คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาถปรีชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,184 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนน้ำสุราข้ามตำบลต่างจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน และริบสุราได้ทั้งหมด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขนน้ำสุราจากตำบลรองเมืองจังหวัดพระนคร มายังตำบลบางปลาสร้อย จังหวัดชลบุรี โดยไม่ได้รับอนุญาต ฟ้องของโจทก์แสดงว่าจำเลยขนไปต่างตำบลซึ่งอยู่ต่างจังหวัดกันด้วย เป็นการขนไปต่างตำบลตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน จ.ศ.1248 มาตรา 11 ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรานี้
ขนสุราปริมาณเกิน 10 ลิตร โดยไม่ได้รับอนุญาต น้ำสุรานั้นทั้งหมดรวมกันเกิดเป็นความผิด จึงริบน้ำสุราได้ทั้งหมด.
(อ้างฎีกา 178/2486)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีค้ากำไรเกินควร การทราบประกาศเป็นองค์ประกอบที่ต้องพิสูจน์ในชั้นพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าสเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าสให้นายทองไป 1 ลิตร ราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว ฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ความผิดการค้ากำไรเกินควร: ความจำเป็นในการระบุเจตนาทราบประกาศ
โจทก์ฟ้องว่า
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าดเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าดให้นายทองไป 1 ลิตรราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้วฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือและมีพยานเซ็นชื่อ ถือเป็นพินัยกรรมสมบูรณ์ได้ แม้ไม่ได้ระบุรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ
พินัยกรรม์ลงลายพิมพ์นิ้วมือผู้เป็นเจ้าของและมีพะยานเซ็นชื่อ 3 คนว่าเป็นพะยาย แม้จะมิได้เขียนระบุไว้ว่า ได้รับรองและพิมพ์พิมพ์นิ้วมือของเจ้าของพินัยกรรม์ก็ดี ยังไม่เป็นเหตุที่จะถือว่า เป็นพินัยกรรม์ที่ขาดพะยานผู้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือมีพยานเซ็นชื่อ ถือเป็นพินัยกรรมสมบูรณ์ แม้ไม่ได้ระบุรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ
พินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือผู้เป็นเจ้าของและมีพยานเซ็นชื่อ 3 คนว่าเป็นพยานแม้จะมิได้เขียนระบุไว้ว่า ได้รับรองและพิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือของเจ้าของพินัยกรรมก็ดี ยังไม่เป็นเหตุที่จะถือว่า เป็นพินัยกรรมที่ขาดพยานผู้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเอาทรัพย์สินชำระหนี้โมฆะเมื่อไม่มีทางจดทะเบียนได้ ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิในที่ดิน
โจทก์ทำสัญญากู้ยืมเงินและที่ดินให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยและตอนท้ายแห่งสัญญามีข้อความว่า ถ้าพ้น 2 เดือนไม่นำเงินมาชำระ ยอมให้ที่เป็นสิทธินั้น เป็นลักษณะแห่งการให้เอาทรัพย์สินชำระหนี้เงินกู้ ตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 656 ข้อสัญญานี้ย่อมเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรค 3 เมื่อปรากฎว่า ที่พิพาทไม่มีโฉนดก็ไม่มีทางจะไปจดทะเบียน จำเลยไม่มีสิทธิจะยึดที่ดินของโจทก์ไว้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาให้เอาทรัพย์สินชำระหนี้ที่เป็นโมฆะ สิทธิในที่ดินกลับคืนแก่เจ้าของเดิม
โจทก์ทำสัญญากู้ยืมเงินและที่ดินให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยและตอนท้ายแห่งสัญญามีข้อความว่า ถ้าพ้น 2 เดือนไม่นำเงินมาชำระยอมให้ที่เป็นสิทธินั้นเป็นลักษณะแห่งการให้เอาทรัพย์สินชำระหนี้เงินกู้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ข้อสัญญานี้ย่อมเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรคสาม เมื่อปรากฏว่า ที่พิพาทไม่มีโฉนดก็ไม่มีทางจะไปจดทะเบียน จำเลยไม่มีสิทธิจะยึดที่ดินของโจทก์ไว้ได้ (อ้างฎีกาที่1237/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการสืบสิทธิในมรดก หากผู้ครอบครองแสดงตนเป็นเจ้าของและผู้สืบสิทธิไม่ฟ้องร้องเป็นเวลาเกิน 10 ปี
โจทก์อ้างว่า ป.ครอบครองที่ดินไว้แทนโจทก์ แต่ ป.ได้ตายมา 10 ปีกว่าแล้ว ข้อที่ว่า ป.ปกครองแทนหรือไม่ ต่างนำสืบโต้เถียงกัน และจำเลยนำสืบว่า จำเลยปกครองเป็นของจำเลยตลอดมา ดังนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความทางมรดก กรณีผู้ครอบครองอ้างสิทธิในฐานะเจ้าของ
โจทก์อ้างว่า ป. ครอบครองที่ดินไว้แทนโจทก์แต่ ป. ได้ตายมา 10 ปีกว่าแล้ว ข้อที่ว่า ป. ปกครองแทนหรือไม่ ต่างนำสืบโต้เถียงกันและจำเลยนำสืบว่า จำเลยปกครองเป็นของจำเลยตลอดมา ดังนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกและสิทธิในที่ดินร่วมกัน: การไม่เข้าร่วมของผู้รับมรดก
โจทก์ 3 คนกับ ม. ได้รับมฤดกกึ่งหนึ่งของที่พิพาท อีกกึ่งหนึ่งเป็นของจำเลย เมื่อโจทก์ 3 คนฟ้องขอแบ่ง โดย ม. มิได้เข้ามาเป็นโจทก์ หรือร้องขอรับส่วนของตนในคดี ศาลก็พิพากษาแบ่งให้โจทก์ตามส่วนที่โจทก์ควรจะได้ คือ 3 ใน 8 ส่วน.
of 219