คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากสัญญาเช่า: ข้อพิพาทเรื่องผิดสัญญาเช่าหรือละเมิด และผลเรื่องอายุความ
คดีโจทก์ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว จากพยานหลักฐานในสำนวน ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาได้ความว่า ความเสียหายของห้องสุขาทั้ง 8 รายการ เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่จำเลยได้เช่าห้องสุขาซึ่งอยู่ภายในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารของโจทก์ และความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการที่จำเลยในฐานะผู้เช่าซึ่งมีหน้าที่จะต้องดูแลรักษาทรัพย์สินที่เช่าให้อยู่ในสภาพใช้การได้ดีไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาเช่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่จำเลยในฐานะผู้เช่าจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่า อันเนื่องมาจากจำเลยประพฤติผิดสัญญาเช่า หาใช่เป็นเรื่องละเมิดไม่ แม้การที่จำเลยกระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอาจจะเป็นผิดสัญญาและเป็นเรื่องละเมิดได้ในขณะเดียวกันก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างไรแล้ว เพียงแต่การที่โจทก์ฟ้องคดีโดยบรรยายว่าเป็นเรื่องละเมิดและในฟ้องบางตอนจะใช้คำว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย ก็ไม่อาจจะนำบทกฎหมายในเรื่องละเมิดมาปรับแก่คดีได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นเรื่องอันเกิดจากการที่จำเลยผิดสัญญาเช่าและโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่า 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเห็นทางการแพทย์โดยไม่ตรวจร่างกาย: ไม่เป็นละเมิดหากให้ความเห็นโดยสุจริตและเป็นกลาง
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติอย่างไรในการที่จะต้องตรวจร่างกายหรือจิตใจของโจทก์เสียก่อนจึงจะให้ความเห็นได้ และมิได้บรรยายว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อให้ความเห็นเป็นผลร้ายโดยตรงแก่โจทก์การที่จำเลยซึ่งเป็นแพทย์ได้ให้ความเห็นอย่างเป็นกลางในวิชาความรู้ทางการแพทย์ และมิได้ยืนยันเป็นเด็ดขาดว่าโจทก์เป็นโรคชนิดใด ถือได้ว่าจำเลยให้ความเห็นโดยสุจริตไม่เป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความเป็นเท็จอันจะเป็นการละเมิดต่อโจทก์เมื่อการกระทำของจำเลยตามฟ้องโจทก์ไม่เป็นละเมิด ศาลก็พิพากษายกฟ้องในชั้นตรวจคำฟ้องได้โดยไม่จำต้องรับฟังพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายไม่สมบูรณ์ ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์มีอำนาจฟ้องได้
พนักงานสอบสวนบันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า จำเลยเป็นผู้ขับรถชนรถโจทก์กับรถของผู้อื่นอีก 2 คัน เสียหายจริง และยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าวทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทั้งรับปากต่อหน้าโจทก์ว่า จะจัดการเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยผ่านผู้รับประกันภัยที่เกี่ยวข้อง ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยดังกล่าวไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียว ยังมีเงื่อนไขให้ไปตกลงค่าเสียหายผ่านผู้รับประกันภัยรถยนต์ของคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง เป็นข้อตกลงที่ยังไม่ปราศจากการโต้แย้งกันอีกจึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความอันจะทำให้มูลละเมิดระงับไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการโดยผู้มีอำนาจชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยเป็นรองปลัดกระทรวงได้รับมอบอำนาจจากปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาในกองแบบแผนที่โจทก์สังกัดอยู่เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัยได้ดังนั้นการที่จำเลยสั่งลงโทษโจทก์ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยชอบไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้าง และสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ครอบคลุมความรับผิดของนายจ้าง
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 เจ้าของรถสองแถวคันเกิดเหตุ มิได้ปฎิเสธ ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 ผู้ขับรถสองแถว ขณะเจรจาเรื่องค่าเสียหายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้อ้างว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่ารถสองแถวคันเกิดเหตุของตนและมาร่วมในการเจรจาเรื่องค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทุกครั้งที่มีการเจรจากันดุจ จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของตน แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างและปฎิบัติ หน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 2 ได้กระทำไป สำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี มีข้อความเพียงว่าจำเลยที่ 2 ยินยอมชดใช้ค่าซ่อมรถตามที่โจทก์เรียกร้อง คู่กรณีไม่ติดใจเอาความทางอาญาอีกต่อไป ดังนี้เป็นเรื่องโจทก์ในฐานะผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยที่ 2 เพื่อให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับเท่านั้น ส่วนข้อความยอมรับผิดชดใช้ค่าซ่อมรถนั้นไม่มีรายละเอียดหรือข้อตกลงที่แน่นอนเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ต้องชำระวิธีการชำระ อันจะทำให้ปราศจากการโต้แย้งกันอีก ข้อความในสำเนารายงานดังกล่าวมิใช่เป็นการระงับข้อพิพาทในมูลละเมิด จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความอันจะทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างหลุดพ้นความรับผิดในมูลละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ฎีกาเรื่องอำนาจฟ้อง หากข้ออ้างต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ต้องห้าม
คดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แม้จำเลยฎีกาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่เมื่อข้ออ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์มีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาทตามสัญญาเช่าหรือไม่ซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกา เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลย จึงมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าของแพขนานยนต์ต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่อของลูกจ้าง
จำเลยเป็นเจ้าของแพขนานยนต์รับจ้างบรรทุกรถยนต์ข้ามฟากการที่ลูกจ้างของจำเลยจัดให้รถยนต์บรรทุกสิบล้อที่บรรทุกสินค้าน้ำหนักมากลงในแพขนานยนต์เพื่อบรรทุกข้ามฟากโดยมิได้ระมัดระวังว่าแพขนานยนต์จะรับน้ำหนักได้เพียงใดและจัดให้รถยนต์บรรทุกสิบล้อที่มีน้ำหนักมาก จำนวน 3 คัน จอดไว้ทางด้านท้ายแพขนานยนต์ ทำให้ส่วนท้ายต้องรับน้ำหนักมากและจมลง เป็นเหตุให้รถยนต์ที่บรรทุกอยู่บนแพขนานยนต์ไหลไปทางท้าย และกระแทกกันจนบางคันตกลงในทะเลเห็นได้ว่าลูกจ้างของจำเลยมิได้ระมัดระวังในการรับจ้างบรรทุกรถยนต์จึงได้เกิดเหตุขึ้น นับได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในละเมิดที่ลูกจ้างของจำเลยก่อขึ้นในทางการที่จ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์และขอบเขตความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุน กรณีความเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
การที่จำเลยให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีสาขาในประเทศไทยหรือไม่และมอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีหรือไม่ ไม่รับรู้และรับรอง เป็นคำให้การที่มิได้ปฏิเสธชัดแจ้งว่าโจทก์ไม่เป็นนิติบุคคลอย่างไร และไม่ได้คัดค้านความไม่ถูกต้องของหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี คำให้การของจำเลยดังกล่าวจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาท โจทก์นำสืบ ม. ซึ่งเป็นเพียงพนักงานประเมินความเสียหายของโจทก์รับรองหนังสือมอบอำนาจ ดังนี้รับฟังได้ว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีที่ถูกต้องแท้จริง ไม่จำเป็นต้องนำสืบผู้รับมอบอำนาจ โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันที่ก่อให้เกิดความเสียหายโดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของ ล. ในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับ ล. เจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว อัน ล. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เมื่อ ล. ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต แม้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อรักษาผลประโยชน์ตนเอง ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ทั้งสามในคดีนี้ แต่จำเลยที่ 1 ได้ฟ้องโจทก์ทั้งสามเป็นคดีละเมิดเรียกค่าเสียหายอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้น และขอวิธีการชั่วคราวนั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลตามปกติส่วนจำเลยที่ 1 ขอให้งดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ไว้ก่อน โดยอ้างหลักเกณฑ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 วรรคแรกถือว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตามปกติ ยังไม่มีเหตุที่จะถือว่าจำเลยที่ 1 จงใจประวิงการบังคับคดีให้ล่าช้า และศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องใหม่กับคดีเดิมเป็นคดีที่สืบเนื่องกันมิใช่เป็นการฟ้องคดีเรื่องอื่น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 วรรคแรก ไม่เป็นการขอให้งดการบังคับคดีได้ และมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยที่ 1 นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ในคดีนี้ไปวางต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อโจทก์ทั้งสามขอรับเงินที่วางจำเลยที่ 1 แถลงคัดค้านมิให้จ่ายโดยอ้างว่าหากจ่ายไปจำเลยที่ 1 ชนะคดีจะทำให้ไม่สามารถหักกลบลบหนี้ได้นั้นก็ไม่มีความสำคัญในทางคดี กรณีเพียงจำเลยที่ 1 พยายามดำเนินกระบวนพิจารณาไปในทางรักษาผลประโยชน์ตนอย่างจริงจัง แต่ไม่ถึงขั้นที่จะถือว่าเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสามอันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดตามกฎหมายควบคุมอาคาร ไม่ใช่ละเมิด โจทก์มีสิทธิฟ้องรื้อถอนได้เสมอ
ความผิดฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายมิใช่ ความผิด ฐานละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากแต่เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่มีวัตถุประสงค์คุ้มครองประโยชน์และความปลอดภัยแก่ประชาชนเป็นสำคัญ โจทก์จึงฟ้องบังคับให้รื้อถอนได้เสมอตราบที่อาคารซึ่งฝ่าฝืนกฎหมายยังคงอยู่
of 481