คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การนอกกรอบเวลาและผลกระทบทางกฎหมาย การส่งหมายเรียกผ่านญาติ
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำให้การ เป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 228(3), 247
ตามรายงานเจ้าหน้าที่ของพนักงานศาลได้ระบุว่า ว. เป็นพี่ชายจำเลยมีอายุเกิน 20 ปี และอยู่บ้านเดียวกัน ถือได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 76 ทั้งในหมายเรียกก็ระบุไว้โดยชัดแจ้งว่า ให้จำเลยทำคำให้การแก้คดียื่นต่อศาลภายใน 8 วัน ฉะนั้น เหตุที่จำเลยกล่าวอ้างว่าในวันที่เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกนั้น จำเลยไม่ได้อยู่บ้านเพราะสามีซึ่งป่วยไปรักษาตัวที่กรุงเทพมหานคร ว. ซึ่งเป็นญาติและอยู่บ้านเดียวกับจำเลยเป็นผู้รับหมายเรียกไว้ ครั้นเมื่อ จำเลยนำสามีกลับมาถึงบ้านตรงกับวันที่ครบกำหนดยื่นคำให้การ จึงโทรขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การออกไปอีก 7 วัน เพื่อไปติดต่อหาทนายความ ที่กรุงเทพมหานครแก้ต่างให้นั้น ไม่เป็นเหตุให้รับคำให้การของจำเลยได้
กรณีของจำเลยเป็นการยื่นคำให้การพ้นกำหนดเวลาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคหนึ่งได้บัญญัติไว้มิใช่เป็นการขาดนัดยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 จึงรับคำให้การของจำเลยไว้พิจารณาในฐานะที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การตามมาตรา 199 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน แม้มีประกันภัย ผู้เสียหายมีสิทธิเลือกฟ้องผู้ใดก็ได้
ผู้ทำละเมิดจำต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเต็มจำนวนโดยไม่ต้องคำนึงว่าจะได้เอาประกันภัยไว้หรือไม่ และผู้เสียหายชอบที่จะเลือกฟ้องผู้รับประกันภัยเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนในวงเงินประกันภัยที่ผู้ทำละเมิดจะต้องรับผิดชอบได้ ดังนั้น การที่ผู้เสียหายทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้รับประกันภัยโดยยอมรับค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยเพียง 77,500 บาทจากวงเงินประกันภัย 100,000 บาท จึงมีผลเพียงให้ผู้ทำละเมิดหลุดพ้นความรับผิดในจำนวน 77,500 บาทเท่านั้น ค่าสินไหมทดแทนยังมีอีกเท่าใดผู้ทำละเมิดยังคงต้องรับผิดผู้เสียหาย
ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเลือกฟ้องผู้ทำละเมิดหรือผู้รับประกันภัยคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวงเงินประกันภัยซึ่งผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชอบได้ และมีสิทธิที่จะเลือกเลิกคดีเช่นเดียวกัน การที่ผู้เสียหายทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้รับประกันภัยว่าจะไม่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและเอาความกันต่อไปจึงเป็นเรื่องระหว่างผู้เสียหายกับผู้รับประกันภัย ไม่ทำให้ผู้ทำละเมิดซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยหลุดพ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดสุราของกลางและการตกเป็นของแผ่นดินเมื่อไม่มาร้องขอคืนภายในกำหนด
สุราของกลางถูกเจ้าพนักงานศุลกากรยึดไว้ในฐานะเป็นของไม่เสียภาษีศุลกากรตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2517 โจทก์เข้ามอบตัวต่อตำรวจเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2517 จนกระทั่งศาลพิพากษาเรื่องโจทก์ปิดอากรแสตมป์สุราไม่ครบถ้วนตาม พระราชบัญญัติสุราฯแล้วโจทก์จึงมาขอสุราของกลางคืนซึ่งก็เป็นเวลาเกิน 30 วันนับแต่วันยึดแล้ว สุราของกลางจึงตกเป็นของแผ่นดินตาม พระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 24 วรรค 2 ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ตกเป็นของรัฐ และการฟ้องเรียกคืนราคาทรัพย์จากผู้ขาย
คำสั่งตาม มาตรา17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่องให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตราธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ เป็นคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีได้ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรและโดยมติคณะรัฐมนตรีจึงมีผลบังคับเป็นกฎหมาย ซึ่งในข้อ (ข) ระบุให้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งในและนอกประเทศซึ่งเป็นของบุคคลดังกล่าวตกเป็นของรัฐทันทีตั้งแต่วันออกคำสั่ง
เมื่อจำเลยถูกกำจัดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์รายพิพาทโดยกฎหมายและกระทรวงการคลังโจทก์ได้ยึดถือทรัพย์รายพิพาทไว้ในนามของรัฐแล้วการที่จำเลยลักลอบไปจดทะเบียนรับมรดกทรัพย์รายพิพาทมาเป็นของจำเลยแล้วจดทะเบียนโอนขายให้บุคคลอื่นไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
จำเลยลักลอบไปจดทะเบียนรับมรดกทรัพย์รายพิพาทเป็นของตนแล้วจดทะเบียนโอนขายให้บุคคลอื่นไป จึงเท่ากับเป็นการเอาทรัพย์ของโจทก์ไปขายโดยไม่มีอำนาจ ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องขอบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์นั้นได้ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ที่จำเลยเอาของโจทก์ไปขาย ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิด จึงนำอายุความตาม มาตรา 448แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งใช้บังคับ เฉพาะกรณีผู้เสียหายฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิด มาใช้บังคับในกรณีนี้ไม่ได้ คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำนักงานจัดหางาน: ความรับผิดต่อการลักทรัพย์ของคนรับใช้ - ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยประกอบกิจการสำนักงานจัดหางาน โจทก์ติดต่อให้ทางสำนักงานจำเลยจัดหาคนรับใช้ให้ โดยเสียค่าบำเหน็จแทนคนรับใช้ที่จำเลยจัดหาให้ ต่อมาคนรับใช้ได้หนีออกจากบ้านและลักทรัพย์ของโจทก์ไป ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้รับประกันภัย: ประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 บัญญัติว่าผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเมื่อความวินาศภัยหรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์นั้น เป็นบทบัญญัติที่ยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดว่าหมายถึงความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์เองเท่านั้น ไม่หมายรวมถึง ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของลูกจ้างผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย: ประมาทเลินเล่อของผู้เอาประกันภัย vs. บุคคลอื่น
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 บัญญัติว่าผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเมื่อความวินาศภัยหรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์นั้น เป็นบทบัญญัติที่ยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดว่าหมายถึงความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์เองเท่านั้น ไม่หมายรวมถึง ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของลูกจ้างผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดชื่อเสียง: การแสดงละครบิดเบือนชีวประวัติ ทำให้เสียชื่อเสียง
จำเลยทั้งหกร่วมกันนำเรื่องราวชีวิตจริงของโจทก์ที่ 1 มาแสดงละครจีนหรืองิ้ว โดยบิดเบือนให้เห็นว่าโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาน้อยมีนิสัยไม่ดี ชอบอิจฉาริษยาและก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นในครอบครัวจนเป็นเหตุให้สามีถูกบุตรสาวใช้ปืนยิงถึงแก่ความตาย ทำให้โจทก์ที่ 1 เสียชื่อเสียงอาจถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้ การกระทำของจำเลยทั้งหกจึงเป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1
เมื่อโจทก์ฟ้องและนำสืบพยานยืนยันข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งถ้าจำเลยไม่นำสืบพยานให้เห็นเป็นอย่างอื่น ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามที่โจทก์นำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากความเสียหายของทรัพย์สินจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์มอบแจกันพิพาทให้แก่จำเลยไว้เป็นประกันเงินกู้เข้าลักษณะจำนำตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 โจทก์ได้ชำระหนี้และรับแจกันคืนมาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2522 พบว่าแจกันปากแตกบิ่นจึงฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความบุบสลายอันผู้รับจำนำก่อให้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2522 พ้น 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินจำนำตาม มาตรา 763(1) คดีขาดอายุความแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารละเลยไม่เรียกเก็บเงินจากเช็ค ทั้งที่บัญชีผู้สั่งจ่ายมีเงินพอ ทำให้ผู้รับเช็คเสียหาย ธนาคารต้องรับผิด
จำเลยเป็นธนาคาร ละเลยไม่เรียกเก็บเงินตามเช็คให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกค้า ทั้ง ๆ ที่เงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมีพอที่จะหักเข้าบัญชีให้โจทก์ได้ก่อนและบัญชีของผู้สั่งจ่ายก็อยู่ในธนาคารจำเลยเอง เป็นเหตุให้เงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายกลับไม่พอชำระหนี้ตามเช็คให้โจทก์เพราะได้มีการถอนเงินรายอื่นหลายรายการจากบัญชีของผู้สั่งจ่ายในวันนั้น และจำเลยก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องและคืนเช็คให้โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิด
of 481