พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3472/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจยึดบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบสัญชาติ: การกระทำของเจ้าหน้าที่ไม่เป็นการละเมิด
การที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน ตรวจสอบพบว่าพฤติการณ์ของโจทก์มีพิรุธเกี่ยวกับเรื่องการได้สัญชาติไทย จึงได้ยึดบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ไว้เพื่อดำเนินการสอบสวนและหาหลักฐานต่อไปนั้น ไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ และตราบใดที่การสอบสวนในเรื่องดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้นจำเลยก็ยังหาจำต้องคืนบัตรประจำตัวประชาชนที่ยึดไว้ให้แก่โจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3251/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของรัฐจากเจ้าพนักงานตำรวจกระทำละเมิดขณะปฏิบัติหน้าที่ สืบเนื่องจากความประมาทสำคัญผิด
พลตำรวจ พ. เข้าจับกุมคนร้ายรายเดียวกับที่ ส.ต.อ. น. บิดาโจทก์ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นผู้เข้าจับกุม การกระทำของพลตำรวจ พ. จึงเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(16),17 การที่พลตำรวจ พ. สำคัญผิดว่า ส.ต.อ. น. ซึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบ และถือปืนยืนอยู่ในที่เกิดเหตุเป็นคนร้ายและได้ใช้อาวุธปืนยิง ส.ต.อ. น. ถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าพลตำรวจ พ. ใช้ปืนยิง ส.ต.อ. น. เป็นไปในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ราชการ ในฐานะเจ้าพนักงานตำรวจ เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยในฐานะเป็นกรมในรัฐบาลและเป็นเจ้าสังกัดของพลตำรวจ พ. จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3251/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของรัฐต่อความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจที่สำคัญผิด
พลตำรวจ พ. เข้าจับกุมคนร้ายรายเดียวกับที่ ส.ต.อ. น. บิดาโจทก์ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นผู้เข้าจับกุม การกระทำของพลตำรวจ พ. จึงเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2 (16), 17 การที่พลตำรวจ พ. สำคัญผิดว่า ส.ต.อ. น. ซึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบ และถือปืนยืนอยู่ในที่เกิดเหตุเป็นคนร้ายและได้ใช้อาวุธปืนยิง ส.ต.อ. น. ถึงแก่ความตายถือได้ว่าพลตำรวจ พ. ใช้ปืนยิง ส.ต.อ. น. เป็นไปในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ราชการ ในฐานะเจ้าพนักงานตำรวจ เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยในฐานะเป็นกรมในรัฐบาลและเป็นเจ้าสังกัดของพลตำรวจ พ. จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3231-3233/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐในการจัดซื้อที่ดิน – ประมาทเลินเล่อและผลประโยชน์ทับซ้อน
การที่คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินให้ทางราชการว่า 'การจัดซื้อควรติดต่อโดยตรงกับเจ้าของที่ดินด้วย' นั้น คำว่า 'ควร' ไม่ได้หมายความว่า ผู้มีหน้าที่จัดซื้อที่ดินไม่จำต้องติดต่อโดยตรงกับเจ้าของที่ดินทุกรายเสมอไป เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดซื้อที่ดินย่อมต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันรักษาประโยชน์ของรัฐมิให้เกิดเสียหาย เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ในการเป็นนายหน้าเสนอขายที่ดินให้แก่ทางราชการ โดยที่ตนเองมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในคดีอาญาข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินโดยมิชอบและทุจริต และมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีส่วนอาญาให้ยกฟ้องแล้วก็ ตาม แต่เมื่อโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อจึงเป็นข้อเท็จจริงคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา ศาลมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำโดยประมาทนั้นได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในคดีอาญาข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินโดยมิชอบและทุจริต และมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีส่วนอาญาให้ยกฟ้องแล้วก็ ตาม แต่เมื่อโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อจึงเป็นข้อเท็จจริงคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา ศาลมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำโดยประมาทนั้นได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3231-3233/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่เจ้าหน้าที่รัฐในการจัดซื้อที่ดินต้องระมัดระวัง ป้องกันความเสียหายจากการซื้อขายที่ไม่สุจริต
การที่คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินให้ทางราชการว่า "การจัดซื้อควรติดต่อโดยตรงกับเจ้าของที่ดินด้วย" นั้น คำว่า "ควร" ไม่ได้หมายความว่า ผู้มีหน้าที่จัดซื้อที่ดินไม่จำต้องติดต่อโดยตรงกับเจ้าของที่ดินทุกรายเสมอไป เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดซื้อที่ดินย่อมต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันรักษาประโยชน์ของรัฐมิให้เกิดเสียหาย เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ในการเป็นนายหน้าเสนอขายที่ดินให้แก่ทางราชการโดยที่ตนเองมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในคดีอาญาข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินโดยมิชอบและทุจริต และมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีส่วนอาญาให้ยกฟ้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อจึงเป็นข้อเท็จจริงคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญาศาลมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำโดยประมาทนั้นได้ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในคดีอาญาข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินโดยมิชอบและทุจริต และมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีส่วนอาญาให้ยกฟ้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อจึงเป็นข้อเท็จจริงคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญาศาลมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำโดยประมาทนั้นได้ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าหน้าที่พิจารณาอนุญาตสร้างอาคารโรงแรม ต้องคำนึงถึงกฎหมายโรงแรมควบคู่กฎหมายควบคุมอาคาร
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารหรือไม่ นอกจากจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 แล้วจำเลยย่อมพิจารณาถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เมื่อคำขอของโจทก์ระบุว่า ขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงแรมโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมเพื่อขออนุญาตจัดสร้างต่อนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 มาตรา 5 แล้วการที่จำเลยไม่อนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารโรงแรมโดยเกี่ยงให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างตาม มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 เสียก่อน จึงชอบที่จะกระทำได้กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจพิจารณาอนุญาตสร้างอาคารโรงแรมโดยคำนึงถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯ จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารหรือไม่ นอกจากจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯ แล้ว จำเลยย่อมพิจารณาถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เมื่อคำขอของโจทก์ระบุว่า ขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงแรมโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมเพื่อขออนุญาตจัดสร้างต่อนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติโรงแรมฯ มาตรา 5 แล้ว การที่จำเลยไม่อนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารโรงแรมโดยเกี่ยงให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม ฯ เสียก่อน จึงชอบที่จะกระทำได้ กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3056/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเงินอุดหนุน ปชล. - จังหวัดมีหน้าที่ควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงิน หากเกิดความเสียหายจากการยักยอก มีอำนาจฟ้องได้
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามโครงการพัฒนาท้องถิ่นและช่วยประชาชนในชนบทให้มีงานทำในฤดูแล้ง พ.ศ. 2518 เงินอุดหนุนโครงการดังกล่าวเรียกโดยย่อว่าเงินอุดหนุนปชล. เป็นเงินที่กรมบัญชีกลางจัดสรรให้จังหวัดโจทก์เพื่อใช้จ่ายตามโครงการของคณะกรรมการ ปชลต. ที่ได้รับอนุมัติ จึงอยู่ในความควบคุมดูแลรับผิดชอบของโจทก์เพื่อให้การใช้จ่ายเงินได้เป็นไปโดยถูกต้องเป็นประโยชน์แก่จังหวัดโจทก์ หากการเบิกจ่ายเงินมีการผิดระเบียบและมีการยักยอกเงินไป โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3002/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยไม่ยื่นคำให้การ และการพิจารณาอำนาจศาลในการจำหน่ายคดีเมื่อจำเลยอื่นยื่นคำให้การ
เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสองแต่การจะสมควรจำหน่ายหรือไม่ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกชั้นหนึ่งตามมาตรา 132(2) เมื่อศาลสั่งรับคำให้การของจำเลยอื่นและจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การแล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรประการใดที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3002/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การ และการพิจารณาความสมควรในการจำหน่ายคดีเมื่อจำเลยอื่นยื่นคำให้การแล้ว
เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสอง แต่การจะสมควรจำหน่ายหรือไม่ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกชั้นหนึ่งตามมาตรา 132(2)
โจทก์ได้จัดการนำหมายเรียกสำเนาฟ้องเพื่อส่งให้จำเลยทั้งสี่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่รับฟ้องแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตมีหนังสือแจ้งมาว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นที่รับฟ้องมีคำสั่งว่า รอฟ้องโจทก์แถลง แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบหนังสือรายงานผลการสังหมายและคำสั่งศาลในหนังสือฉบับนั้นเลย กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะถือได้ว่า โจทก์เพิกเฉยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
โจทก์ได้จัดการนำหมายเรียกสำเนาฟ้องเพื่อส่งให้จำเลยทั้งสี่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่รับฟ้องแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตมีหนังสือแจ้งมาว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นที่รับฟ้องมีคำสั่งว่า รอฟ้องโจทก์แถลง แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบหนังสือรายงานผลการสังหมายและคำสั่งศาลในหนังสือฉบับนั้นเลย กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะถือได้ว่า โจทก์เพิกเฉยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)