คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในนามทางการค้าและเครื่องหมายการค้า การใช้ชื่อ 'ดีออร์' โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการละเมิด
โจทก์เป็นนิติบุคคลต่างประเทศ ได้ใช้นาม 'คริสเตียนดีออร์' และ 'ดีออร์' แพร่หลายรวมทั้งในประเทศไทยเป็นชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าจำเลยไม่มีสิทธิเอาคำว่า 'ดีออร์' ไปใช้ประกอบเป็นนามของตน ศาลพิพากษาห้ามมิให้จำเลยใช้คำว่า 'ดีออร์' ประกอบชื่อร้านค้าของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนมรดกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการจัดการมรดกโดยผู้จัดการมรดก
จำเลยที่ 4 เป็นบุตรของ อ. จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นบุตรและผู้จัดการมรดกของ อ. โจทก์เป็นบุตรของจำเลยที่ 4 เดิมที่ดินพิพาทเป็นของ อ. ก่อนตาย อ. ได้ลงลายมือชื่อในใบมอบอำนาจเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทไว้ หลังจาก อ. ตายแล้วโจทก์นำใบมอบอำนาจดังกล่าวไปโอนที่พิพาทมาเป็นของตน เจ้าพนักงานที่ดินไม่ทราบว่า อ. ตายแล้ว จึงจัดทำให้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กับบรรดาทายาทของ อ. ทำหนังสือรับรองและรับรู้ว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ อ. ยกที่ดินพิพาท และทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไปโอนกรรมสิทธิ์ ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้ถอนชื่อโจทก์ออกจากโฉนด เพราะรับโอนมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ลงชื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 โอนที่พิพาทให้จำเลยที่ 4 เช่นนี้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นผู้จัดการมรดกของ อ. มีหน้าที่แบ่งมรดกของ อ.ให้แก่ทายาทโดยธรรม โจทก์มิใช่ทายาทโดยธรรมของอ.ไม่มีสิทธิรับมรดกที่โจทก์เอาหนังสือมอบอำนาจของ อ. ไปขอโอนกรรมสิทธิ์หลัง อ. ตายแล้ว เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และทายาทของ อ. จะได้ทำหนังสือรับรองและรับรู้ดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นเพียงมีความหมายว่า ไม่ติดใจยกเอาเรื่องดังกล่าวเป็นข้ออ้าง เพื่อฟ้องร้องเรียกที่ดินนั้นคืนจากโจทก์เท่านั้น การที่โจทก์ถูกเพิกถอนชื่อออกจากโฉนด เป็นเพราะเจ้าพนักงานที่ดินเห็นว่าการโอนกรรมสิทธิ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 โอนที่ดินให้จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของ อ. เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับเหมาและเจ้าของที่ดินต่อความเสียหายจากงานก่อสร้าง การประเมินความผิดและขอบเขตความรับผิด
การที่จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างต่อเติมอาคารโดยมิได้รับอนุญาตจากเทศบาล แม้จะเป็นการผิดเทศบัญญัติ แต่ก็ไม่ได้ล่วงสิทธิของโจทก์ จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์มิได้ คดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสมุด หนังสือ ฯลฯ ที่เสียหายอันเนื่องจากลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อในการก่อสร้างอาคารให้จำเลยที่ 2 โดยทำให้รางน้ำและท่อน้ำฝนของโจทก์อุดตัน น้ำฝนไหลเข้าเปียกสมุด หนังสือ ฯลฯของโจทก์ที่มีไว้ขายเสียหาย มิได้เรียกร้องค่าเสียหายอันเกี่ยวกับตัวฝาผนังที่ฝ่ายจำเลยใช้เป็นฐานในการต่อเติมเป็นฝาผนังอาคารของจำเลยที่ 2 ทั้งข้อนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าความเสียหายที่จำเลยที่ 1 หรือลูกจ้างจำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้างจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการต่อเติมอาคารโดยประมาท และการไม่มีส่วนร่วมในความเสียหาย
การที่จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างต่อเติมอาคารโดยมิได้รับอนุญาตจากเทศบาลแม้จะเป็นการผิดเทศบัญญัติ แต่ก็ไม่ได้ล่วงสิทธิของโจทก์ จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์มิได้ คดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสมุด หนังสือ ฯลฯ ที่เสียหายอันเนื่องจากลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อในการก่อสร้างอาคารให้จำเลยที่ 2 โดยทำให้รางน้ำและท่อน้ำฝนของโจทก์อุดตัน น้ำฝนไหลเข้าเปียกสมุดหนังสือ ฯลฯ ของโจทก์ที่มีไว้ขายเสียหาย มิได้เรียกร้องค่าเสียหายอันเกี่ยวกับตัวฝาผนังฝ่ายจำเลยใช้เป็นฐานในการต่อเติมเป็นฝาผนังอาคารของจำเลยที่ 2 ทั้งข้อนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าความเสียหายที่จำเลยที่ 1 หรือลูกจ้างจำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1258/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากรถยนต์: ศาลต้องพิจารณาความรับผิดทั้งฐานผู้ขับและผู้ครอบครองรถยนต์ แม้คดีอาญาพิพากษาแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะจำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์โดยประมาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420ประการหนึ่ง และให้รับผิดในฐานะจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ขณะเกิดเหตุตามมาตรา 437 อีกประการหนึ่งฉะนั้น แม้คดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องศาลพิพากษาถึงที่สุดว่า ต. เป็นคนขับรถจำเลยก็ตาม ในคดีนี้ศาลก็ยังต้องวินิจฉัยต่อไปว่าความรับผิดของจำเลยตามมาตรา 437 มีเพียงใด ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่ามาตรา 437มุ่งหมายให้มีข้อสันนิษฐานเป็นคุณแก่ฝ่ายที่มิใช่ยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล ไม่อาจบังคับใช้บทบัญญัติมาตรา 437 ได้นั้น เป็นการกล่าวเกี่ยวกับภาระแห่งการพิสูจน์หรือหน้าที่นำสืบ มิใช่วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามมาตรา 437ที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่นั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1258/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิด: ผู้ครอบครองรถยนต์ต้องรับผิดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แม้ไม่ได้เป็นผู้ขับ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะจำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์โดยประมาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ประการหนึ่ง และให้รับผิดในฐานะจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ขณะเกิดเหตุ ตามมาตรา 437 อีกประการหนึ่ง ฉะนั้น แม้คดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องศาลพิพากษาถึงที่สุดว่า ต. เป็นคนขับรถจำเลยก็ตาม ในคดีนี้ศาลก็ยังต้องวินิจฉัยต่อไปว่าความรับผิดของจำเลยตามมาตรา 437 มีเพียงใด ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า มาตรา 437 มุ่งหมายให้มีข้อสันนิษฐานเป็นคุณแก่ฝ่ายที่มิใช่ยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล ไม่อาจบังคับใช้บทบัญญัติ มาตรา 437 ได้นั้น เป็นการกล่าวเกี่ยวกับภาระแห่งการพิสูจน์หรือหน้าที่นำสืบ มิใช่วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามมาตรา 437 ที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่นั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแข่งขันขนส่งสาธารณะละเมิดสิทธิผู้ประกอบการประจำทาง, การกำหนดค่าเสียหายจากการสูญเสียรายได้
จำเลยได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งสาธารณะด้วยรถยนต์จำเลยเดินรถยนต์รับส่งคนโดยสารทับเส้นทางที่โจทก์ได้รับการอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ฝ่าฝืน พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา14เป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์นำสืบค่าเสียหายแน่นอนไม่ได้ศาลกำหนดให้ตามที่โจทก์ได้รับจากผู้ที่นำรถมาร่วมรับส่งคนโดยสารกับโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้าง: การชดใช้ค่าเสียหายซ้ำซ้อนและความชัดเจนของจำนวนเงินที่ได้รับ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง โดยขับรถยนต์ประมาทชนนายหนูใบถึงแก่ความตาย โจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางจวงภรรยานายหนูใบผู้ตายไปแล้วเป็นเงิน 30,000 บาท โจทก์จึงฟ้องไล่เบี้ยจำเลยให้ชดใช้เงินคืน โจทก์ได้รับชดใช้คืนบ้างแล้วโดยได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันจำเลยในการเข้าทำงานกับโจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท กับได้รับชดใช้จากการหักเงินเดือนของจำเลยอีก 287 บาท 94 สตางค์คงเหลือที่จำเลยจะต้องใช้คืนอีก 26,712 บาท 06 สตางค์ ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกัน น่าจะมีความผิดพลาดในรายละเอียด เพราะนอกจากโจทก์จะได้ยืนยันถึงจำนวนเงินคงเหลือที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีกเป็นเงิน 26,712 บาท 06 สตางค์แล้ว ตามคำขอท้ายฟ้องก็ยังระบุให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์อีก กรณีมิใช่โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายครบถ้วนแล้วยังมาฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้ทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องไล่เบี้ยค่าเสียหายจากลูกจ้าง กรณีเกิดจากอุบัติเหตุทางละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติงาน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง โดยขับรถยนต์ประมาทชนนายหนูใบถึงแก่ความตาย โจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางจวงภรรยานายหนูใบผู้ตายแล้วเป็นเงิน 30,000 บาท โจทก์จึงฟ้องไล่เบี้ยจำเลยให้ชดใช้เงิน โจทก์ได้รับชดใช้คืนบ้างแล้ว โดยได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันจำเลยในการเข้าทำงานกับโจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท กับได้รับชดใช้จากการหักเงินเดือนของจำเลยอีก 287 บาท 94 สตางค์ คงเหลือที่จำเลยจะต้องใช้คืนอีก 26,712 บาท 06 สตางค์ ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกัน น่าจะมีความผิดพลาดในรายละเอียด เพราะนอกจากโจทก์จะได้ยืนยันถึงจำนวนเงินคงเหลือที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีกเป็นเงิน 26,712 บาท 06 สตางค์แล้ว ตามคำขอท้ายฟ้องก็ยังระบุให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์อีก กรณีมิใช่โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายครบถ้วนแล้วยังมาฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้ทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบสลากปิดผ้าและการโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า ถือเป็นการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
โจทก์ได้เลียนแบบลายกนกสลากปิดผ้าโสร่งของจำเลยที่ 1 โดยจงใจที่จะลวงประชาชนให้หลงเชื่อว่าสินค้าผ้าโสร่งของโจทก์เป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เสียหาย การที่จำเลยนำสลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 ปิดในใบปลิวซึ่งประทับตราห้างของจำเลยที่ 1 คู่กับสลากปิดผ้าของโจทก์ เขียนข้อความข้างสลากของจำเลยที่ 1 ว่า "แท้" ข้างสลากของโจทก์ว่า "เทียม" และทำเครื่องหมายกากบาทไว้บนสลากของโจทก์ด้วย ส่งไปให้ประชาชนและร้านค้าผ้า เพียงเพื่อให้ผู้รับใบปลิวเข้าใจได้ถูกต้องวา สลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 คือสลากปิดผ้าที่มีคำว่า "แท้" อยู่ข้าง ๆ ส่วนสลากปิดผ้าที่มีคำว่า "เทียม" อยู่ข้าง ๆ นั้นเป็นสลากของเทียม ไม่ใช่ของแท้ของจำเลยที่ 1 เป็นการเกี่ยวกับสลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 ไปตามความจริงเพื่อให้ผู้จะซื้อผ้าโสร่งปาเต๊ะของจำเลยที่ 1 ทราบจะได้เข้าใจถูกต้อง มิใช่เป็นการกล่าวทับถมว่าผ้าโสร่งปาเต๊ะของโจทก์มีคุณภาพเลวและไม่ควรซื้อแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่เสียหาย
of 481