คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจลงโทษนักศึกษาและการพิสูจน์ความผิดวินัย จำเป็นต้องมีการสืบพยานเพื่อหาข้อเท็จจริง
ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ.2521 มาตรา 21(8)จำเลยที่ 2 ในฐานะอธิการบดีมีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่าด้วยวินัยและการปกครองนักศึกษา พ.ศ.2521 ข้อ 22 กำหนดให้อธิการบดีเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับ ดังนั้น ในกรณีที่นักศึกษากระทำผิดวินัยอธิการบดีย่อมมีอำนาจที่จะสั่งลงโทษได้ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่า ร่วมกันทำละเมิดมีคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์โจทก์ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นฐานกระทำผิดวินัย โดยโจทก์มิได้กระทำผิดวินัยไม่ได้ทุจริตหรือปกปิดเกี่ยวกับเงินส่วนลดของค่าเช่ารถไปแข่งขันกีฬาจำเลยทั้งสองบิดเบือนความจริง กลั่นแกล้งโจทก์ เพราะสาเหตุเนื่องจากโจทก์เป็นนายกสโมสรนักศึกษาและเป็นผู้นำนักศึกษาคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติงานอันไม่ถูกต้องของจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิการบดี จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธดังนี้ ปัญหาที่ว่าโจทก์กระทำผิดวินัยหรือไม่ยังไม่ยุติชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระแสความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการอายัดทรัพย์: การส่งเงินตามหมายบังคับคดีไม่เป็นการละเมิด แม้มีการอายัดทรัพย์ไว้ก่อนหน้า
จำเลยส่งเงินที่ ม. พนักงานของจำเลยมีสิทธิได้รับไปตามหมายบังคับคดีของศาล และตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นไปตามกฎหมาย จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
การที่ศาลมีคำสั่งอายัดเงินไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้อง ไม่ห้ามโจทก์ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ในคดีอื่นที่จะอายัดทรัพย์นั้นเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาได้เมื่อจำเลยส่งเงินนั้นไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดี การอายัดเสร็จสิ้นแล้ว การอายัดชั่วคราวในคดีของโจทก์ย่อมสิ้นผลไปโดยปริยายโจทก์ไม่มีสิทธิโต้แย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีละเมิดจากความประมาทเลินเล่อ: เพียงแสดงการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็เพียงพอแล้ว
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่งนั้น ต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดอาญาโดยประมาทซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยแน่ชัดสำหรับคดีแพ่ง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแสดงว่าการละเมิดของผู้ทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็พอทำให้เข้าใจได้แล้วว่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโจทก์มีอย่างไร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกเรืออวนลากสูงกว่ากฎหมายกำหนดและด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถ เป็นเหตุให้เรืออวนลากซึ่งบรรทุกอยู่บนรถชนสายโทรศัพท์และเสาโทรศัพท์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีละเมิด: เพียงแสดงการกระทำโดยประมาทเลินเล่อก็เพียงพอแล้ว
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่งนั้น ต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดอาญาโดยประมาทซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยแน่ชัด สำหรับคดีแพ่ง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแสดงว่าการละเมิดของผู้ทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็พอทำให้เข้าใจได้แล้วว่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโจทก์มีอย่างไร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกเรืออวนลากสูงกว่ากฎหมายกำหนดและด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถ เป็นเหตุให้เรืออวนลากซึ่งบรรทุกอยู่บนรถชนสายโทรศัพท์และเสาโทรศัพท์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุด หากคดีอาญาไม่พบว่าจำเลยกระทำละเมิด คดีแพ่งก็ต้องยกฟ้อง
อัยการฟ้องจำเลยว่าทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์ในคดีนี้เสียหาย ซึ่งโจทก์คดีนี้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาดังกล่าวด้วย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดีอาญาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง ถึงที่สุดแล้ว ก่อนศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ ศาลอุทธรณ์จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา46 ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลฎีกาต้องพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4011/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายกเทศมนตรีต่อการอนุมัติฎีกาเบิกจ่ายเงินบำเหน็จที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ แม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว
ตามรายงานความเห็นของสมุห์บัญชีและปลัดเทศบาล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจฎีกา และผู้เสนอความเห็นในฎีกาและเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาเบิกจ่ายค่าบำเหน็จให้แก่ลูกจ้าง ได้เสนอเห็นควรให้เบิกจ่ายเงินบำเหน็จลูกจ้างให้แก่ลูกจ้าง จำเลยที่ 2 ในฐานะนายกเทศมนตรีผู้มีอำนาจอนุมัติฎีกา ได้มีคำสั่งอนุญาตในรายงานดังกล่าว ซึ่งมีความหมายว่าอนุญาตให้เบิกจ่ายเงินบำเหน็จลูกจ้างให้แก่ลูกจ้างได้นั่นเอง จึงเป็นการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินบำเหน็จตามฎีกาดังกล่าวได้ แต่เนื่องจากเทศบาลไม่ได้ตั้งงบประมาณประเภทเงินค่าทดแทนและประเภทเงินบำเหน็จไว้ในงบประมาณประจำปี จำเลยที่ 2 จึงทำหนังสือขออนุมัติผู้ว่าราชการจังหวัดขอยืมเงินสะสมของเทศบาลมาทดรองจ่ายไปพลางก่อน เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติมา ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีไปตามวาระแล้ว อ. นายกเทศมนตรีต่อจากจำเลยที่ 2 จึงได้ลงชื่ออนุมัติในหน้าฎีกาให้เบิกเงินตามฎีกามาจ่ายได้ เป็นที่เห็นได้ว่าถ้าหากเทศบาลได้ตั้งงบประมาณประเภทเงินทดแทนและประเภทเงินบำเหน็จไว้แล้ว เมื่อจำเลยที่ 2 อนุญาตในรายงานดังกล่าว ก็ย่อมตั้งฎีกาเบิกเงินมาจ่ายได้ไม่ต้องขออนุมัติผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อขอยืมเงินสะสมของเทศบาลมาทดรองจ่ายไปพลางก่อนแต่อย่างใด ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 มีคำสั่งอนุญาตในรายงานดังกล่าวย่อมเป็นการอนุมัติฎีกาตามความหมายในระเบียบกระทรวงมหาดไทย ฯ ข้อ 24 นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3850/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนลงทุนก่อสร้าง: การเลิกสัญญา, การทำสัญญาใหม่, และอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย
คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองหาว่าร่วมกันฉีกสัญญาก่อสร้างทิ้ง ขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ ศาลมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ครั้นพิจารณาแล้วลงโทษจำเลยที่ 2 ดังนี้ โจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเป็นคดีแพ่ง ข้อเท็จจริงในคดีอาญาคงผูกพันเฉพาะจำเลยที่ 2 ไม่ผูกพันถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ศาลในคดีแพ่งจึงฟังว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมรู้เห็นกับจำเลยที่ 2 ในการที่จำเลยที่ 2 ฉีกสัญญาอันเป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ได้
โจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนร่วมกันทำการก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน การที่จำเลยที่ 2 ฉีกสัญญาก่อสร้างที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อจำเลยที่ 1 ไม่เป็นเหตุให้สัญญาก่อสร้างระงับส่วนการที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาก่อสร้างฉบับใหม่กับจำเลยที่ 1 ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำในนามของหุ้นส่วนเดิม เท่ากับทำแทนโจทก์นั่นเอง โจทก์ฟ้องคดีนี้เรียกเงินที่โจทก์นำมาลงหุ้น รวมทั้งผลกำไรจากการที่โจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนกัน จึงฟ้องเรียกจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้ และกรณีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 นั้น โจทก์ชอบที่จะจัดการให้มีการเลิกหุ้นส่วนและชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1055 ถึง 1063เสียก่อน เมื่อโจทก์ยังมิได้ปฏิบัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ข้อนี้แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3850/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนร่วมก่อสร้าง สัญญาเดิมยังไม่เลิก โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหุ้นส่วนก่อนเลิกสัญญา
คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองหาว่าร่วมกันฉีกสัญญาก่อสร้างทิ้ง ขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ ศาลมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ครั้นพิจารณาแล้วลงโทษจำเลยที่ 2 ดังนี้โจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเป็นคดีแพ่งข้อเท็จจริงในคดีอาญาคงผูกพันเฉพาะจำเลยที่ 2 ไม่ผูกพันถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ศาลในคดีแพ่งจึงฟังว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมรู้เห็นกับจำเลยที่ 2 ในการที่จำเลยที่ 2 ฉีกสัญญาอันเป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ได้
โจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนร่วมกันทำการก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของที่ดินการที่จำเลยที่ 2 ฉีกสัญญาก่อสร้างที่โจทก์และจำเลยที่2 ทำไว้ต่อจำเลยที่ 1 ไม่เป็นเหตุให้สัญญาก่อสร้างระงับส่วนการที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาก่อสร้างฉบับใหม่กับจำเลยที่ 1 ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำในนามของหุ้นส่วนเดิม เท่ากับทำแทนโจทก์นั่นเอง โจทก์ฟ้องคดีนี้เรียกเงินที่โจทก์นำมาลงหุ้น รวมทั้งผลกำไรจากการที่โจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนกัน จึงฟ้องเรียกจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้ และกรณีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2นั้น โจทก์ชอบที่จะจัดการให้มีการเลิกหุ้นส่วนและชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1055 ถึง 1063เสียก่อน เมื่อโจทก์ยังมิได้ปฏิบัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ข้อนี้แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมจำกัดตามสัญญาประกันภัย แม้ไม่ได้อุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขได้
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมร่วมกับจำเลยที่ 1 เกินกว่าทุนทรัพย์ที่จำเลยที่ 2 แพ้คดีนั้น แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์ไว้เพิ่งจะยกขึ้นในฎีกาก็ตาม ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตลอดไปถึงศาลล่างด้วยหากเห็นสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดค่าฤชาธรรมเนียมตามสัญญาประกันภัย แม้ไม่ได้อุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขได้เพื่อความเป็นธรรม
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมร่วมกับจำเลยที่ 1 เกินกว่าทุนทรัพย์ที่จำเลยที่ 2 แพ้คดีนั้น แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์ไว้เพิ่งจะยกขึ้นในฎีกาก็ตาม ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตลอดไปถึงศาลล่างด้วยหากเห็นสมควร
of 481