คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4828/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส และสิทธิในการฟ้องค่าเสียหายจากละเมิด
การเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมายบิดามารดาไม่จำต้องจดทะเบียนสมรสกัน แต่ต้องถือตามความเป็นจริง
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใดขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้างเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4765/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหลังชี้สองสถาน กรณีข้อเท็จจริงใหม่เกี่ยวกับตัวผู้กระทำละเมิด
โจทก์ถูกรถยนต์ของจำเลยชนแล้วหลบหนี จำเลยปกปิดชื่อและที่อยู่ของผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว โจทก์จึงได้ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายในฐานะเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์ แม้ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแก่โจทก์ตามสำนวนการสอบสวนของพนักงานอัยการที่ส่งศาลตามหมายเรียกว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ชนโจทก์เป็นลูกจ้างและกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์เพิ่งทราบความจริงภายหลังจากการชี้สองสถานและไม่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ก่อนหน้านั้นโจทก์จึงมีสิทธิขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในฐานะนายจ้างของผู้ทำละเมิดต่อโจทก์หลังวันชี้สองสถานแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4765/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหลังชี้สองสถาน: กรณีจำเลยปกปิดข้อมูลคนขับและโจทก์เพิ่งทราบภายหลัง
โจทก์ถูกรถยนต์ของจำเลยชนแล้วหลบหนี จำเลยปกปิดชื่อและที่อยู่ของผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว โจทก์จึงได้ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายในฐานะเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์ แม้ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแก่โจทก์ตามสำนวนการสอบสวนของพนักงานอัยการที่ส่งศาลตามหมายเรียกว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ชนโจทก์เป็นลูกจ้างและกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์เพิ่งทราบความจริงภายหลังจากการชี้สองสถานและไม่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ก่อนหน้านั้นโจทก์จึงมีสิทธิขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในฐานะนายจ้างของผู้ทำละเมิดต่อโจทก์หลังวันชี้สองสถานแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4765/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหลังชี้สองสถาน: เมื่อข้อเท็จจริงใหม่ปรากฏหลังฟ้อง
โจทก์ถูกรถยนต์ของจำเลยชนแล้วหลบหนีจำเลยปกปิดชื่อและที่อยู่ของผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวโจทก์จึงได้ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายในฐานะเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์แม้ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแก่โจทก์ตามสำนวนการสอบสวนของพนักงานอัยการที่ส่งศาลตามหมายเรียกว่าผู้ขับขี่รถยนต์ชนโจทก์เป็นลูกจ้างและกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยดังนี้ถือได้ว่าโจทก์เพิ่งทราบความจริงภายหลังจากการชี้สองสถานและไม่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ก่อนหน้านั้นโจทก์จึงมีสิทธิขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในฐานะนายจ้างของผู้ทำละเมิดต่อโจทก์หลังวันชี้สองสถานแล้วได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4433/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่สัญญา การแยกมูลหนี้ และอำนาจศาลแรงงาน
เมื่อมูลหนี้ที่จำเลยทั้งสามจะต้องรับผิด ต่างแยกออกจากกันได้เป็นการเฉพาะตัวแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์ ย่อมมีผลผูกพันเฉพาะจำเลยที่ 1กับโจทก์เท่านั้น มูลหนี้เดิมจะระงับหรือไม่ระงับ ก็มีผลเฉพาะคู่สัญญา จำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้ถือว่า ตนมีหนี้แยกต่างหากจากจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจจะถือประโยชน์ อันเกิดแต่สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เป็นประโยชน์แก่ตนได้ มูลหนี้ละเมิดที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์ หาระงับด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังกล่าวไม่ สิทธิในการฟ้องร้องคดีหรืออำนาจฟ้องกับสิทธิที่จะบังคับ คดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาเป็นกรณีที่แตกต่างกันอยู่ในขั้นตอนที่ต่างกันจะนำมาพิจารณาคละระคนด้วยกันหาได้ไม่แม้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วจำเลยจะยกเอาการบังคับคดีที่อาจมีได้สองทางโดยจะเกิดขึ้นหรือไม่ยังไม่เป็นการแน่นอนขึ้นต่อสู้ เพื่อปฏิเสธความรับผิดในมูลหนี้ตามคำฟ้องเสียแต่แรกนั้น หาเป็น การถูกต้องไม่ โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้ออกคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ที่ 3มีอำนาจหน้าที่ประการใด จำเลยทั้งสอง หาได้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นไม่ จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ในการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ประการใด ทำให้โจทก์เสียหายอย่างใด แล้วสรุปว่าการกระทำของจำเลยทั้งสอง เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ และเป็นการผิดสัญญาจ้างแรงงาน ดังนี้ เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างโจทก์ผู้เป็นนายจ้าง และจำเลยเป็นผู้ถูกจ้าง อันเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน ต้องด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 8(5)ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ มูลหนี้ละเมิดอันเป็นมูลหนี้เดิมที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ได้ระงับสิ้นไปแล้ว และทำให้โจทก์ได้รับหนี้หรือสิทธิขึ้นใหม่ตามที่แสดงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งโจทก์ได้ฟ้อง จำเลยที่ 1 ด้วยมูลหนี้ตามสัญญาดังกล่าวแล้ว แต่โจทก์ยังมิได้ รับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจากจำเลยที่ 1 ความรับผิด ในมูลหนี้ละเมิดของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ระงับสิ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต่อสู้ขาดอายุความโดยไม่ระบุเหตุ ศาลไม่ควรวินิจฉัยเอง เพราะเป็นประเด็นที่จำเลยต้องยกขึ้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานขับรถของโจทก์ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์คว่ำได้รับความเสียหายต้องซ่อมแซม และทำให้ ใบยาสูบที่บรรทุกมาเสียหายโจทก์ต้องจ่ายค่าเสียหายในการซ่อมรถและชดใช้ค่าใบยาสูบให้โรงงานยาสูบ จึงเป็นคดีที่มีหลายประเด็น อายุความมีหลายประเภท จำเลยให้การเพียงว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความเท่านั้นมิได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความมาด้วยว่าขาดอายุความตามบทกฎหมายใด ในเรื่องใด เหตุใดฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ดังนี้ คำให้การของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองและไม่ก่อให้เกิดประเด็นในคดี ศาลแรงงานกลางพิจารณาประเด็นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ แล้ววินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการนอกประเด็นและเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีค่าเสียหาย: จำเลยต้องระบุเหตุขาดอายุความชัดเจน มิฉะนั้นศาลไม่รับฟัง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานขับรถของโจทก์ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์คว่ำได้รับความเสียหายต้องซ่อมแซมและทำให้ใยบาสูบที่บรรทุกมาเสียหายโจทก์ต้องจ่ายค่าเสียหายในการซ่อมรถและชดใช้ค่าใบยาสูบให้โรงงานยาสูบจึงเป็นคดีที่มีหลายประเด็นอายุความมีหลายประเภทจำเลยให้การเพียงว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความเท่านั้นมิได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความมาด้วยว่าขาดอายุความตามบทกฎหมายใดในเรื่องใดเหตุใดฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความดังนี้คำให้การของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองและไม่ก่อให้เกิดประเด็นในคดีศาลแรงงานกลางพิจารณาประเด็นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่แล้ววินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการนอกประเด็นและเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความและประเด็นข้อกฎหมาย: จำเลยต้องยกเหตุขาดอายุความชัดเจนในคำให้การ ศาลไม่ควรวินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานขับรถของโจทก์ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์คว่ำได้รับความเสียหายต้องซ่อมแซม และทำให้ใบยาสูบที่บรรทุกมาเสียหาย โจทก์ต้องจ่ายค่าเสียหายในการซ่อมรถและชดใช้ค่าใบยาสูบให้ โรงงานยาสูบ จึงเป็นคดีที่มีหลายประเด็น อายุความมีหลายประเภท จำเลยให้การเพียงว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความเท่านั้น มิได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความมาด้วยว่าขาดอายุความตามบทกฎหมายใด ในเรื่องใด เหตุใดฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ดังนี้ คำให้การของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง และไม่ก่อให้เกิดประเด็นในคดี ศาลแรงงานกลางพิจารณาประเด็นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ แล้ววินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการนอกประเด็นและเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องโดยอ้างอายุความแต่ไม่ระบุเหตุและบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นการไม่ชอบและเป็นการนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานขับรถของโจทก์ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์คว่ำได้รับความเสียหายต้องซ่อมแซมและทำให้ใยบาสูบที่บรรทุกมาเสียหายโจทก์ต้องจ่ายค่าเสียหายในการซ่อมรถและชดใช้ค่าใบยาสูบให้โรงงานยาสูบจึงเป็นคดีที่มีหลายประเด็นอายุความมีหลายประเภทจำเลยให้การเพียงว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความเท่านั้นมิได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความมาด้วยว่าขาดอายุความตามบทกฎหมายใดในเรื่องใดเหตุใดฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความดังนี้คำให้การของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองและไม่ก่อให้เกิดประเด็นในคดีศาลแรงงานกลางพิจารณาประเด็นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่แล้ววินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการนอกประเด็นและเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อสิทธิของหน่วยงานจัดการเลือกตั้ง และต้องรับผิดในความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
of 481