คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารละเลยไม่เรียกเก็บเงินจากเช็ค ทั้งที่บัญชีผู้สั่งจ่ายมีเงินพอ ทำให้ผู้รับเช็คเสียหาย ธนาคารต้องรับผิด
จำเลยเป็นธนาคาร ละเลยไม่เรียกเก็บเงินตามเช็คให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกค้า ทั้ง ๆ ที่เงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมีพอที่จะหักเข้าบัญชีให้โจทก์ได้ก่อนและบัญชีของผู้สั่งจ่ายก็อยู่ในธนาคารจำเลยเอง เป็นเหตุให้เงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายกลับไม่พอชำระหนี้ตามเช็คให้โจทก์เพราะได้มีการถอนเงินรายอื่นหลายรายการจากบัญชีของผู้สั่งจ่ายในวันนั้น และจำเลยก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องและคืนเช็คให้โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อทางละเมิด: การแบ่งความรับผิดของผู้ขับขี่รถแทรกเตอร์และรถโดยสาร กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร
โจทก์ที่ 1 สามีผู้ตายขับรถแทรกเตอร์มีกระบะพ่วงท้ายผู้ตายนั่งมาด้วยในรถกระบะโดยมิได้ติดโคมไฟท้ายรถกระบะให้มีแสงสว่างสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล จำเลยขับรถโดยสารแล่นตามหลังไม่อาจมองเห็นรถที่โจทก์ขับในระยะไกล จึงไม่อาจหยุดรถหรือหลบหลีกได้ทันเกิดชนกันเสียหาย ดังนี้ ถือว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น โจทก์ที่ 1มีส่วนประมาทมากกว่าจำเลยจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 แต่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 บุตรของผู้ตาย หนึ่งในสามส่วน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 676/2524)
การที่จำเลยชดใช้ค่าทำศพให้ ส. ซึ่งมิใช่บิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย เป็นการชำระให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าทำศพ ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 298 จำเลยจึงยังต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรผู้ตายที่มีสิทธิเรียกร้องค่าทำศพผู้ตายอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย: การแบ่งความรับผิดชอบเมื่อทั้งสองฝ่ายมีส่วนในการก่อเหตุ
ว. บุตรผู้เยาว์ของจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทชนรถยนต์โดยสารโจทก์ซึ่งลูกจ้างของโจทก์ขับสวนทางมารถยนต์โดยสารทับรถจักรยานยนต์ ว. พาครูดไปตามถนนจนเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่รถจักรยานยนต์ ลูกจ้างของโจทก์มีโอกาสจะขับรถถอยหลังออกไปให้พ้นจากรถจักรยานยนต์ได้ แต่ไม่กระทำกลับทิ้งรถหลบหนีไป จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปไหม้รถโดยสารโจทก์เสียหาย ดังนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับความเสียหายของรถโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วยและเป็นฝ่ายที่ก่อให้ความเสียหายเกิดขึ้นยิ่งกว่าฝ่ายจำเลย ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับทั้งหมด จึงให้ตกเป็นพับแก่โจทก์
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุลูกจ้างของโจทก์จะขับรถโดยสารอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 3 อันเป็นการปฏิบัติผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477ที่บังคับให้รถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 หรือช่องทางด้านซ้ายสุด แต่การปะทะกันของรถทั้งสองคันก็หาใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการขับรถผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรของลูกจ้างโจทก์ไม่ หากแต่เป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของ ว. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับขี่และการละเลยการบรรเทาความเสียหาย: ผลกระทบต่อความรับผิดชอบทางละเมิด
ว. บุตรผู้เยาว์ของจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทชนรถยนต์โดยสารโจทก์ซึ่งลูกจ้างของโจทก์ขับสวนทางมารถยนต์โดยสารทับรถจักรยานยนต์ ว. พาครูดไปตามถนนจนเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่รถจักรยานยนต์ ลูกจ้างของโจทก์มีโอกาสจะขับรถถอยหลังออกไปให้พ้นจากรถจักรยานยนต์ได้ แต่ไม่กระทำกลับทิ้งรถหลบหนีไป จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปไหม้รถโดยสารโจทก์เสียหาย ดังนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับความเสียหายของรถโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วยและเป็นฝ่ายที่ก่อให้ความเสียหายเกิดขึ้นยิ่งกว่าฝ่ายจำเลย ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับทั้งหมดจึงให้ตกเป็นพับแก่โจทก์
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุลูกจ้างของโจทก์จะขับรถโดยสารอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 3 อันเป็นการปฏิบัติผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 ที่บังคับให้รถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 หรือช่องทางด้านซ้ายสุด แต่การปะทะกันของรถทั้งสองคันก็หาใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการขับรถผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรของลูกจ้างโจทก์ไม่ หากแต่เป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของ ว. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม – เหตุสุดวิสัย – ละเมิด – การประมาท – ความรับผิดทางแพ่ง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้สินค้าในรถของโจทก์ทั้งสองคันเสียหาย คือปลาสด 7,370 กิโลกรัมเศษ กุ้งสด 5,638 กิโลกรัม เศษ ปูสด 35 กิโลกรัม ไข่สด 1,195 กิโลกรัม กับอีก 5,000 ฟอง และน้ำแข็ง 93 ลัง เสียหายทั้งหมดคิดเป็นเงินรวม372,909 บาท โจทก์รับจ้างขนสินค้าดังกล่าวจึงต้องชดใช้ราคาสินค้าทั้งหมดและโจทก์ได้ชดใช้เงินค่าสินค้าจำนวนดังกล่าวให้แก่เจ้าของสินค้าครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลย ดังนี้ เป็นการแสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว หาจำต้องบรรยายว่าทรัพย์สินที่เสียหายเป็นของผู้ใดจำนวนเท่าใดไม่ เพราะเป็นรายละเอียดอันจะนำสืบกันในชั้นพิจารณาได้ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ที่เกิดเหตุมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวเป็นปกติซึ่งจำเลยที่ 2 และนายท้ายเรือคนอื่น ๆ เคยประสบมาเป็นประจำอยู่แล้วโดยไม่เกิดเหตุร้าย แสดงว่าในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่าแม้กระแสน้ำจะไหลเชี่ยว ถ้าจำเลยที่ 2 ใช้ความระมัดระวังตามสมควรอย่างเช่นเคย เรือแพขนานยนต์ก็ไม่เอียง และรถจะไม่ไหลตกทะเล เหตุที่เกิดขึ้นจึงเกิดแต่จำเลยที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่า หาใช่เกิดแต่เหตุสุดวิสัยที่จำเลยที่ 2 จะป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความรับผิดจากการขับเรือประมาท ทำให้สินค้าเสียหาย ฟ้องไม่เคลือบคลุม เหตุสุดวิสัยไม่ฟัง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้สินค้าในรถของโจทก์ทั้งสองคันเสียหาย คือปลาสด 7,370 กิโลกรัมเศษ กุ้งสด 5,638 กิโลกรัม เศษ ปูสด 35 กิโลกรัม ไข่สด 1,195 กิโลกรัม กับอีก 5,000 ฟอง และน้ำแข็ง 93 ลัง เสียหายทั้งหมดคิดเป็นเงินรวม 372,909 บาท โจทก์รับจ้างขนสินค้าดังกล่าวจึงต้องชดใช้ราคาสินค้าทั้งหมด และโจทก์ได้ชดใช้เงินค่าสินค้าจำนวนดังกล่าวให้แก่เจ้าของสินค้าครบถ้วนแล้วโจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลย ดังนี้ เป็นการแสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว หาจำต้องบรรยายว่าทรัพย์สินที่เสียหายเป็นของผู้ใด จำนวนเท่าใดไม่ เพราะเป็นรายละเอียดอันจะนำสืบกันในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ที่เกิดเหตุมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวเป็นปกติซึ่งจำเลยที่ 2 และนายท้ายเรือคนอื่น ๆ เคยประสบมาเป็นประจำอยู่แล้วโดยไม่เกิดเหตุร้าย แสดงว่าในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่าแม้กระแสน้ำจะไหลเชี่ยว ถ้าจำเลยที่ 2 ใช้ความระมัดระวังตามสมควรอย่างเช่นเคย เรือแพขนานยนต์ก็ไม่เอียง และรถจะไม่ไหลตกทะเล เหตุที่เกิดขึ้นจึงเกิดแต่จำเลยที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่า หาใช่เกิดแต่เหตุสุดวิสัยที่จำเลยที่ 2 จะป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4068/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน: ผู้ครอบครองไม่ใช่เจ้าของไม่มีอำนาจฟ้องโดยตรง
โจทก์เป็นผู้ขับรถยนต์ซึ่งพนักงานสอบสวนยึดไว้ และมอบให้ผู้อื่นดูแลรักษาเพื่อรอการสืบสวนหาตัวผู้เป็นเจ้าของ แม้ขณะเกิดเหตุถูกรถอื่นชนจะถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองรถดังกล่าวก็ตาม โจทก์ก็มิได้เป็นเจ้าของหรือผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้น จึงหามีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับตัวรถโดยตรงไม่ ผู้มีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของเท่านั้นที่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดอันเกี่ยวกับตัวทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4037/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความเหมือนหรือความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้า เพื่อใช้ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าซึ่งจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนคือ 'ORAVIT-M' ออกสำเนียงว่า 'โอราวิท-เอ็ม'กับเครื่องหมายการค้าโจทก์ซึ่งจดทะเบียนไว้คือ 'AROVIT' ออกสำเนียงว่า 'อะโรวิท' นั้นไม่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน.เพราะเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีสำเนียงเพียง 3 พยางค์และขึ้นต้นด้วยคำว่า 'อะ' ส่วนเครื่องหมายการค้าที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนมีสำเนียงถึง 4 พยางค์ และขึ้นต้นด้วยคำว่า 'โอ' ไม่ทำให้ผู้เรียกขานสับสน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4024/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจัดหาน้ำบาดาล: จำเลยมีหน้าที่จัดหาน้ำจนกว่าน้ำประปาจะเข้าถึง แม้สัญญาเช่าทำกับผู้อื่น
จำเลยให้สัญญาว่าจะมีน้ำบาดาลให้โจทก์ใช้จนกว่าจะมีน้ำประปาของการประปานครหลวงเข้าถึง ดังนี้ ตราบที่น้ำประปายังเข้าไม่ถึง จำเลยไม่มีสิทธิรื้อถอนการส่งน้ำบาดาล
ผู้เช่าอยู่อาศัยอื่นมิใช่คู่ความในคดี ศาลจะพิพากษาให้จำเลยสูบน้ำบาดาลจ่ายน้ำให้ด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อรถยนต์โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน แม้ได้มาจากผู้ไม่มีสิทธิ เจ้าของเดิมมีสิทธิเพียงติดตามจากผู้ครอบครอง
จำเลยที่ 2 นำรถของโจทก์ไปขายให้แก่จำเลยที่ 3โดยไม่มีอำนาจจำเลยที่ 3 ได้รับซื้อไว้โดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริต ทั้งได้มีการโอนทางทะเบียนโดยชอบแล้วโดยมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยที่ 3 ย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
แม้โจทก์จะมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนก็ต้องเอาคืนจากผู้ครอบครองเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ได้ขายรถยนต์และรถยนต์ตกไปอยู่ในความครอบครองของผู้อื่นแล้ว จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 506/2522)
of 481