พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน และสิทธิเรียกร้องจากบริษัทประกันภัย
คำเบิกความของพนักงานสอบสวนที่เบิกความว่าในการสอบสวนจำเลยที่ 1 รับว่าขับรถกลับจากไปรับจ้างบรรทุกดิน ใน ทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ขณะนำรถกลับมาไว้ที่อู่ก็เกิดเหตุขึ้นแม้จะเป็นพยานบอกเล่าแต่ก็เป็นคำบอกเล่าที่เป็นคำรับของคู่ความ รับฟังได้ การเรียกบริษัทประกันภัยเข้ามาเป็นจำเลยร่วมเพื่อรับผิดตามสัญญาประกันภัยแทนจำเลยที่ 2 เมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้วจะต้องเริ่มต้นสืบพยานกันใหม่ และแม้ศาลไม่เรียกบริษัทดังกล่าวเข้าเป็นจำเลยร่วม จำเลยที่ 2 ก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องจากบริษัทดังกล่าวได้อยู่แล้วจึงไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกบริษัทดังกล่าวเข้ามาเป็นจำเลยร่วม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาโดยปริยายและการรับผิดในฐานตัวการของผู้ให้เช่ารถแท็กซี่
การที่บริษัทจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์แท็กซี่ออกแล่นรับคนโดยสารในนามของจำเลยที่ 3 โดยเปิดเผยและเป็นที่เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 จะต้องได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการอนุญาตให้ใช้ตราบริษัทจำเลยที่ 3 ติดอยู่ที่ข้างรถดังกล่าวย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้ประกอบการเดินรถยนต์รับจ้างนั้นในกิจการของจำเลยที่ 3 เองการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการเชิดจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 เสมือนจำเลยที่1 เป็นตัวแทนของตน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของเจ้าของรถแท็กซี่ที่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตราบริษัทในการประกอบการเดินรถ
การที่บริษัทจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์แท็กซี่ออกแล่นรับคนโดยสารในนามของจำเลยที่ 3 โดยเปิดเผยและเป็นที่เชื่อ ได้ว่าจำเลยที่ 3 จะต้องได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการอนุญาตให้ใช้ตรา บริษัท จำเลยที่ 3 ติดอยู่ที่ข้างรถดังกล่าวย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้ประกอบการเดิน รถยนต์รับจ้างนั้นในกิจการของจำเลยที่ 3 เอง การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการเชิด จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทน จำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 เสมือนจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดความเสียหาย ศาลแบ่งความรับผิดชอบค่าเสียหาย
โจทก์ย้ายเสาไฟฟ้าของโจทก์แล้วถอดสายเคเบิลโทรศัพท์ออกจากเสาไฟฟ้าโดยมิได้ติดตั้งกับเสาต้นใหม่ ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย คงปล่อยให้สายเคเบิลบางส่วน พาดไว้กับต้นหูกวางและหย่อน ลงมาขวางถนน นับเป็น ความประมาทเลินเล่อของพนักงานของโจทก์ ส่วนการที่ลูกจ้าง จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ขาเข้าลอดผ่านไปได้ และมาเกี่ยวสายเคเบิลดังกล่าวตอนขาออกทำให้เกิดความเสียหาย นับเป็นความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยที่ 1 ที่ขาดความระมัดระวังเช่นเดียวกัน เมื่อทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต่างประมาทเลินเล่อด้วยกัน จึงต้องรับผิดค่าเสียหายไปคนละส่วน จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงกึ่งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดความเสียหาย จึงต้องรับผิดชอบค่าเสียหายร่วมกัน
โจทก์ย้ายเสาไฟฟ้าของโจทก์แล้วถอดสายเคเบิลโทรศัพท์ออกจากเสาไฟฟ้าโดยมิได้ติดตั้งกับเสาต้นใหม่ ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย คงปล่อยให้สายเคเบิลบางส่วน พาดไว้กับต้นหูกวางและหย่อน ลงมาขวางถนน นับเป็น ความประมาทเลินเล่อของพนักงานของโจทก์ ส่วนการที่ลูกจ้าง จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ขาเข้าลอดผ่านไปได้ และมาเกี่ยวสายเคเบิลดังกล่าวตอนขาออกทำให้เกิดความเสียหาย นับเป็นความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยที่ 1 ที่ขาดความระมัดระวังเช่นเดียวกัน เมื่อทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต่างประมาทเลินเล่อด้วยกัน จึงต้องรับผิดค่าเสียหายไปคนละส่วน จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงกึ่งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางแพ่งจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่และการพิสูจน์ความรู้ตัวผู้รับผิด
การสอบสวนทางวินัยเพราะเหตุบกพร่องต่อหน้าที่ราชการเป็นคนละกรณีกับการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่ง เพราะการบกพร่องต่อหน้าที่ราชการอาจไม่ถึงขนาดที่จะต้องรับผิดในทางแพ่ง รองผู้บัญชาการทหารอากาศทำการแทนผู้บัญชาการทหารอากาศได้ทราบเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 มีคำสั่งลงทัณฑ์จำเลยที่ 2 เหตุบกพร่องต่อหน้าที่ราชการทำให้เกิดทุจริตในเรื่องการเงินดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่โจทก์ทราบถึงกรณีที่จำเลยที่ 2 ถูกลงทัณฑ์ทางวินัย เมื่อโจทก์ได้ทราบตัวผู้รับผิดทางแพ่งนับถึงวันฟ้องยังไม่เกินหนึ่งปีคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการเงินมีหน้าที่ควบคุมดูแลการรับจ่ายเงินให้ถูกต้องตรงตามหลักฐาน รับผิดชอบในการทำบัญชีเงิน ควบคุมดูแลในการทำบัญชีลูกหนี้เจ้าหนี้ให้ตรงกับความเป็นจริง ควบคุมดูแลกิจการร้านค้าที่เกี่ยวกับการเงินและการบัญชีทั้งปวงให้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย การที่จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบ ทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดการเงินยักยอกเงินไปได้ จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการเงินมีหน้าที่ควบคุมดูแลการรับจ่ายเงินให้ถูกต้องตรงตามหลักฐาน รับผิดชอบในการทำบัญชีเงิน ควบคุมดูแลในการทำบัญชีลูกหนี้เจ้าหนี้ให้ตรงกับความเป็นจริง ควบคุมดูแลกิจการร้านค้าที่เกี่ยวกับการเงินและการบัญชีทั้งปวงให้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย การที่จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบ ทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดการเงินยักยอกเงินไปได้ จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางแพ่งจากละเลยหน้าที่ – การตรวจสอบบัญชีเงิน – อายุความฟ้องร้อง
การสอบสวนทางวินัยเพราะเหตุบกพร่องต่อหน้าที่ราชการเป็นคนละกรณีกับการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่ง เพราะการบกพร่องต่อหน้าที่ราชการอาจไม่ถึงขนาดที่จะต้องรับผิดในทางแพ่งรองผู้บัญชาการทหารอากาศทำการแทนผู้บัญชาการทหารอากาศได้ทราบเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 มีคำสั่งลงทัณฑ์จำเลยที่ 2 เหตุบกพร่องต่อหน้าที่ราชการทำให้เกิดทุจริตในเรื่องการเงินดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่โจทก์ทราบถึงกรณีที่จำเลยที่ 2 ถูกลงทัณฑ์ทางวินัย เมื่อโจทก์ได้ทราบตัวผู้รับผิดทางแพ่งนับถึงวันฟ้องยังไม่เกินหนึ่งปีคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448.
จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการเงินมีหน้าที่ควบคุมดูแลการรับจ่ายเงินให้ถูกต้องตรงตามหลักฐาน รับผิดชอบในการทำบัญชีเงิน ควบคุมดูแลในการทำบัญชีลูกหนี้เจ้าหนี้ให้ตรงกับความเป็นจริง ควบคุมดูแลกิจการร้านค้าที่เกี่ยวกับการเงินและการบัญชีทั้งปวงให้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย การที่จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบ ทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดการเงินยักยอกเงินไปได้ จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1.
จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการเงินมีหน้าที่ควบคุมดูแลการรับจ่ายเงินให้ถูกต้องตรงตามหลักฐาน รับผิดชอบในการทำบัญชีเงิน ควบคุมดูแลในการทำบัญชีลูกหนี้เจ้าหนี้ให้ตรงกับความเป็นจริง ควบคุมดูแลกิจการร้านค้าที่เกี่ยวกับการเงินและการบัญชีทั้งปวงให้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย การที่จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบ ทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดการเงินยักยอกเงินไปได้ จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4828/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส และสิทธิในการฟ้องค่าเสียหายจากละเมิด
การเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมายบิดามารดาไม่จำต้องจดทะเบียนสมรสกัน แต่ต้องถือตามความเป็นจริง
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใดขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้างเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใดขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้างเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4828/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พี่น้องร่วมบิดามารดา แม้มิได้จดทะเบียนสมรส มีสิทธิฟ้องค่าเสียหายจากเหตุเสียชีวิตได้
การเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมายบิดามารดาไม่จำต้องจดทะเบียนสมรสกันแต่ต้องถือตามความเป็นจริง ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้วโจทก์เป็นทายาทลำดับ3ของช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1629และเป็นผู้จัดการศพของช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ช.ตาย โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของช.ร่วมบิดามารดาเดียวกันโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลยคือค่าปลงศพค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่1โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใดขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพช.ผู้ตายและในฐานะที่โจทก์ที่1เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้างฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหาโดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้างเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4828/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พี่น้องร่วมบิดามารดาฟ้องค่าเสียหายจากละเมิด แม้บิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส ฟ้องไม่เคลือบคลุม
การเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมายบิดามารดาไม่จำต้องจดทะเบียนสมรสกัน แต่ต้องถือตามความเป็นจริง
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของ ช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพ ค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของ ช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพ ค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม