พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3921/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าเนื่องจากกิจการนอกเหนือข้อตกลงและฝ่าฝืนศีลธรรม
โจทก์เช่าพื้นที่ในโรงแรมของจำเลยที่ 1 เปิดกิจการร้านเสริมสวยและตัดผม แต่ได้เปิดกิจการอาบ อบ นวด ขึ้นนอกเหนือข้อตกลงในสัญญาและโจทก์รู้เห็นยินยอมให้พนักงานนวดของโจทก์ค้าประเวณีกับแขกที่มาพักโรงแรม เป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติหรือการดังกำหนดไว้ในสัญญาเช่า เมื่อจำเลยบอกกล่าวแล้วโจทก์ละเลยไม่ปฏิบัติตาม จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 554 เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่าอีกต่อไป การที่จำเลยไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาให้โจทก์และต่อมาจำเลยได้ใส่กุญแจไม่ให้โจทก์เข้าไปใช้สถานที่เช่าเป็นการกระทำภายหลังสัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงโดยได้กำหนดเวลาให้โจทก์พอสมควรแล้ว จึงไม่เป็นการละเมิด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่ขาดรายได้จากกิจการของโจทก์และค่าชดเชยที่จ่ายให้แก่พนักงานของโจทก์นับแต่วันที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3921/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่กรณีผู้เช่าใช้พื้นที่ผิดสัญญาและมีพฤติการณ์ผิดศีลธรรม ผู้ให้เช่าไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
การที่โจทก์เช่าพื้นที่ในโรงแรมของจำเลยที่ 1 เปิดกิจการร้านเสริมสวยและตัดผม แต่ได้เปิดกิจการอาบ อบ นวด ขึ้น นอกเหนือข้อตกลงในสัญญาและโจทก์มีพฤติการณ์รู้เห็นยินยอมให้พนักงานนวดของโจทก์ค้าประเวณีกับแขกที่มาพักโรงแรม เป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติหรือการดังกำหนดไว้ในสัญญาเช่า เมื่อจำเลยบอกกล่าวแล้วโจทก์ละเลยไม่ปฏิบัติตาม จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 554
เมื่อจำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่าอีกต่อไป การที่จำเลยไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาให้โจทก์ แล้วต่อมาจำเลยได้ใส่กุญแจไม่ให้โจทก์เข้าไปใช้สถานที่เช่าเป็นการกระทำภายหลังสัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงโดยได้กำหนดเวลาให้โจทก์พอสมควรแล้ว จึงไม่เป็นการละเมิด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่ขาดรายได้จากกิจการของโจทก์และค่าชดเชยที่จ่ายให้แก่พนักงานของโจทก์นับแต่วันที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดลง
ที่โจทก์ฎีกาขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 นั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 127,400 บาทพร้อมดอกเบี้ย โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องแย้ง แต่โจทก์ไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัย ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายเป็นค่าขาดรายได้แก่จำเลยที่ 1 เดือนละ 19,600 บาท ถึงวันฟ้องแย้งเป็นเวลา 6 เดือน 15 วันเป็นเงิน 127,400 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และค่าขาดรายได้เดือนละ 19,600 บาท นับแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จ นั้นไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้ค่าขาดรายได้นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2528 ถึงวันฟ้องแย้ง คือ วันที่ 13 มิถุนายน 2529 ซึ่งเป็นเวลาเพียง 6 เดือน 13 วัน ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ขอคิดดอกเบี้ย และจำเลยที่ 1ขอเรียกค่าขาดรายได้นับแต่วันฟ้องแย้งถึงวันที่โจทก์ขนย้ายทรัพย์สินออกจากสถานที่เช่าเท่านั้น มิได้ขอถึงวันชำระเสร็จ จึงเป็นกรณีที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษานอกเหนือไปจากฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
เมื่อจำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่าอีกต่อไป การที่จำเลยไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาให้โจทก์ แล้วต่อมาจำเลยได้ใส่กุญแจไม่ให้โจทก์เข้าไปใช้สถานที่เช่าเป็นการกระทำภายหลังสัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงโดยได้กำหนดเวลาให้โจทก์พอสมควรแล้ว จึงไม่เป็นการละเมิด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่ขาดรายได้จากกิจการของโจทก์และค่าชดเชยที่จ่ายให้แก่พนักงานของโจทก์นับแต่วันที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดลง
ที่โจทก์ฎีกาขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 นั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 127,400 บาทพร้อมดอกเบี้ย โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องแย้ง แต่โจทก์ไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัย ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายเป็นค่าขาดรายได้แก่จำเลยที่ 1 เดือนละ 19,600 บาท ถึงวันฟ้องแย้งเป็นเวลา 6 เดือน 15 วันเป็นเงิน 127,400 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และค่าขาดรายได้เดือนละ 19,600 บาท นับแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จ นั้นไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้ค่าขาดรายได้นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2528 ถึงวันฟ้องแย้ง คือ วันที่ 13 มิถุนายน 2529 ซึ่งเป็นเวลาเพียง 6 เดือน 13 วัน ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ขอคิดดอกเบี้ย และจำเลยที่ 1ขอเรียกค่าขาดรายได้นับแต่วันฟ้องแย้งถึงวันที่โจทก์ขนย้ายทรัพย์สินออกจากสถานที่เช่าเท่านั้น มิได้ขอถึงวันชำระเสร็จ จึงเป็นกรณีที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษานอกเหนือไปจากฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3882/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองรถยนต์ที่ถูกลักมา การยินยอมมอบรถโดยสุจริต ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนทราบว่ารถยนต์นั้นถูกคนร้ายลักมาจึงได้ยึดรถยนต์ดังกล่าวแล้วส่งไปให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่เกิดเหตุเพื่อประกอบการดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย จำเลยไม่ได้เป็นผู้มอบรถยนต์ไปเองการที่จำเลยไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์ก็เพราะเชื่อโดยสุจริตว่ารถยนต์ถูกคนร้ายลักมาตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3870/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ครูเวรไม่ต้องรับผิดเพลิงไหม้โรงเรียน หากความเสียหายเกิดจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงและไม่ใช่ผลโดยตรงจากการประมาท
คืนเกิดเหตุจำเลยเป็นครูเวรของโรงเรียนแล้วมีนักเรียนลอบเข้าไปจุดเทียนไขอ่านหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียน จนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้โรงเรียนซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์ในขณะที่จำเลยไม่ได้อยู่เฝ้าที่โรงเรียนนั้น กรณีเห็นได้ชัดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่จำเลยไม่อาจคาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นว่าจะเกิดขึ้นได้เลย ความเสียหายของโจทก์จึงหาใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3741/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินและละเมิดสิทธิการใช้ลำรางสาธารณะ จำเลยต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยปลูกสร้างอาคารบนที่ดินของจำเลย โดยก่อสร้างระเบียงคร่อมลำรางสาธารณะจนติดผนังอาคารของโจทก์ และจำเลยได้สร้างประตูเหล็กยืดปิดกั้นลำรางสาธารณะ และช่องว่างระหว่างอาคารของโจทก์กับลำรางสาธารณะทางด้านหน้าทั้งหมด ลำรางสาธารณะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เมื่อปรากฏว่าก่อนที่จำเลยจะสร้างประตูเหล็กยืดโจทก์ได้ใช้ลำรางสาธารณะเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกสำหรับลำเลียงสินค้าเข้าไปในร้าน ซึ่งลำรางสาธารณะนี้ติดกับด้านข้างที่ดินของโจทก์โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้เป็นทางเข้าออกได้ การที่จำเลยทำประตูเหล็กยืดปิดกั้น จึงทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้เป็นทางเข้าออกสำหรับลำเลียงสินค้าเข้าไปในร้านได้ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ทำประตูเหล็กให้รื้อถอนประตูเหล็กยืดออกไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3716/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นไต่สวนอนาถา และการนำมาใช้ในชั้นพิจารณา ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัย
ในชั้นไต่สวนอนาถา โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1ไว้ แม้บัญชีระบุพยานดังกล่าวโจทก์จะได้พิมพ์ข้อความต่อท้ายบัญชีพยานว่า "ไต่สวนอนาถา" แต่ในชั้นพิจารณาก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติมพร้อมกับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ต่อศาลชั้นต้นอีก แสดงว่าโจทก์ยังประสงค์จะถือเอาบัญชีระบุพยานทั้งสองฉบับที่ยื่นไว้ในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในชั้นพิจารณาด้วย ย่อมถือได้ว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88 แล้ว โจทก์ชอบที่นำพยานตามบัญชีระบุพยานดังกล่าวมาสืบได้
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานโจทก์ ในวันนี้โจทก์ไม่มีพยานมาศาล ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ โจทก์ก็ยื่นคำแถลงโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายและอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวด้วย ดังนั้น ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการยื่นบัญชีระบุพยานอันเป็นเหตุที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานโจทก์ ในวันนี้โจทก์ไม่มีพยานมาศาล ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ โจทก์ก็ยื่นคำแถลงโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายและอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวด้วย ดังนั้น ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการยื่นบัญชีระบุพยานอันเป็นเหตุที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดิน: คำฟ้องแสดงสภาพแห่งข้อหาชัดเจน แม้ไม่ได้ระบุเวลาละเมิดหรือเจตนา
คำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดเลขที่ 1674 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่ 249 และ251 จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ ปรากฏว่าห้องแถวเลขที่ 253และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินโฉนดเลขที่ 1674 ของโจทก์รวมเนื้อที่รุกล้ำประมาณ 9 ตารางเมตร โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยชัดแจ้งแล้วว่าห้องแถวและรั้วของจำเลยปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ส่วนที่ว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่ สุจริตอย่างไร และรุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วนนั้น เป็นข้อที่จำเลยจะต่อสู้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ในภายหลังและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะจำเลยให้การต่อสู้ว่า ห้องแถวและรั้วของจำเลยได้มีการปลูกสร้างมาก่อนที่บิดาจำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 จากเจ้าของเดิม
แม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตาม แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไป การละเมิดก็ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องกันตลอดมาอีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการขาดประโยชน์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้น โจทก์หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องหรือค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้อีก คำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้
แม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตาม แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไป การละเมิดก็ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องกันตลอดมาอีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการขาดประโยชน์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้น โจทก์หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องหรือค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้อีก คำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องรุกล้ำที่ดินไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุวันละเมิด โจทก์ขอค่าเสียหายต่อเนื่องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอน
คำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดเลขที่ 1674 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่249 และ 251 จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ ปรากฏว่าห้องแถวเลขที่ 253 และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินโฉนดเลขที่ 1674 ของโจทก์รวมเนื้อที่รุกล้ำประมาณ9 ตารางเมตร โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยชัดแจ้งแล้วว่าห้องแถวและรั้วของจำเลยปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ส่วนที่ว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่ สุจริตอย่างไร และรุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วนนั้น เป็นข้อที่จำเลยจะต่อสู้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ในภายหลังและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะจำเลยให้การต่อสู้ว่า ห้องแถวและรั้วของจำเลยได้มีการปลูกสร้างมาก่อนที่บิดาจำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 จากเจ้าของเดิม แม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตาม แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ดังนั้นตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไป การละเมิดก็ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องกันตลอดมา อีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการขาดประโยชน์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้น โจทก์หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องหรือค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้อีก คำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3549/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิสภาพที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเดิมก่อนรุกล้ำ ไม่ถือเป็นการละเมิด
เดิม ส.เป็นเจ้าของที่ดินของจำเลยและของโจทก์ส.ได้ปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินเพื่อจัดสรรขาย จำเลยรับโอนที่ดินพร้อมตึกแถวจาก ส. โดยมีกันสาดและสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นรุกล้ำที่ดินของโจทก์ จำเลยจึงมิได้ก่อสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์และไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนและเรียกค่าเสียหายจากจำเลย จำเลยถูกฟ้องในข้อหาต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตหลังจากที่จำเลยเข้าอยู่อาศัยในตึกแถวพิพาทแล้ว การที่จำเลยให้การรับสารภาพไม่ได้แสดงว่าจำเลยเป็นผู้ต่อเติมอาคารเองเพราะจำเลยเพิ่งรับโอนอาคารหลังจากก่อสร้างเสร็จแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อเท็จจริงว่า จำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตมาวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้และมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกีดขวางทางเข้าออกร้านค้าด้วยแผงลอยเป็นการละเมิด ทำให้เจ้าของร้านมีสิทธิเรียกร้องให้รื้อถอนและชดใช้ค่าเสียหาย
แผงลอยกับรถเข็นของจำเลยวางอยู่ริมทางเท้าของถนนสาธารณะแต่ปิดบังหน้าร้านและข้างร้านของโจทก์บางส่วน แม้โจทก์จะผ่านเข้าออกร้านของโจทก์ในส่วนอื่นได้บ้างก็ตาม แต่ก็เป็นการไม่สะดวกเท่าที่ควร เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปได้