คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 420

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,810 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบเครื่องหมายการค้า การใช้ชื่อสินค้าที่คล้ายคลึงกัน และการลวงขายสินค้าทำให้เกิดการละเมิด
กฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องนำผู้แปลมาสืบเมื่อจำเลยเห็นว่าคำแปลตรงไหนไม่ถูกต้อง หรือคลาดเคลื่อนอย่างไรจำเลยก็โต้แย้งหรือเสนอคำแปลที่ถูกต้องได้ แต่จำเลยก็ไม่ได้กระทำการดังกล่าว จึงถือได้ว่าคำแปลเอกสารภาษาต่างประเทศของโจทก์ถูกต้องแล้ว
สินค้าของโจทก์จำหน่ายแพร่หลายในประเทศไทยมาราว 15 ปีแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในประเทศไทย ชื่อสินค้าโจทก์ที่เรียกว่า "CALUMET" นั้นไม่มีคำแปล การที่จำเลยเรียกชื่อสินค้าของจำเลยว่า "CALUMAK" ซึ่งแตกต่างกับชื่อสินค้าของโจทก์เพียงอักษรท้ายสองตัว เมื่อออกสำเนียงชื่อก็คล้ายคลึงกันสีพื้นของเครื่องหมายการค้าเป็นสีแดงและมีรูปคนประกอบเหมือนกัน ทั้งสินค้าของโจทก์จำเลยก็เป็นสินค้าจำพวก 42 เช่นเดียวกัน ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยที่จะเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ แม้จำเลยจะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยแล้ว แต่เมื่อจำเลยเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์ โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า มาตรา 29 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยประมาทเลินเล่อไม่ดูแลรักษาท่าเทียบเรือ ทำให้สะพานหัก โป๊ะคว่ำ ผู้โดยสารเสียชีวิต จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหม
จำเลยผู้เดียวเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์จากท่าเรือสี่พระยาขณะเกิดเหตุเรือของจำเลยกำลังเข้าเทียบท่าเพื่อรับคนโดยสารได้มีผู้โดยสารลงไปที่โป๊ะจำนวนมากทำให้สะพานไม้ที่ทอดไปสู่โป๊ะหักเป็นเหตุให้โป๊ะคว่ำจมน้ำบุตรโจทก์ซึ่งรอโดยสารเรือของจำเลยที่โป๊ะจมน้ำตายการตายของบุตรโจทก์เป็นผลโดยตรงของการประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ไม่ระมัดระวังดูแลให้สะพานท่าเทียบเรืออยู่ในสภาพแข็งแรงมั่นคงปล่อยให้สะพานไม้ที่ทอดสู่โป๊ะหักจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ครอบครองท่าเรือต่อความเสียหายจากสภาพท่าเรือที่ไม่ปลอดภัย
จำเลยผู้เดียวเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์จากท่าเรือสี่พระยา ขณะเกิดเหตุเรือของจำเลยกำลังเข้าเทียบท่าเพื่อรับคนโดยสารได้มีผู้โดยสารลงไปที่โป๊ะจำนวนมาก ทำให้สะพานไม้ที่ทอดไปสู่โป๊ะหัก เป็นเหตุให้โป๊ะคว่ำจมน้ำ บุตรโจทก์ซึ่งรอโดยสารเรือของจำเลยที่โป๊ะจมน้ำตาย การตายของบุตรโจทก์เป็นผลโดยตรงของการประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ไม่ระมัดระวังดูแลให้สะพานท่าเทียบเรืออยู่ในสภาพแข็งแรงมั่นคง ปล่อยให้สะพานไม้ที่ทอดสู่โป๊ะหัก จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจยิงปืนในห้องขังพลาดถูกผู้ต้องขังอื่นถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาพิพากษาให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
อ. ยิงตำรวจตายเพื่อจะหลบหนีจากห้องขังของศาลจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตำรวจกับพวกได้ล้อมห้องขังไว้ ขณะนั้นมีผู้ต้องขังอยู่ในห้องขังรวม 6 คน ประตูห้องขังเปิดไม่ได้ อ. ก็ไม่ได้ยิงจำเลยที่ 1 กับพวกอีกจำเลยที่ 1 เอาปืนยิงเข้าไปในห้องขังเพื่อให้ถูก อ. แต่กระสุนพลาดไปถูก ร. ผู้ต้องขังอีกคนหนึ่งถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่วิธีหรือความป้องกันเท่าที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้พยายามจะหลบหนีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 วรรค 2 คดีไม่มีเหตุที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดได้ จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
โจทก์ซึ่งเป็นมารดา ร. ได้ถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ค่าขาดไร้อุปการะที่โจทก์ควรจะได้จึงคิดให้นับแต่วันที่ ร. ถึงแก่ความตายไปจนถึงวันที่โจทก์ถึงแก่ความตายเท่านั้น ไม่ใช่กำหนดให้ 10 ปี ตามที่โจทก์ขอมาแต่เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการใช้อาวุธปืนโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายในห้องขัง
อ.ยิงตำรวจตายเพื่อจะหลบหนีจากห้องขังของศาล จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตำรวจกับพวกได้ล้อมห้องขังไว้ ขณะนั้นมีผู้ต้องขังอยู่ในห้องขังรวม 6 คน ประตูห้องขับเปิดไม่ได้ อ.ก็ไม่ได้ยิงจำเลยที่ 1 กับพวกอีก จำเลยที่ 1 เอาปืนยิงเข้าไปในห้องขังเพื่อให้ถูก อ. แต่กระสุนพลาดไปถูก ร.ผู้ต้องขังอีกคนหนึ่งถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่วิธีหรือความป้องกันเท่าที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้พยายามจะหลบหนีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 วรรค 2 คดีไม่มีเหตุที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดได้ จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
โจทก์ซึ่งเป็นมารดา ร. ได้ถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ค่าขาดไร้อุปการะที่โจทก์ควรจะได้จึงคิดให้นับแต่วันที่ ร. ถึงแก่ความตายไปจนถึงวันที่โจทก์ถึงแก่ความตายเท่านั้น ไม่ใช่กำหนดให้ 10 ปีตามที่โจทก์ขอมาแต่เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถบนถนนลูกรังที่มีสิ่งกีดขวาง จำเลยต้องหลีกทางให้รถสวนมา
คำว่า "แซง"หมายถึงกิริยาแทรกหรือเสียดตามคำฟ้องกล่าวว่าในขณะที่รถยนต์โจทก์และจำเลยที่ 1 จะสวนกัน จำเลยที่ 1 หักพวงมาลัยแซงรถยนต์อีกคันหนึ่งขึ้นมาในเส้นทางของรถโจทก์ พุ่งเข้าชนรถโจทก์ แต่นำสืบว่ารถโจทก์ขับตามหลังรถคันหนึ่งมาเมื่อรถคันนั้นหลีกทางให้รถจำเลยที่ 1 โดยขับเข้าไปหลบในช่องว่างระหว่างกองดินลูกรังรถจำเลยที่ 1 ผ่านรถคันนั้นไปก็เข้าชนรถโจทก์ ไม่เป็นการแตกต่างกันหรือนอกประเด็นเพียงแต่ใช้ถ้อยคำไม่รัดกุม
การเดินรถจะต้องเดินทางด้านซ้ายของทาง และเมื่อรถเดินสวนทางกันจะต้องหลีกด้านซ้าย ทางเดินรถของจำเลยที่ 1 มีกองดินลูกรังขวางอยู่พึงใช้ความระมัดระวังเมื่อรถจำเลยที่ 1 เดินในทางของรถโจทก์จะต้องหลีกทางให้รถโจทก์ที่สวนมาผ่านไปก่อน และเมื่อถนนมีฝุ่นลูกรัง รถจำเลยที่ 1 ซึ่งเดินอยู่ในทางของรถโจทก์จะต้องใช้ความระมัดระวังให้เห็นรถข้างหน้าที่สวนมาเพื่อหลบหลีกได้ทัน การที่จำเลยที่ 1 ขับรถในทางเดินรถของโจทก์ด้วยความเร็วขณะถนนมีฝุ่นลูกรัง จึงไม่เห็นรถโจทก์ที่สวนมา พอจำเลยที่ 1 ขับรถผ่านรถคันหนึ่งซึ่งหลีกทางให้ก็ชนกับรถโจทก์เช่นนี้ ย่อมถือว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาท
มารยาทในการขับรถที่ว่ารถเบาจะหลีกทางให้รถหนักโดยไม่คำนึงถึงกฎจราจรนั้นเป็นเพียงการอะลุ้มอล่วยเอื้อเฟื้อต่อกันเท่านั้นหาใช่เป็นวิสัยและพฤติการณ์ของผู้ขับรถจะพึงปฏิบัติดังนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทในการขับรถบนถนนลูกรัง: จำเลยต้องหลีกทางให้รถสวนมา แม้มีมารยาทหลีกให้รถหนัก
คำว่า "แซง" หมายถึงกิริยาแทรกหรือเสียด ตามคำฟ้องกล่าวว่าในขณะที่รถยนต์โจทก์และจำเลยที่ 1 จะสวนกัน จำเลยที่ 1 หักพวงมาลัยแซงรถยนต์อีกคันหนึ่งขึ้นมาในเส้นทางของรถโจทก์ พุ่งเข้าชนรถโจทก์แต่นำสืบว่าโจทก์ขับตามหลังรถคันหนึ่งมาเมื่อรถคันนั้นหลีกทางให้รถจำเลยที่ 1 โดยขับเข้าไปหลบในช่องว่างระหว่างกองดินลูกรัง รถจำเลยที่ 1 ผ่านรถคันนั้นไปก็เข้าชนรถโจทก์ ไม่เป็นการแตกต่างกันหรือนอกประเด็นเพียงแต่ใช้ถ้อยคำไม่รัดกุม
การเดินรถจะต้องเดินทางด้านซ้ายของทาง และเมื่อรถเดินสวนทางกันจะต้องหลีกด้านซ้ายทางเดินรถของจำเลยที่ 1 มีกองดินลูกรังขวางอยู่พึงใช้ความระมัดระวัง เมื่อรถจำเลยที่ 1 เดินในทางของรถโจทก์จะต้องหลีกทางให้รถโจทก์ที่สวนมาผ่านไปก่อน และเมื่อถนนมีฝุ่นลูกรัง รถจำเลยที่ 1 ซึ่งเดินอยู่ในทางของรถโจทก์จะต้องใช้ความระมัดระวังให้เห็นรถข้างหน้าที่สวนมาเพื่อหลบหลีกได้ทัน การที่จำเลยที่ 1 ขับรถในทางเดินรถของโจทก์ด้วยความเร็วขณะถนนมีฝุ่นลูกรัง จึงไม่เห็นรถโจทก์ที่สวนมา พอจำเลยที่ 1 ขับรถผ่อนรถคันหนึ่งซึ่งหลีกทางให้ก็ชนกับรถโจทก์เช่นนี้ ย่อมถือว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาท
มารยาทในการขับรถที่ว่ารถเบาจะหลีกทางให้รถหนักโดยไม่คำนึงถึงกฎจราจรนั้นเป็นเพียงการอะลุ้มอะล่วยเอื้อเฟื้อต่อกันเท่านั้น หาใช่เป็นวิสัยและพฤติการณ์ของผู้ขับรถจะพึงปฏิบัติดังนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานชั่งตวงวัดในการสั่งริบเครื่องวัดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และสิทธิของเจ้าของเครื่องวัด
มาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติมาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 บัญญัติให้เป็นดุลพินิจและอำนาจของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะที่จะสั่งให้คืนเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ในเมื่อเห็นว่าพอจะแก้ไขให้ถูกต้องได้ หรือสั่งให้ริบหรือทำลายจนสิ้นเชิงเมื่อเห็นว่าทำไม่ถูกต้องและจะแก้ไขด้วยประการใด ๆ ที่สมควรก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้
โจทก์ส่งเครื่องวัดชนิดลายแถบผ้าไปให้จำเลยรับรอง เมื่อเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบและเห็นว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้และได้ใช้ดุลพินิจสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์แล้ว โจทก์จะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นโดยไม่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจไม่สุจริตหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลพินิจเจ้าพนักงานในการสั่งริบเครื่องวัดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และสิทธิของเจ้าของเครื่องวัด
มาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ.2466บัญญัติให้เป็นดุลพินิจและอำนาจของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะที่จะสั่งให้คืนเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ในเมื่อเห็นว่าพอจะแก้ไขให้ถูกต้องได้หรือสั่งให้ริบหรือทำลายจนสิ้นเชิงเมื่อเห็นว่าทำไม่ถูกต้องและจะแก้ไขด้วยประการใด ๆ ที่สมควรก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้
โจทก์ส่งเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าไปให้จำเลยรับรอง เมื่อเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบและเห็นว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้และได้ใช้ดุลพินิจสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์แล้ว โจทก์จะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นโดยไม่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจไม่สุจริตหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแข่งขันขนส่งประจำทาง: การละเมิดสิทธิผู้ได้รับอนุญาตและการควบคุมการขนส่งเพื่อความปลอดภัย
โจทก์บรรยายฟ้องและนำสืบว่า โจทก์ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถยนต์โดยสารบนเส้นทางสายหนึ่งและจำเลยได้นำรถยนต์มาวิ่งรับส่งผู้โดยสารบนเส้นทางดังกล่าว เป็นกรณีที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยละเมิดสิทธิของโจทก์โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลเพื่อขจัดข้อโต้แย้งและแสดงสิทธิของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเข้าทำการขนส่งในเส้นทางใดในลักษณะที่เป็นการแข่งขันกับผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางในเส้นทางสายนั้นมีความมุ่งหมายที่จะควบคุมการขนส่งคนโดยสารโดยรถยนต์โดยสาร เพื่อมิให้เกิดการแก่งแย่งกับรถโดยสารประจำทางแม้จำเลยจะได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะตามมาตรา 11(2) แต่เมื่อจำเลยนำรถยนต์มาวิ่งรับคนโดยสารและเก็บค่าโดยสารเป็นรายตัวเช่นเดียวกับโจทก์เป็นการทับเส้นทางของโจทก์โดยมิใช่ในลักษณะเหมาทั้งคันหรือในลักษณะรถทัศนาจรย่อมถือว่าเป็นลักษณะของการแข่งขันและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 14ดังกล่าวจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
of 481