พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมของนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ขับขี่ กรณีอุบัติเหตุทางรถยนต์ต่อเนื่อง
ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ลูกจ้างและผู้ขับรถของจำเลยที่ 3ไม่ได้เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่ 3 ด้วยตนเองแต่ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับขี่รถเพื่อนำไปเก็บ แม้จำเลยที่ 2 จะขับขี่ออกนอกเส้นทางหลังจากชนท้ายรถ ท. ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ขับรถแทนตนและอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 และถือว่าขณะเกิดเหตุเป็นการกระทำของลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ในทางการที่จ้างจำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วย เมื่อจำเลยที่ 2 ขับรถเฉี่ยวชนท้ายรถของ ท. โดยประมาทเลินเล่อแล้วหลบหนีไป ท. ได้ขับรถติดตามจำเลยที่ 2 ไปในทันทีทันใดเพื่อเจรจาทำความตกลงในเรื่องค่าเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้น แต่จำเลยที่ 2 ซึ่งขับรถหนีไปติดสัญญาณไฟแดงไม่ยอมลงจากรถมาเจรจาด้วย และขับรถจะหลบหนีต่อไป ท. จึงกระโดดขึ้นไปเกาะรถที่จำเลยที่ 2 ขับทางด้านขวาของคนขับ จำเลยที่ 2 จึงขับรถโดยกระชากอย่างแรงเป็นเหตุให้ ท. ตกลงมาสู่พื้นถนนแล้วถูกรถที่จำเลยที่ 2 ขับทับถึงแก่ความตายนั้น เป็น เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากเหตุรถเฉี่ยวชนในตอนแรก ไม่อาจที่จะแยกการกระทำของจำเลยที่ 2 ออกจากกันได้ กรณีถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องมาจากการที่จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 ขับรถไปเก็บและอยู่ในทางการจ้าง ของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ซื้ออาคารพิพาทจากการขายทอดตลาดต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าเดิม
จำเลยซื้ออาคารพิพาทอย่างสังหาริมทรัพย์โดยต้องรื้อถอนไปเมื่ออาคารพิพาทยังอยู่ในอายุสัญญาเช่า ระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิมจำเลยผู้ซื้อต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่าจนกว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อสังหาริมทรัพย์ที่มีภาระสัญญาเช่า ผู้ซื้อต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าจนกว่าจะสิ้นสุด
จำเลยซื้ออาคารพิพาทอย่างสังหาริมทรัพย์โดยต้องรื้อถอนไป เมื่ออาคารพิพาทยังอยู่ในอายุสัญญาเช่า ระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิม จำเลยผู้ซื้อต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า จำเลยต้องปฏิบัติตาสัญญาเช่าจนกว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องละเมิดจากข้าราชการที่กระทำการโดยมิชอบ ทำให้โจทก์เสียหายจากสัญญาที่ไม่มีผลผูกพัน
จำเลยเป็นข้าราชการสังกัดกรมโจทก์ ตำแหน่งเกษตรอำเภอจำเลยนำปุ๋ยเคมี เครื่องสูบน้ำ และเงินหมุนเวียนของโจทก์ไปให้เกษตรกรเช่าซื้อ ยืม โดยจำเลยลงชื่อแทนเกษตรกร หรือไม่ได้ให้เกษตรกรลงชื่อในสัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าซื้อและสัญญายืมเงิน เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถบังคับตามสัญญาเหล่านั้นได้ โจทก์จึงเสียหายนับแต่วันที่จำเลยมอบสิ่งของหรือเงินให้แก่เกษตรกรไปตั้งแต่วันทำสัญญาจำเลยจึงทำละเมิดต่อโจทก์นับตั้งแต่วันทำสัญญาดังกล่าวแล้วเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ส่วนสัญญาที่กำหนดให้ผู้ยืมชำระเงินคืนตามกำหนด จำเลยมีหน้าทีต้องติดตามทวงถามนับแต่วันที่ผู้ยืมผิดสัญญาไม่ชำระเงินคืน เมื่อจำเลยไม่ติดตามทวงถามเงินคืนทำให้โจทก์เสียหาย ถือว่าจำเลยกระทำละเมิดนับแต่วันที่จำเลยไม่ติดตามทวงถามเงินคืนเมื่อถึงกำหนดชำระ แต่เมื่อนับแต่วันถึงกำหนดชำระเงินคืนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 เช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2585/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีรวมพิจารณา: คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ผูกพันคดีที่เปิดให้อุทธรณ์ได้
โจทก์ผู้รับประกันภัยฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยอ้างว่า รถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ถูกรถคันที่จำเลยรับประกันภัยไว้ชนได้รับความเสียหาย จำเลยก็ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์อันเนื่องมาจากการที่รถเกิดชนกันในเหตุครั้งเดียวกันนี้ด้วย ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีรวมกันแล้วฟังว่า เหตุที่รถชนกันเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับรถคันที่จำเลยรับประกันภัยไว้แต่ฝ่ายเดียว พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และยกฟ้องคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ แม้คดีหลังนี้จะต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ก็ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ให้ถือว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีหลังดังกล่าวนี้มีผลผูกพันคู่ความในคดีแรกที่คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง หรืออีกนัยหนึ่งไม่มีบทมาตราใดให้ศาลอุทธรณ์จำต้องถือข้อเท็จจริงในคดีที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าผู้ขับรถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ก็มีส่วนประมาทด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2585/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีรวมพิจารณา: คดีต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ผูกพันคดีที่เปิดให้อุทธรณ์ได้
โจทก์ผู้รับประกันภัยฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยอ้างว่า รถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ถูกรถคันที่จำเลยรับประกันภัยไว้ชนได้รับความเสียหาย จำเลยก็ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์อันเนื่องมาจากการที่รถเกิดชนกันในเหตุครั้งเดียวกันนี้ด้วย ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีรวมกันแล้วฟังว่า เหตุที่รถชนกันเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับรถคันที่จำเลยรับประกันภัยไว้แต่ฝ่ายเดียว พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และยกฟ้องคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ แม้คดีหลังนี้จะต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ก็ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ให้ถือว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีหลังดังกล่าวนี้มีผลผูกพันคู่ความในคดีแรกที่คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง หรืออีกนัยหนึ่งไม่มีบทมาตราใดให้ศาลอุทธรณ์จำต้องถือข้อเท็จจริงในคดีที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าผู้ขับรถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ก็มีส่วนประมาทด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2585/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีรวมพิจารณา: คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ผูกพันคดีที่เปิดให้อุทธรณ์ได้
โจทก์ผู้รับประกันภัยฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยอ้างว่ารถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ถูกรถคันที่จำเลยรับประกันภัยไว้ชนได้รับความเสียหาย จำเลยก็ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์อันเนื่องมาจากการที่รถเกิดชนกันในเหตุครั้งเดียวกันนี้ด้วยศาลชั้นต้นพิจารณาคดีรวมกันแล้วฟังว่า เหตุที่รถชนกันเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับรถคันที่จำเลยรับประกันภัยไว้แต่ฝ่ายเดียวพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และยกฟ้องคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ แม้คดีหลังนี้จะต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแต่ก็ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ให้ถือว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีหลังดังกล่าวนี้มีผลผูกพันคู่ความในคดีแรกที่คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง หรืออีกนัยหนึ่งไม่มีบทมาตราใดให้ศาลอุทธรณ์จำต้องถือข้อเท็จจริงในคดีที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ผู้ขับรถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ก็มีส่วนประมาทด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องผู้เช่าซื้อ, ข้อต่อสู้ที่มิได้ยกขึ้นในชั้นต้น, การห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ชนเสียหายและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะที่ถูกชน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดได้.
จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุน ให้การว่า หากจะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้วก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวน 100,000 บาทของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมด มิได้ให้การถึงว่าได้จ่ายค่าทำรั้วที่เสียหายไปแล้ว 15,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2 จะแถลงรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่าจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วไปแล้ว ก็เป็นเรื่องนอกประเด็น จำเลยที่ 2 จะฎีกาว่าความรับผิดของตนต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาท ไม่ได้ เป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249.
จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุน ให้การว่า หากจะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้วก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวน 100,000 บาทของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมด มิได้ให้การถึงว่าได้จ่ายค่าทำรั้วที่เสียหายไปแล้ว 15,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2 จะแถลงรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่าจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วไปแล้ว ก็เป็นเรื่องนอกประเด็น จำเลยที่ 2 จะฎีกาว่าความรับผิดของตนต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาท ไม่ได้ เป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด และข้อจำกัดความรับผิดของบริษัทประกันภัย การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ชนเสียหายและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะที่ถูกชน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดได้ จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ให้การว่าหากจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวน 100,000 บาท ของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมดที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ มิได้ให้การถึงว่าจำเลยที่ 2ได้จ่ายค่าทำรั้วที่เสียหายไปแล้ว 15,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2จะแถลงรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วไปแล้วก็เป็นเรื่องนอกประเด็น จำเลยที่ 2 จะฎีกาว่าความรับผิดของจำเลยที่ 2 ต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาท ไม่ได้ เป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ที่มิได้ยกขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น แม้มีการแถลงรับข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ชนเสียหายและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะที่ถูกชน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดได้ จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ให้การว่า หากจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวน 100,000 บาท ของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมดที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ มิได้ให้การถึงว่าจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่าทำรั้วที่เสียหายไปแล้ว 15,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2 จะแถลงรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วไปแล้ว ก็เป็นเรื่องนอกประเด็น จำเลยที่ 2 จะฎีกาว่าความรับผิดของจำเลยที่ 2ต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาทไม่ได้ เป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249.