คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356-3358/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การประเมินความประมาท, การแบ่งความรับผิด, และขอบเขตความรับผิดของนายจ้าง
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ต่างขับรถชนกันโดยประมาท แต่เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 5 ก่อน จึงให้จำเลยที่ 5 รับผิดสองในสามส่วนให้จำเลยที่ 1 รับผิดหนึ่งในสามส่วนและเมื่อหักกลบลบกันแล้ว ส่วนที่จำเลยที่ 5 จะต้องรับผิดมีมากกว่า จึงสมควรให้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 5 ฟ้องเรียกจากจำเลยที่ 1 เป็นพับ
รถที่จำเลยที่ 1 ขับเป็นของจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 2 ใช้จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 3 นำบุตรของจำเลยที่ 2 ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่ 3 การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356-3358/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การประเมินความประมาทของผู้ขับขี่และขอบเขตความรับผิด
จำเลยที่1และจำเลยที่5ต่างขับรถชนกันโดยประมาทแต่เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่5ก่อนจึงให้จำเลยที่5รับผิดสองในสามส่วนให้จำเลยที่1รับผิดหนึ่งในสามส่วนและเมื่อหักกลบลบกันแล้วส่วนที่จำเลยที่5จะต้องรับผิดมีมากกว่าจึงสมควรให้ค่าเสียหายที่จำเลยที่5ฟ้องเรียกจากจำเลยที่1เป็นพับ รถที่จำเลยที่1ขับเป็นของจำเลยที่3มอบให้จำเลยที่2ใช้จำเลยที่1เป็นลูกจ้างจำเลยที่2ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่2วันเกิดเหตุจำเลยที่1ขับรถของจำเลยที่3นำบุตรของจำเลยที่2ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่3การกระทำละเมิดของจำเลยที่1จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่3จำเลยที่3และจำเลยที่4ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ที่2 โจทก์ฟ้องจำเลยที่1ที่2ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่1ที่2จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา และพิจารณาละเมิดตามหลักทั่วไป
แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุด โจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหาย คู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกันและแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญาก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอกม.แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม 11 ฉบับ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริง ความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498มาตรา 54 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่งศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด คดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหารไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไปส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญาคำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้น แต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป กระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อย หน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อจึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์ (อ้างฎีกาที่280/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา และความรับผิดทางละเมิดต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์ทางแพ่ง
แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุด โจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหาย คู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกัน และแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญา ก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอก ม. แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม 11 ฉบับ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริง ความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่ง ศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหาร ดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด คดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่ และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหาร ไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไป ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา คำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้น แต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป กระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อย หน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ จึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์
(อ้างฎีกาที่ 280/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาในคดีอาญา และการประเมินความประมาทเลินเล่อ
แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุดโจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายคู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกันและแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญาก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอกม.แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม11ฉบับเป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริงความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญากรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารพ.ศ.2498มาตรา54ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่งศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดคดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหารไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไปส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญาคำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้นแต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่องๆไปกระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อยหน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการจำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อจึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์. (อ้างฎีกาที่280/2520).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3185/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนตามกรมธรรม์ แม้ผู้เอาประกันภัยไม่ได้ครอบครองรถ แต่เกิดละเมิดจากการใช้งาน
เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยมิได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่าจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกก็แต่เฉพาะในกรณีผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ครอบครองและใช้รถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เท่านั้น ดังนั้น แม้ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 และเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด จะไม่ต้องรับผิดในฐานผู้ครอบครองและใช้รถยนต์เพราะได้ให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อไป แต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 3 ยังต้องรับผิดดังกล่าว จำเลยที่ 4 จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ด้วย.
ตามกรมธรรม์ประกันภัยมิได้ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ว่า ผู้รับประกันภัยจะรับผิดแต่เฉพาะค่าซ่อมรถหรือค่าเสื่อมราคาเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดใช้ค่าเช่ารถและค่าขาดประโยชน์ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 4 ก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์ด้วย
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2529)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3185/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนเมื่อผู้เอาประกันภัยเช่าซื้อรถยนต์ และความคุ้มครองค่าเช่ารถ/ขาดประโยชน์
เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยมิได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่าจำเลยที่4ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกก็แต่เฉพาะในกรณีผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ครอบครองและใช้รถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เท่านั้นดังนั้นแม้ขณะเกิดเหตุจำเลยที่3ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่2และเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดจะไม่ต้องรับผิดในฐานผู้ครอบครองและใช้รถยนต์เพราะได้ให้จำเลยที่2เช่าซื้อไปแต่จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่2ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยที่3ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่2เมื่อจำเลยที่3ยังต้องรับผิดดังกล่าวจำเลยที่4จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ด้วย. ตามกรมธรรม์ประกันภัยมิได้ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าผู้รับประกันภัยจะรับผิดแต่เฉพาะค่าซ่อมรถหรือค่าเสื่อมราคาเท่านั้นฉะนั้นเมื่อจำเลยที่3ต้องรับผิดใช้ค่าเช่ารถและค่าขาดประโยชน์ให้แก่โจทก์จำเลยที่4ก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์ด้วย. (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่5/2529).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3185/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก แม้ไม่ได้ครอบครองรถ
เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยมิได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่าจำเลยที่4ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกก็แต่เฉพาะในกรณีผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ครอบครองและใช้รถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เท่านั้นแต่กำหนดไว้เพียงว่าเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมายผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยดังนั้นแม้ขณะเกิดเหตุจำเลยที่3ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่2และเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดจะไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองและใช้รถยนต์เพราะได้ให้จำเลยที่2เช่าซื้อไปแต่จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่2ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยที่3ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่2ตามป.พ.พ.มาตรา1070,1077(2)ประกอบด้วยมาตรา1080เมื่อจำเลยที่3ยังต้องรับผิดดังกล่าวจำเลยที่4จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ด้วย ตามกรมธรรม์ประกันภัยมิได้ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าผู้รับประกันภัยจะรับผิดแต่เฉพาะค่าซ่อมรถหรือค่าเสื่อมราคาเท่านั้นฉะนั้นเมื่อจำเลยที่3ต้องรับผิดใช้ค่าเช่ารถและค่าขาดประโยชน์ให้แก่โจทก์จำเลยที่4ก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3184/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิประกันภัยและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิด แม้ผู้รับประกันภัยจะผิดเงื่อนไข
การที่โจทก์นำกรมธรรม์ประกันภัยมาสืบประกอบพยานอื่นในข้อรับช่วงสิทธิโดยมิได้นำสืบบังคับตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยตรงแม้กรมธรรม์ประกันภัยจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังได้. จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อมแม้รถยนต์ของโจทก์จะเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายมิให้ใช้รับจ้างบรรทุกสินค้าของผู้อื่นก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้เพราะการที่โจทก์นำรถยนต์ไปรับจ้างโดยผิดกฎหมายหรือไม่เป็นคนละเรื่องกับการกระทำละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3184/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิประกันภัยและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิด แม้ผู้รับประกันภัยจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ และการใช้รถผิดกฎหมายไม่กระทบสิทธิเรียกร้อง
การที่โจทก์นำกรมธรรม์ประกันภัยมาสืบประกอบพยานอื่นในข้อรับช่วงสิทธิ โดยมิได้นำสืบบังคับตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยตรง แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ ก็รับฟังได้
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม แม้รถยนต์ของโจทก์จะเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายมิให้ใช้รับจ้างบรรทุกสินค้าของผู้อื่น ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ เพราะการที่โจทก์นำรถยนต์ไปรับจ้างโดยผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการกระทำละเมิด
of 481