พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับนายประกันและการไต่สวนเหตุขัดข้องของจำเลย ศาลต้องพิจารณาเหตุผลก่อนปรับ
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาและไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ วันรุ่งขึ้นจึงได้มาแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ศาลควรไต่สวนเหตุขัดข้องที่จำเลยร้องขึ้นมาก่อน ศาลจะปรับนายประกันโดยไม่ไต่สวนเหตุขัดข้องของจำเลย หาชอบไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติมระหว่างพิจารณาคดีอาญา
คดีอาญา แม้สืบพะยานจำเลยไปบ้างแล้ว ศาลก็อนุญาตให้โจทก์เรียกพะยานโจทก์มาสืบเพิ่มเติมได้ เพราะคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสืบพยานเพิ่มเติมระหว่างพิจารณาคดีอาญา แม้สืบพยานจำเลยไปแล้ว
คดีอาญา แม้สืบพยานจำเลยไปบ้างแล้ว ศาลก็อนุญาตให้โจทก์เรียกพยานโจทก์มาสืบเพิ่มเติมได้ เพราะคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตฟ้องจำกัด ศาลลงโทษจำเลยเฉพาะส่วนที่ฟ้องชัดเจน
ฟ้องโจทก์ข้อ 1 ว่า จำเลยสมคบกันมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจำหน่าย 40 ฉะบับราคา 400 บาท และได้จำหน่ายธนบัตรจำนวนนั้นให้แก่นายดีไปทั้งหมด ข้อ 2 กล่าวว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้และได้ธนบัตรของกลาง 35 ฉะบับเท่าที่ค้นได้ และเหลือจำหน่ายในหีบในห้องนอนของจำเลย ขอให้ลงโทษจำเลย ดังนี้ คำบรรยายฟ้องในข้อ 1 ไม่กินถึงธนบัตรของกลาง 35 ฉะบับในข้อ 2 และเมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงองค์ความผิดประกอบประการใดในฟ้องข้อ 2 จึงลงโทษจำเลยสำหรับความผิดเกี่ยวกับธนบัตรของกลาง 35 ฉะบับนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายธนบัตรปลอม: ฟ้องไม่ชัดเจน ขอบเขตฟ้องไม่ครอบคลุมของกลาง ศาลไม่สามารถลงโทษได้
ฟ้องโจทก์ข้อ 1 ว่า จำเลยสมคบกันมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจำหน่าย 40 ฉบับราคา 400 บาท และได้จำหน่ายธนบัตรจำนวนนั้นให้แก่นายดีไปทั้งหมด ข้อ 2 กล่าวว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้และได้ธนบัตรของกลาง 35ฉบับเท่าที่ค้นได้ และเหลือจำหน่ายในหีบในห้องนอนของจำเลย ขอให้ลงโทษจำเลย ดังนี้คำบรรยายฟ้องในข้อ 1 ไม่กินถึงธนบัตรของกลาง 35 ฉบับในข้อ 2 และเมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงองค์ความผิดประกอบประการใดในฟ้องข้อ 2 จึงลงโทษจำเลยสำหรับความผิดเกี่ยวกับธนบัตรของกลาง 35ฉบับนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายโดยไม่มีอาวุธ ไม่เข้าข่ายปล้นทรัพย์
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อันพบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงินค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่นๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัสดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธตามความหมายของมาตรา 301
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธตามความหมายของมาตรา 301
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายโดยไม่มีอาวุธ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อัน พบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจ ๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงิน ค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่น ๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัส ดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธ ตามความหมายของมาตรา 301.
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธ ตามความหมายของมาตรา 301.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชานปลูกริมทะเลสาบเป็นส่วนควบของห้องเช่าหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยตามสภาพพื้นที่และประโยชน์ใช้สอย
ชานปลูกอยู่บนชายตลิ่งริมทะเลสาบหน้าที่ดินของโจทก์ตรงกับห้องแถวของโจทก์ออกมา และใช้สำหรับขึ้นลงทะเล ตามสภาพเช่นนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่า ชานนี้เป็นส่วนหนึ่งต่อเนื่องจากห้องเช่ารายนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส่วนควบของห้องเช่า: ชานปลูกติดกับห้องเช่าและใช้ประโยชน์ร่วมกันถือเป็นส่วนควบได้
ชานปลูกอยู่บนชายตลิ่งริมทะเลสาบหน้าที่ดินของโจทก์ตรงกับห้องแถวของโจทก์ออกมาและใช้สำหรับขึ้นลงทะเล ตามสภาพเช่นนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่าชานนี้เป็นส่วนหนึ่งต่อเนื่องจากห้องเช่ารายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนน้ำสุราข้ามตำบลต่างจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน และริบสุราได้ทั้งหมด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขนน้ำสุราจากตำบลรองเมืองจังหวัดพระนคร มายังตำบลบางปลาสร้อย จังหวัดชลบุรี โดยไม่ได้รับอนุญาต ฟ้องของโจทก์แสดงว่าจำเลยขนไปต่างตำบลซึ่งอยู่ต่างจังหวัดกันด้วย เป็นการขนไปต่างตำบลตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน จ.ศ.1248 มาตรา 11 ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรานี้
ขนสุราปริมาณเกิน 10 ลิตร โดยไม่ได้รับอนุญาต น้ำสุรานั้นทั้งหมดรวมกันเกิดเป็นความผิด จึงริบน้ำสุราได้ทั้งหมด.
(อ้างฎีกา 178/2486)
ขนสุราปริมาณเกิน 10 ลิตร โดยไม่ได้รับอนุญาต น้ำสุรานั้นทั้งหมดรวมกันเกิดเป็นความผิด จึงริบน้ำสุราได้ทั้งหมด.
(อ้างฎีกา 178/2486)