คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2776/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากคำสั่งอายัดทรัพย์ที่ไม่ถูกต้อง แม้ตรวจสอบแล้ว แต่ยังประมาทเลินเล่อ
โจทก์เป็นคนละนิติบุคคลกับบริษัท ต. กรมสรรพากร จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2ออกคำสั่งอายัดเงินค่าจ้างก่อสร้างทางหลวงที่โจทก์พึงจะได้รับจากกรมทางหลวง โดยอ้างว่าโจทก์คือบริษัท ต.ซึ่งค้างชำระค่าภาษีอากรแก่จำเลยที่ 1 โดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองกระทำผิดพลาดไปโดยไม่ตรวจสอบให้รอบคอบเสียก่อนออกคำสั่งอายัดเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อโดยผิดกฎหมายทำให้โจทก์เสียหาย ไม่ได้รับเงินดังกล่าวจากกรมทางหลวง เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขับรถประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ชีวิต จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
จำเลยขับรถแซงรถคันหน้าขึ้นไปทางขวามือล้ำเข้าไปแล่นในช่องทางเดินรถของรถที่จะแล่นสวนทางมา เมื่อมีรถแล่นสวนทางมาแทนที่จำเลยจะชะลอความเร็วของรถลงเพื่อให้รถคันหน้าแล่นล้ำหน้าไปก่อน แล้วจึงค่อยบังคับรถหลบรถที่สวนมาเข้าช่องเดินรถของจำเลยตามปกติทางด้านซ้ายมือ จำเลยกลับบังคับรถหลบไปยังขอบทางด้านขวาเป็นเหตุให้รถพุ่งชนกองหินข้างทางจนพลิกคว่ำ ทำให้โจทก์ซึ่งโดยสารรถมาบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมาการขับรถของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการขับรถด้วยความประมาทก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2430/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ประกอบการสระว่ายน้ำต่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะเด็กเล็ก และความละเลยของพนักงานช่วยชีวิต
จำเลยที่ 2 ดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับการให้ใช้บริการสระว่ายน้ำ โดยมีค่าตอบแทนแก่บุคคลทั่วไปในรูปการจำหน่ายบัตรให้แก่ผู้ใช้บริการ จำเลยที่ 2 จึงต้องมีหน้าที่และมาตรการให้ความปลอดภัยและดูแลความเรียบร้อยของสระว่ายน้ำในระดับที่เชื่อถือและไว้วางใจได้ โดยเฉพาะผู้ใช้บริการที่เป็นเด็กเล็ก สิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการให้บริการในลักษณะนี้ของสระว่ายน้ำ ได้แก่การจัดหาพนักงานช่วยชีวิตประจำสระว่ายน้ำที่มีความสามารถและมีจำนวนเพียงพอเพื่อช่วยชีวิตหรือป้องกันอุบัติเหตุของผู้ใช้บริการในกรณีที่มีเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ ประกาศที่ทางสระว่ายน้ำระบุให้ผู้ใช้บริการรับผิดชอบความปลอดภัยของตนเองนั้น ไม่ทำให้เป็นข้อแก้ตัวที่จำเลยที่ 2 จะปัดความรับผิดได้ แม้จำเลยที่ 2 จะจ้างพนักงานช่วยชีวิตไว้ประจำสระว่ายน้ำก็ตาม แต่ขณะที่ผู้ใช้บริการซึ่งเป็นเด็กจมน้ำลงสู่พื้นสระว่ายน้ำไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์เลย ถือได้ว่าเป็นความละเลยของพนักงานช่วยชีวิตที่ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้บริการ การกระทำโดยประมาทเลินเล่อดังกล่าวของพนักงานช่วยชีวิตซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแลและสั่งการของจำเลยที่ 2 ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2430/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าของสระว่ายน้ำต่อความปลอดภัยผู้ใช้บริการ และความรับผิดของลูกจ้างที่ทำการในทางการจ้าง
จำเลยที่ 2 ดำเนินกิจการให้ใช้บริการสระว่ายน้ำโดย มีค่าตอบแทนแก่บุคคลทั่วไป จำเลยที่ 2 จึงต้องจัดหาพนักงานช่วยชีวิตประจำสระว่ายน้ำที่มีความสามารถและมีจำนวนเพียงพอเพื่อช่วยชีวิตหรือป้องกันอุบัติเหตุของผู้ใช้บริการในกรณีที่มีเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ประกาศที่ให้ผู้ใช้บริการรับผิดชอบความปลอดภัยของตนเองไม่ทำให้เป็นข้อแก้ตัวที่จำเลยที่ 2 จะปัดความรับผิดได้เมื่อพนักงานช่วยชีวิตประจำสระว่ายน้ำของจำเลยที่ 2 มิได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ขณะที่ผู้ใช้บริการซึ่งเป็นเด็กจมน้ำ จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของพนักงานช่วยชีวิตที่อยู่ในความควบคุมดูแลและสั่งการของจำเลยที่ 2 ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2307/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการก่อสร้าง: การรบกวนสิทธิความเป็นส่วนตัวและอนามัยจากการตอกเสาเข็มและการสั่นสะเทือน
ค่าเสียหายที่โจทก์อ้างว่าต้องทนทุกขเวทนาแสนสาหัส ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจนอนไม่หลับ เพราะหนวกหู ฝุ่นละอองจากการก่อสร้างทำให้บ้านเรือนสกปรก บ้านสั่นสะเทือนหินและไม้ตกลงบนหลังคาบ้านโจทก์เกรงจะเกิดอันตรายต่อโจทก์และบริวารนั้น เป็นเรื่องเสียหายต่ออนามัยและสิทธิจะอยู่อย่างสงบไม่ถูกรบกวน เพราะความทรมานนอนไม่หลับอันเนื่องจากฝุ่นละอองเสียงจากการก่อสร้างอันได้แก่การตอกเสาเข็มและความหวาดระแวงอันเกิดจากสิ่งของตกหล่นลงมาบนหลังคาอันอาจเกิดอันตรายแก่อาคารและผู้อยู่อาศัย รวมทั้งการอัดตัวของดินทำให้บ้านเรือนโจทก์เสียหายอันอาจเป็นอันตรายแก่ผู้อยู่อาศัย เหตุการณ์เช่นนี้เกิดอยู่เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ตามพฤติการณ์ทำให้โจทก์เสียหายแก่อนามัยรวมทั้งสิทธิส่วนตัวที่จะมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขทั้งร่างกายและจิตใจ โจทก์จึงสมควรได้รับชดใช้ค่าเสียหายในความเสียหายนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2190/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการก่อสร้าง: การตัดรากต้นไม้ใกล้ท่อระบายน้ำทำให้ต้นไม้ล้มทับคน
จำเลยที่ 2 รับจ้างเทศบาลจำเลยที่ 1 ก่อสร้างทางระบายน้ำจำเลยที่ 2 ขุดดินวางท่อระบายน้ำตามแนวที่วิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 กำหนดให้โดยแนวอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงเพียงประมาณ20 เซนติเมตร มีการตัดรากของต้นหางนกยูงด้านที่อยู่ใกล้กับบ่อพักท่อระบายน้ำนั้นออก ต้นหางนกยูงมีลำต้นขึ้นเอียงไปทางถนนโดยทำมุมกับถนนประมาณ 45 ถึง 60 องศา ก่อนเกิดเหตุแล้วและไม่มีรากแก้วคงมีแต่รากฝอยการที่จำเลยที่2ตัดรากของต้นหางนกยูงด้านที่อยู่ติดกับบ่อพักน้ำโดยที่ต้นหางนกยูงเอียงไปทางถนนทำมุมกับถนนอยู่แล้ว จำเลยที่ 2 ควรจะคาดเห็นได้ว่าจะทำให้ต้นหางนกยูงล้มลงได้ แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้หาทางป้องกันมิให้ต้นหางนกยูงล้มลง การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความประมาทที่ต้นหางนกยูงล้มทับผู้ตายทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา จึงเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 2 เป็นการละเมิด วิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 เป็นผู้กำหนดแนววางท่อระบายน้ำให้จำเลยที่ 2 โดยกำหนดแนวให้อยู่ห่างจากต้นหางนกยูงที่ล้มลงเพียงเล็กน้อย เป็นผลให้การขุดดินวางท่อระบายน้ำของจำเลยที่2 ต้องตัดรากของต้นหางนกยูงที่ล้มลงออกด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ก่อสร้างวางท่อระบายน้ำเป็นผู้ผิดในคำสั่งที่จำเลยที่ 1 ให้ไว้และต้องร่วมกับจำเลยที่ 2รับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดี: เหตุจำเป็นไม่อาจก้าวล่วง & ผลกระทบต่อความยุติธรรม
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้เลื่อนคดีแก่ทนายจำเลยทั้งสามมาครั้งหนึ่งแล้ว ทนายจำเลยทั้งสามจะขอเลื่อนการพิจารณาอีกไม่ได้เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปจะทำให้เสียความยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก การที่ทนายจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีครั้งต่อมาโดยอ้างเหตุแห่งความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ว่าเพราะทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลอื่นซึ่งนัดไว้ก่อนและเป็นนัดสุดท้ายฝ่ายโจทก์ไม่ได้คัดค้านว่าไม่เป็นความจริง ดังนั้น ต้องถือว่าทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลอื่นจริง ทนายจำเลยทั้งสามย่อมไม่สามารถว่าความสองคดีต่างศาลกันในเวลาเดียวกันได้ นับว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และเมื่อจำเลยทั้งสามยังไม่ได้เบิกความเป็นพยานตนเอง หากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีย่อมจะทำให้เสียความยุติธรรมแก่จำเลยทั้งสาม ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งเลื่อนคดีไปเท่าที่จำเป็นแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2159/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์โดยพ่อค้า ผู้ซื้อสุจริตได้รับความคุ้มครองจากเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม
โจทก์ทั้งสองซื้อรถยนต์พิพาทมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้ชำระราคาและรับมอบรถยนต์พิพาทมาแล้ว แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนมาเป็นชื่อของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองจึงฟ้องจำเลยทั้งสามให้ร่วมกันจัดทำทะเบียนรถยนต์และโอนทะเบียนรถยนต์พิพาททั้งสองคันให้แก่โจทก์ทั้งสองแต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 ดังนี้ เฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 2 เท่านั้น ที่จะต้องรับผิดตามสัญญาซื้อขายต่อโจทก์ทั้งสอง แต่โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จัดทำทะเบียนและจดทะเบียนโอนรถยนต์เป็นชื่อของโจทก์ทั้งสอง ถ้าไม่ไปจดทะเบียนขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนเท่านั้น เมื่อรถยนต์พิพาทยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 ไม่มีนิติสัมพันธ์เกี่ยวกับรถยนต์พิพาทกับโจทก์ทั้งสอง ดังนั้นการจัดทำและโอนทะเบียนรถยนต์เกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่จะปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายกับโจทก์ทั้งสองได้ต่อไป สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับตามคำขอของโจทก์ทั้งสองได้ จึงไม่อาจพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับผิดได้ตามฟ้อง ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้ายานพาหนะและของเก่าทุกชนิด มีสำนักงานที่ทำการเป็นหลักแหล่งเปิดเผย โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1ที่ 2 เช่าซื้อรถยนต์พิพาทมาเพื่อขายให้แก่โจทก์ทั้งสองโดยให้นำรถยนต์เก่าของโจทก์ทั้งสองแลกกับรถยนต์พิพาท และชำระราคาส่วนที่เหลือ มิใช่เป็นการเช่าซื้อมาเพื่อใช้ในกิจการของจำเลยที่ 1โดยเฉพาะ พฤติการณ์เช่นนี้เป็นลักษณะการแสวงหากำไรเช่นปกติของพ่อค้ารับแลกเปลี่ยนรถยนต์ทั่ว ๆ ไป จำเลยที่ 1 และที่ 2จึงเป็นพ่อค้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 การที่โจทก์ทั้งสองซื้อรถยนต์พิพาทไว้จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยสุจริตแม้รถยนต์พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 3 อยู่ โจทก์ทั้งสองย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย โดยไม่ต้องคืนให้แก่จำเลยที่ 3จนกว่าจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จะชดใช้ราคาให้ และในกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายมิใช่เป็นการละเมิด จำเลยที่ 3 จึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ทั้งสองระหว่างที่ครอบครองรถยนต์พิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณประโยชน์: สิทธิครอบครองและค่าเสียหายจากการปรับปรุงเพื่อสร้างโรงเรียน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสิบห้าบุกรุกเข้าไปในที่ดินพิพาท ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งหน้าดิน กับไถดินปิดกั้นทางเกวียน ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบห้าและให้จำเลยทั้งสิบห้าร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย แต่ทางพิจารณาข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครอง และการที่จำเลยเข้าไปปรับปรุงที่ดินพิพาทก็เพื่อใช้เป็นที่สร้างโรงเรียน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ไม่สามารถเข้าทำนาในที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2068/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าหน้าที่สถานธนานุเคราะห์ กรณีทุจริตลักทรัพย์ จำเลยไม่มีส่วนประมาทเลินเล่อ
การที่จำเลยที่ 2 พนักงานเก็บของลางานอยู่เสมอเพราะเหตุเจ็บป่วยแล้วจำเลยที่ 3 ผู้ช่วยพนักงานเก็บของสามารถเข้าไปในห้องเก็บของได้นั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ปล่อยให้จำเลยที่ 3กระทำการแทนโดยตลอด การที่จำเลยที่ 2 ออกไปช่วยคนอื่นทำงานบ้างเล็กน้อย เนื่องจากขณะนั้นจำเลยที่ 2 ไม่มีงานของตนเองที่จะต้องทำนั้น ไม่ถือเป็นการปฏิบัติผิดหน้าที่ และการที่จำเลยที่ 3 ลักลอบเอาทรัพย์ที่รับจำนำไปจากห้องเก็บของนั้นแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำโดยปกปิดมิให้ผู้อื่นโดยเฉพาะจำเลยที่ 2 ทราบ แม้แต่ผู้ตรวจการซึ่งมา ตรวจ เป็นประจำก็ยังไม่ทราบ จนกระทั่งมีการร้องขอให้มีการตรวจเป็นพิเศษจึงทราบทั้งไม่มีระเบียบกำหนดให้พนักงานเก็บของต้องตรวจสิ่งของเป็นประจำทุกเดือนหรือในกำหนดเวลาเท่าใด ประกอบกับไม่ปรากฏพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจำเลยที่ 3 กระทำการทุจริตมาก่อน เช่นนี้พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่ถึงขนาดที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย.
of 481