พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดหลังการบังคับคดีเสร็จสิ้น และการสืบพยานเพื่อพิสูจน์ความรับผิด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง การคัดค้านการบังคับคดีต้องกระทำก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง เมื่อการบังคับคดีได้เสร็จลงไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่.
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดหลังการบังคับคดีเสร็จสิ้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง การคัดค้านการบังคับคดีต้องกระทำก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง เมื่อการบังคับคดีได้เสร็จลงไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกปาดทางสาธารณะและการละเมิดสิทธิการเข้าออกที่ดิน แม้มีทางอื่น
คดีก่อนจำเลยถูกพนักงานอัยการศาลแขวงเป็นโจทก์ฟ้องข้อหาบุกรุกทางสาธารณะ ศาลแขวงมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดให้ ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าที่พิพาทอยู่นอกเขตทางสาธารณะและเป็นที่ดินของจำเลย แต่โจทก์ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีก่อนด้วย ดังนั้นจะถือเอาคำเบิกความของพยานและข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย มารับฟังในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์เป็นคดีนี้หาได้ไม่
การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนบนทางสาธารณประโยชน์ปิดกั้นทางเข้าออกที่ดินโจทก์ แม้โจทก์จะมีทางเข้าออกทางอื่นได้แต่เมื่อได้ความว่าไม่สะดวกการกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์.
การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนบนทางสาธารณประโยชน์ปิดกั้นทางเข้าออกที่ดินโจทก์ แม้โจทก์จะมีทางเข้าออกทางอื่นได้แต่เมื่อได้ความว่าไม่สะดวกการกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำทางสาธารณะและการละเมิดสิทธิในที่ดิน แม้มีทางเข้าออกอื่นแต่ไม่สะดวก ศาลพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย
คดีก่อนจำเลยถูกพนักงานอัยการศาลแขวงเป็นโจทก์ฟ้องข้อหาบุกรุกทางสาธารณะ ศาลแขวงมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด ให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า ที่พิพาทอยู่นอกเขตทางสาธารณะและเป็นที่ดินของจำเลย แต่โจทก์ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีก่อนด้วย ดังนั้นจะถือเอาคำเบิกความของพยานและข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย มารับฟังในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์เป็นคดีนี้หาได้ไม่ การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนบนทางสาธารณประโยชน์ปิดกั้นทางเข้าออกที่ดินโจทก์ แม้โจทก์จะมีทางเข้าออกทางอื่นได้แต่เมื่อได้ความว่าไม่สะดวก การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายจากเรือชน และขอบเขตความรับผิดของตัวแทนเรือ
เรือฉลอมลำน้ำของโจทก์ถูกเรือ อ. ชนจมลงเมื่อวันที่ 11เมษายน 2520 โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าบริษัท ท. เป็นผู้รับประกันวินาศภัยเรือ อ. ขอให้เรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2523 ซึ่งเป็นเวลากว่าสองปี นับแต่วันวินาศภัย คดีโจทก์สำหรับจำเลยร่วมจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 ทนายจำเลยร่วมมีหนังสือถึงโจทก์ว่าเรื่องที่เรือโจทก์เกิดชนกับเรือ อ. และโจทก์ขอเรียกค่าเสียหายได้ส่งเรื่องให้ตัวการคือเจ้าของเรือ อ. พิจารณาต่อไปแล้วจะแจ้งผลการพิจารณาให้โจทก์ทราบภายในเวลาอันสมควรกับได้ให้เจ้าของเรือที่ได้รับความเสียหายส่งสำเนาใบประเมินความเสียหายมาให้รายละ 3 ฉบับนั้น การกระทำของจำเลยร่วมดังกล่าวเป็นเพียงแต่จะพิจารณาเรื่องค่าเสียหายยังไม่เป็นการแน่นอนว่าจะใช้ค่าเสียหายตามที่โจทก์เรียกร้อง จึงไม่เป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่าจำเลยร่วมยอมรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา172 อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง จำเลยเป็นเพียงตัวแทนเจ้าของเรือต่างประเทศ มีหน้าที่ในการรับขนสินค้าลงจากเรือ ติดต่อดำเนินพิธีการด้านการท่าเรือการศุลกากรและการตรวจคนเข้าเมือง จำเลยไม่ต้องรับผิดในการที่กัปตันผู้ควบคุมเรือซึ่งเป็นลูกจ้างเจ้าของเรือ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ตัวแทนต้องรับผิดในผลละเมิดที่ลูกจ้างของตัวการได้กระทำไปในหน้าที่การงานของตัวการ ไม่ว่าตัวการจะอยู่ต่างประเทศหรือในประเทศ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบเมื่อคู่ความตกลงให้ศาลตัดสินคดีจากหลักฐานที่มีอยู่ แม้จะไม่มีการปูโฉนด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุก ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายชั้นชี้สองสถาน ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ก่อนสืบพยาน คู่ความแถลงขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและปูโฉนด แต่เจ้าพนักงานไม่สามารถปูโฉนดแนวเขตได้ ได้แต่ทำรูปแผนที่กระดาษส่งศาล คู่ความแถลงขอให้ศาลชี้ขาด เมื่อศาลเห็นว่าแผนที่ดังกล่าวทับกันไม่สนิท ไม่อาจใช้แผนที่ชี้ขาดได้ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ จึงวินิจฉัยคดีว่า โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน แต่โจทก์ไม่สืบพยานจึงต้องแพ้คดี พิพากษายกฟ้อง เช่นนี้ถือว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาเช่าโดยไม่ชอบธรรมหลังผู้เช่าเสียชีวิต ทายาทมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ให้เช่าและผู้เช่ารายใหม่
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภรรยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายและไม่ใช่ทายาท กับจำเลยที่ 2 ผู้ให้เช่า ทำการจดทะเบียนเลิกสัญญาเช่าที่ผู้ตายทำขึ้นโดยทราบดีว่ามีข้อสัญญาว่าถ้าผู้เช่าวายชนม์ ให้สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าตกทอดไปยังทายาทของผู้เช่านั้น เป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของผู้ตาย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม-ข้อต่อสู้ใหม่: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากมิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลล่าง
ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยในปัญหานี้ก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาถือว่าไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางเกวียนต่อเนื่องกว่า 30 ปี แม้เจ้าของที่ดินปิดกั้นก็ยังคงมีสิทธิใช้ทางได้
โจทก์จำเลยมีที่นาติดต่อกัน โจทก์ใช้ทางเกวียนผ่านที่นาจำเลยไปยังที่นาโจทก์เป็นเวลาติดต่อกันมานานกว่า 30 ปี จำเลยหามีสิทธิปิดกั้นทางเกวียนซึ่งโจทก์ใช้มาหลายสิบปีแล้วนั้นได้ไม่
หากจำเลยไม่ยอมเปิดทางดังกล่าว โจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 298 ที่แก้ไขใหม่ โจทก์จะขอเป็นผู้จัดการเปิดทางเองโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
หากจำเลยไม่ยอมเปิดทางดังกล่าว โจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 298 ที่แก้ไขใหม่ โจทก์จะขอเป็นผู้จัดการเปิดทางเองโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5774/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำละเมิดในที่ดินโต้แย้ง การกระทำตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และขอบเขตความรับผิด
การที่จำเลยเข้าไปขุดลอกสระน้ำซึ่งอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของโจทก์โดยเข้าใจว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ แม้จะไม่มีความผิดทางอาญา เนื่องจากขาดเจตนา แต่ขณะเกิดเหตุโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ ทั้งโจทก์ได้ห้ามปรามและยังได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจมาห้ามปรามแล้ว จำเลยก็ยังไม่ยอมหยุดกระทำการสูบน้ำและขุดดินในสระน้ำ ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ได้รับความเสียหายถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 7 เป็นลูกจ้างของกรมชลประทาน ได้ร่วมกระทำการกับจำเลยอื่นตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยเข้าใจว่าเป็นการช่วยเหลือวัด ถือได้ว่ากระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย แม้การกระทำของจำเลยที่ 7 ทำให้โจทก์เสียหายจำเลยที่ 7 ก็ได้รับนิรโทษกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 449 วรรคแรก จำเลยที่ 7 ไม่ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยที่ 7 เป็นลูกจ้างของกรมชลประทาน ได้ร่วมกระทำการกับจำเลยอื่นตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยเข้าใจว่าเป็นการช่วยเหลือวัด ถือได้ว่ากระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย แม้การกระทำของจำเลยที่ 7 ทำให้โจทก์เสียหายจำเลยที่ 7 ก็ได้รับนิรโทษกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 449 วรรคแรก จำเลยที่ 7 ไม่ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์