พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361-1372/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถต้องรับผิดต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุ แม้จะทำสัญญาประกันภัย และอายุความไม่ตัดสิทธิผู้รับประกันภัย
จำเลยที่1มีชื่อเป็นคู่สัญญาซื้อรถบรรทุกคันเกิดเหตุและมีชื่อเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์นั้นไว้กับจำเลยร่วมเมื่อเกิดเหตุรถชนกันขึ้นอ. บุตรชายของจำเลยที่2และเป็นผู้มีส่วนในการดำเนินกิจการของจำเลยที่1อยู่ด้วยได้ให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนว่ารถเป็นของจำเลยที่1ส. เป็นคนขับรถของจำเลยที่1โดยในวันเกิดเหตุอ. ได้สั่งให้ส. ขับรถเอามันเส้นของจำเลยที่1ไปส่งที่อำเภอบางประกง นอกจากนี้จำเลยที่2ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่1ได้มอบอำนาจให้อ. ไปรับรถคืนจากพนักงานสอบสวนโดยอ้างว่าเป็นรถของจำเลยที่1พยานหลักฐานต่างๆเหล่านี้รับฟังได้ว่ารถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเป็นของจำเลยที่1และส. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่1ได้ขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่1 เมื่อโจทก์นำสืบให้ปรากฏแล้วว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นแก่โจทก์แม้โจทก์จะไม่นำสืบหรือนำสืบไม่ได้ว่าค่าเสียหายเป็นจำนวนเท่าใดศาลก็อาจกำหนดให้ได้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด แม้จำเลยที่1ที่2จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเป็นเวลาเกิน1ปีนับแต่วันละเมิดแต่ได้เรียกเข้ามาในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่1ที่2จำเลยร่วมจึงไม่อาจยกอายุความละเมิดขึ้นต่อสู้ให้ยกฟ้องคดีโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้เช่ารถแท็กซี่ไม่ต้องรับผิดกับอุบัติเหตุจากผู้เช่า หากไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะตัวการตัวแทนหรือนายจ้าง
ผู้ให้เช่ารถแท็กซี่ไม่ต้องร่วมรับผิดกับผู้เช่าที่นำรถที่เช่ามาไปขับชนคนบาดเจ็บโดยประมาทเพราะผู้ให้เช่าไม่ได้เป็นตัวการหรือนายจ้างของผู้เช่า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับเจ้าของรถ หากเจ้าของรถไม่มีส่วนรับผิด ผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 7 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ อันเป็นรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้คดีได้ความแต่เพียงว่า จำเลยที่1 ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งเป็นรถของ ช. และช.เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับบริษัทจำเลยที่ 7 เท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏไว้เลยว่า จำเลยที่1 ขับรถยนต์ของ ช. คันดังกล่าวในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับ ช. จึงฟังไม่ได้ว่า ช. เจ้าของรถคันดังกล่าวมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 อันจะเป็นเหตุให้ ช. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ครั้งนี้ จำเลยที่ 7 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่ ช. ต้องรับผิดชอบ เมื่อ ช.ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 7 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องละเมิดจากความเสียหายต่อสิทธิครอบครอง แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์
โจทก์ซื้อช้างพิพาทมาจาก บ. เป็นการซื้อขายกันเอง มอบตั๋วรูปพรรณแก่กัน แม้การซื้อขายจะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงตกเป็นโมฆะก็ตาม ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองช้างพิพาท เมื่อมีการกระทำละเมิดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดกรณีช้างทำร้ายช้างอื่น แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์ ผู้ซื้อยังมีสิทธิฟ้องได้
แม้การซื้อขายช้างจะทำเพียงแต่มอบตั๋วรูปพรรณให้ผู้ซื้อไปมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งตกเป็นโมฆะก็ตามผู้ซื้อซึ่งครอบครองช้างก็มีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิในช้างของผู้ซื้อได้ ถ้าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดประเด็นข้อพิพาทต้องคัดค้านไว้มิฉะนั้นจะยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ฎีกาไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง: ต้องพิสูจน์การกระทำในทางการจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลูกจ้างขับขี่รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่1โดยจำเลยที่2ที่3ได้ใช้ให้ลูกจ้างผู้นั้นขับขี่รถดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่1เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่2ที่3ให้ใช้ลูกจ้างขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่1คันเกิดเหตุแต่กลับได้ความว่าหลังจากเลิกงานแล้วลูกจ้างแอบขึ้นไปเอากุญแจรถคันเกิดเหตุจากที่แขวนตามปกติที่ตึกชั้นสามแล้วใช้ขับรถคันเกิดเหตุไปเที่ยวโดยพลการจนเกิดเหตุชนกันย่อมถือไม่ได้ว่าลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยทั้งสาม. ในคดีละเมิดเมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธโจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงให้ได้ความตามที่โจทก์กล่าวอ้างเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้างศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างต่อโจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง: โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำในทางการจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลูกจ้างขับขี่รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ให้ลูกจ้างผู้นั้นขับขี่รถดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่1 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้ใช้ลูกจ้างขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่ 1 คันเกิดเหตุ แต่กลับได้ความว่าหลังจากเลิกงานแล้วลูกจ้างแอบขึ้นไปเอากุญแจรถคันเกิดเหตุจากที่แขวนตามปกติที่ตึกชั้นสามแล้วใช้ขับรถคันเกิดเหตุไปเที่ยวโดยพลการจนเกิดเหตุชนกันย่อมถือไม่ได้ว่าลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยทั้งสาม
ในคดีละเมิด เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงให้ได้ความตามที่โจทก์กล่าวอ้าง เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างต่อโจทก์ไม่ได้
ในคดีละเมิด เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงให้ได้ความตามที่โจทก์กล่าวอ้าง เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างต่อโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถและการละเลยไม่บำบัดปัดป้องความเสียหาย ผู้ขับขี่มีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวัง
ถนนที่เกิดเหตุเป็นทางตรงจำเลยที่2เห็นก้อนหินขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ12ซม.ขวางถนนอยู่ในช่องทางเดินรถของตนจำเลยที่2ได้ขับรถหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของโจทก์เพียงเล็กน้อย.คนขับรถของโจทก์เห็นรถที่จำเลยที่2ขับหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของตนแต่คนขับรถของโจทก์มิได้ชะลอความเร็วลงหรือขับรถหลบไปทางซ้ายมือซึ่งผิวจราจรหรือไหล่ถนนตรงนั้นกว้างพอที่จะแล่นหลบไปได้โดยไม่ตกถนนและรถทั้งสองคันก็จะไม่ชนกันดังนี้ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดจากรถยนต์สองคันชนกันนั้นเกิดจากการขับรถโดยประมาทของจำเลยที่2ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยและคนขับรถของโจทก์ละเลยไม่บำบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยควรรับผิดเพื่อความเสียหายสองในสามส่วนของความเสียหายที่โจทก์ได้รับ. คำวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้นั้นศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่2ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ฎีกาด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากรถร่วม: สำเนาเอกสารใช้ได้หากไม่มีการโต้แย้ง
สำเนาเอกสารจะคัดหรือถ่ายจากต้นฉบับหรือจากสำเนาไม่ใช่ข้อสำคัญข้อสำคัญอยู่ที่ว่าข้อความตามสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องตรงกับต้นฉบับหรือไม่เมื่อจำเลยไม่คัดค้านว่าเอกสารที่โจทก์ส่งศาลเป็นสำเนาที่ไม่ถูกต้องกับต้นฉบับทั้งมิได้คัดค้านว่าผู้รับรองความถูกต้องไม่มีอำนาจรับรองศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารได้ จำเลยที่3ยอมให้จำเลยที่1นำรถยนต์โดยสารเข้ามาเดินในเส้นทางที่ตนได้รับสัมปทานและทำสัญญารถร่วมต่อกันรถยนต์โดยสารของจำเลยที่1ที่เดินรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางย่อมถือว่าเป็นกิจการของจำเลยที่3ด้วยต่อมาสัญญารถร่วมระหว่างจำเลยที่1และที่3หมดอายุลงแต่จำเลยที่3ยังยอมให้จำเลยที่1นำรถยนต์โดยสารมาเดินรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางอีกจนเกิดเหตุละเมิดขึ้นจำเลยที่3ย่อมจะต้องรับผิดในผลละเมิดซึ่งเกิดจากการกระทำของจำเลยที่2ลูกจ้างของจำเลยที่1ซึ่งขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่1ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ, การหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง, และความรับผิดทางละเมิดร่วมกัน
ถนนที่เกิดเหตุเป็นทางตรง จำเลยที่ 2 เห็นก้อนหินขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 ซม. ขวางถนนอยู่ในช่องทางเดินรถของตน จำเลยที่ 2 ได้ขับรถหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของโจทก์เพียงเล็กน้อย คนขับรถของโจทก์เห็นรถที่จำเลยที่ 2 ขับหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของตน แต่คนขับรถของโจทก์มิได้ชะลอความเร็วลงหรือขับรถหลบไปทางซ้ายมือซึ่งผิวจราจรหรือไหล่ถนนตรงนั้นกว้างพอที่จะแล่นหลบไปได้โดยไม่ตกถนนและรถทั้งสองคันก็จะไม่ชนกัน ดังนี้ ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดจากรถยนต์สองคันชนกันนั้นเกิดจากการขับรถโดยประมาทของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยและ คนขับรถของโจทก์ละเลยไม่บำบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยควรรับผิดเพื่อความเสียหายสองในสามส่วนของความเสียหายที่โจทก์ได้รับ.
คำวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้นั้นศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ฎีกาด้วย
คำวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้นั้นศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ฎีกาด้วย