหลายกระทงตามพระราชบัญญัติฝิ่นนั้น ศาลมีอำนาจให้ปรับรวมกันได้ ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 71

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับโทษคดีฝิ่นตามราคาและอำนาจรวมโทษ
พ.ร.บ.ฝิ่น (ฉะบับที่ 6) 2481 มาตรา 6 ได้บัญญัติให้ปรับตามราคามูลฝิ่น เมื่อไม่มีราคามูลฝิ่น ก็ต้องปรับตามอัตราคั่นต่ำที่กฎหมายระบุไว้.
(อ้างฎีกาที่ 1037/2482)
ความผิดหลายกะทงตาม พ.ร.บ.ฝิ่นนั้น ศาลมีอำนาจให้ปรับรวมกันได้ ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 71.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.ที่ดิน 2486 ต้องมีสนธิสัญญาคุ้มครองและได้รับอนุญาต
พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 มาตรา 5,6 คนต่างด้าวจะเข้าถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ ก็ต่อเมื่อมีสนธิสัญญาบัญญัติให้ไว้ และแม้จะมีสนธิสัญญาเช่นว่านั้นก็ตาม แต่การได้มาจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนด ทั้งต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย แต่ถ้าไม่มีสนธิสัญญาให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ คนต่างด้าวนั้นก็ไม่มีสิทธิจะได้มาซึ่งที่ดิน และแม้จะขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอำนาจอนุญาตได้
โจทก์เป็นคนจีนทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลย ในเวลาที่จะต้องโอนที่ดินตามสัญญานั้น ประเทศจีนยังไม่ได้ประกาศใช้สนธิสัญญากับประเทศไทยโจทก์จึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาได้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 จำเลยไม่ใช่ฝ่ายผิดสัญญาและไม่ต้องชดใช้เบี้ยปรับ แต่จำเลยควรคืนมัดจำให้โจทก์ (อ้างฎีกาที่ 188/2492)
of 219