คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 113

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 664 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดของทายาทผู้ค้ำประกันต่อเจ้าหนี้ แม้ยังไม่ได้รับส่วนแบ่งมรดก และการลดเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน
พ. ได้รับทุนซึ่งองค์การอนามัยโลกมอบให้รัฐบาลไทยเพื่อไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ จึงถือว่า พ. ได้รับทุนนี้จากรัฐบาลไทยโดยปริยาย เมื่อ พ.ประพฤติผิดสัญญาด.ย่อมต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน. โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้เป็นผู้จัดการมรดกและทายาทของ ด. ได้. แม้ทุนประเภทนี้องค์การอนามัยโลกต้องการให้เปล่าไม่ต้องการเรียกคืนไม่ว่าในกรณีใด ก็ไม่กระทบกระเทือนถึงความผูกพันตามสัญญาระหว่างโจทก์ผู้ขอทุนกับ พ. ผู้ได้ไปศึกษาต่อด้วยทุนซึ่งองค์การอนามัยโลกมอบให้แก่รัฐบาลไทยนั้น
สัญญาระหว่างโจทก์กับ พ.มิได้ระบุระยะเวลาที่พ.ได้รับอนุมัติไปศึกษาต่อ และสัญญาค้ำประกันที่ ด. ให้ไว้แก่โจทก์ก็มิได้ระบุเวลาที่ พ. ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อเช่นกัน ฉะนั้น การที่ พ. ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาเป็นเวลา 2 ปี ครบแล้วได้ขอศึกษาต่ออีก 1ปี มหาวิทยาลัยโจทก์ทำเรื่องราวขออนุมัติไปตามลำดับจึงได้อนุมัติให้ พ. ศึกษาต่ออีก 1 ปี แม้จะเป็นภาระหนักขึ้นแก่ผู้ค้ำประกันด้วย แต่ก็ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงในสัญญา ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี และเป็นคนละเรื่องกับการที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
เมื่อปรากฏว่าลูกหนี้คือ พ.มิได้อยู่ในราชอาณาเขตโจทก์ย่อมฟ้องจำเลยผู้เป็นทายาทของผู้ค้ำประกันได้เลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688 เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยตามสิทธิของโจทก์ก็ไม่อาจถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และเมื่อ พ. ลูกหนี้ของโจทก์ผิดนัดแล้วโจทก์ก็ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกและทายาทผู้ค้ำประกันได้ โดยไม่ต้องทวงถามจำเลยก่อน
แม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยจะมิได้ยกเรื่องขอลดเบี้ยปรับขึ้นว่ามาด้วย เพิ่งมายกขึ้นในชั้นฎีกา แต่เรื่องเบี้ยปรับนี้ถ้าศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้อยู่แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383 ศาลฎีกาจึงมีอำนาจวินิจฉัยปัญหานี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ต้องกระทำเองเฉพาะตัว สัญญาให้ตัวแทนถือใบอนุญาตเป็นโมฆะ
การเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์นั้นผู้เป็นเจ้าของจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด และต้องขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานการพิมพ์ตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการพิมพ์อาจต้องรับโทษทางอาญา จึงเป็นกิจการที่ต้องทำเองเฉพาะตัว จะตั้งตัวแทนให้เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์แทนตัวการหาได้ไม่ สัญญาที่โจทก์ตั้งให้จำเลยเป็นตัวแทนถือใบอนุญาตเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์แทนตัวการจึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย และเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนย่อมเป็นโมฆะกรรม ศาลจึงไม่อาจบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาตามคำขอของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินที่ถูกจำกัดสิทธิ การโอนเป็นโมฆะ ผู้รับโอนต้องคืนที่ดิน
ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งห้ามโอนภายใน 10 ปีตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ นั้นการโอนต้องห้ามชัดแจ้ง จึงเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ผู้รับโอนครอบครองที่ดินต่างดอกเบี้ยไม่มีสิทธิรับโอนเป็นของตนต้องคืนที่ดินและรับเงินค่าที่ดินคืนจากเจ้าของเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรหลังหย่า: บังคับใช้ได้จนกว่าศาลจะสั่งเปลี่ยนแปลง
ข้อตกลงตามบันทึกหลังทะเบียนหย่าที่ว่า โจทก์รับหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรและธิดาทั้งสาม เป็นผู้ส่งเสียให้การศึกษาเอง โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบส่งเสียเลี้ยงดูแต่อย่างใด ทั้งปัจจุบันและอนาคต เป็นอันบังคับได้จนกว่าศาลจะสั่งเปลี่ยนแปลง มิใช่เป็นเรื่องสละสิทธิที่จะได้ค่าอุปการะเลี้ยงดู ไม่ขัดต่อกฎหมายและไม่เป็นโมฆะ โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้อุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาบุตรที่โจทก์ได้จ่ายไปหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรหลังหย่า: บังคับใช้ได้จนกว่าศาลสั่งเปลี่ยนแปลง ไม่ถือเป็นการสละสิทธิ
ข้อตกลงตามบันทึกหลังทะเบียนหย่าที่ว่า โจทก์รับหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรและธิดาทั้งสามเป็นผู้ส่งเสียให้การศึกษาเอง โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบส่งเสียเลี้ยงดูแต่อย่างใดทั้งปัจจุบันและอนาคต เป็นอันบังคับได้จนกว่าศาลจะสั่งเปลี่ยนแปลง มิใช่เป็นเรื่องสละสิทธิที่จะได้ค่าอุปการะเลี้ยงดู ไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่เป็นโมฆะ โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาบุตรที่โจทก์ได้จ่ายไปหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทจากเงินสลากกินรวบ: สัญญาเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทจากสัญญาซื้อขายสลากเถื่อนเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คทราบเหตุไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3061/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมพิเศษสัญญาทำสุรา ไม่ขัด กม. การปรับปรุงสัญญา และการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์สัญญา
คำสั่งของกรมสรรพสามิตจำเลยซึ่งกำหนดให้ผู้ประมูลแข่งขันเพื่อรับการแต่งตั้งเป็นผู้รับการทำและขายส่งสุราขาวผสมประเภทเสียภาษีรายเทต้องเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นรายเทโดยผู้เสนอค่าธรรมเนียมพิเศษสูงสุดจะเป็นผู้ประมูลได้นั้น มิใช่การกำหนด อัตราภาษีหรืออัตราค่าธรรมเนียม ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 47 (1) แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 จึงไม่จำเป็นต้องออกเป็นกฎกระทรวง
อ.เป็นผู้ประมูลได้โดยเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเทละ 429.89 บาท และโจทก์รับโอนสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจาก อ. เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิทำสุราในโรงงานและใช้อุปกรณ์การผลิตของจำเลยได้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนอย่างอื่น ทั้งมีสิทธิจำหน่ายสุราแต่ผู้เดียวภายในเขตการจำหน่ายได้ผลประโยชน์ระยะยาวถึง 10 ปี ดังนี้ ค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าวจึงมิใช่ภาษีหรือค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติสุรา แต่เป็นเงินค่าตอบแทนที่ให้แก่รัฐในการที่รัฐให้สิทธิพิเศษตามนัยที่กล่าวแล้ว ทั้งมิใช่เงินที่จำเลยเรียกเก็บนอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 และเป็นความสมัครใจของผู้เข้าประมูลเองที่ยอมให้ค่าตอบแทนแก่รัฐตามจำนวนที่เสนอในการยื่นประมูล จึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ ฉะนั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า ค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นโมฆะจึงมีการออกกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 59 (2518) นำเอาค่าธรรมเนียมพิเศษจำนวนหนึ่งมาเพิ่มเป็นค่าภาษีสุรา เป็นการใช้กฎหมายรับรองสิ่งที่เป็นโมฆะ ภาษีสุราที่เพิ่มขึ้นตกเป็นโมฆะไปด้วย จึงย่อมเป็นอันตกไป เพราะค่าธรรมเนียมพิเศษมิได้เป็นโมฆะดังที่โจทก์อ้าง
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมพิเศษมาเป็นวิธีกำหนดจำนวนน้ำสุราให้โจทก์นำออกขายเพื่อเสียภาษีเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 77,391 บาท เท โดยโจทก์สมัครใจเอง เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตั้งโรงงานทำสุราเพื่อจำหน่ายและทำการค้าสุราทุกชนิด จึงอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะทำและขายส่งสุราตามวัตถุประสงค์ของสัญญาได้ ส่วนต่อมาจะทำหรือขายได้ตามจำนวนที่ตกลงกันหรือไม่ เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับความสามารถของโจทก์ในการดำเนินการ โจทก์เป็นพ่อค้าสุราย่อมมีความรู้พอที่จะคำนวนเรื่องการทำและขายสุราได้ก่อนที่จะเข้าทำสัญญากับจำเลย แสดงว่าโจทก์ต้องรู้ข้อเท็จจริงตั้งแต่แรกว่าทำได้ โจทก์จึงมาโต้แย้งวัตถุประสงค์ที่ทำสัญญากับจำเลยเป็นเรื่องพ้นวิสัยหาไม่ได้
โจทก์ถือว่าโจทก์มีสิทธิที่จะไม่ต้องชำระค่าปรับตามสัญญาจึงไม่ชำระค่าปรับให้จำเลย การโต้แย้งสิทธิอยู่ที่การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องชำระหนี้ เท่ากับให้แสดงว่าโจทก์ไม่ได้เป็นหนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์ชอบจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีเมื่อโจทก์ถูกจำเลยฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าวเท่านั้น หาใช่เป็นผู้ฟ้องคดีเสียเองไม่ โจทก์ยังมีสิทธิที่จะไม่ชำระหนี้ในเมื่อเห็นว่าตนไม่รับผิด จึงไม่มีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ส่วนในเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับฐานทำสุราต่ำกว่ากำหนดและขอคืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วนั้นมีข้อโต้เถียงกันว่าสัญญาเป็นโมฆะโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดและมีสิทธิขอคืนเงินส่วนที่ชำระให้แก่จำเลยไปแล้วแต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จึงมีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นประเด็นที่ต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3061/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมพิเศษสัญญาทำสุราไม่ขัด กม. การปรับฐานทำสุราต่ำกว่ากำหนดย่อมชอบ สัญญาไม่ตกเป็นโมฆะ
คำสั่งของกรมสรรพสามิตจำเลยซึ่งกำหนดให้ผู้ประมูลแข่งขันเพื่อรับการแต่งตั้งเป็นผู้รับการทำและขายส่งสุราขาวผสมประเภทเสียภาษีรายเทต้องเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นรายเทโดยผู้เสนอค่าธรรมเนียมพิเศษสูงสุดจะเป็นผู้ประมูลได้นั้น มิใช่การกำหนดอัตราภาษีหรืออัตราค่าธรรมเนียมตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 47(1) แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 จึงไม่จำต้องออกเป็นกฎกระทรวง
อ.เป็นผู้ประมูลได้โดยเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเทละ429.89 บาท และโจทก์รับโอนสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจากอ. เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิทำสุราในโรงงานและใช้อุปกรณ์การผลิตของจำเลยได้ โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนอย่างอื่น ทั้งมีสิทธิจำหน่ายสุราแต่ผู้เดียวภายในเขตการจำหน่ายได้ผลประโยชน์ระยะยาวถึง 10 ปี ดังนี้ ค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าว จึงมิใช่ภาษีหรือค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติสุรา แต่เป็นเงินค่าตอบแทนที่ให้แก่รัฐในการที่รัฐให้สิทธิพิเศษตามนัยที่กล่าวแล้ว ทั้งมิใช่เงินที่จำเลยเรียกเก็บนอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสุราพ.ศ.2493 และเป็นความสมัครใจของผู้เข้าประมูลเองที่ยอมให้ค่าตอบแทนแก่รัฐตามจำนวนที่เสนอในการยื่นประมูล จึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ ฉะนั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า ค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นโมฆะจึงมีการออกกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 59(2518) นำเอาค่าธรรมเนียมพิเศษจำนวนหนึ่งมาเพิ่มเป็นค่าภาษีสุรา เป็นการใช้กฎหมายรับรองสิ่งที่เป็นโมฆะ ภาษีสุราที่เพิ่มขึ้นตกเป็นโมฆะไปด้วย จึงย่อมเป็นอันตกไป เพราะค่าธรรมเนียมพิเศษมิได้เป็นโมฆะดังที่โจทก์อ้าง
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมพิเศษมาเป็นวิธีกำหนดจำนวนน้ำสุราให้โจทก์นำออกขายเพื่อเสียภาษีเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 77,391 เท โดยโจทก์สมัครใจเอง เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตั้งโรงงานทำสุราเพื่อจำหน่ายและทำการค้าสุราทุกชนิด จึงอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะทำและขายส่งสุราตามวัตถุประสงค์ของสัญญาได้ ส่วนต่อมาจะทำหรือขายได้ตามจำนวนที่ตกลงกันหรือไม่ เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับความสามารถของโจทก์ในการดำเนินการ โจทก์เป็นพ่อค้าสุราย่อมมีความรู้พอที่จะคำนวณเรื่องการทำและขายสุราได้ก่อนที่จะเข้าทำสัญญากับจำเลยแสดงว่าโจทก์ต้องรู้ข้อเท็จจริงตั้งแต่แรกว่าทำได้ โจทก์จึงมาโต้แย้งว่าวัตถุประสงค์ที่ทำสัญญากับจำเลยเป็นเรื่องพ้นวิสัยหาได้ไม่
โจทก์ถือว่าโจทก์มีสิทธิที่จะไม่ต้องชำระค่าปรับตามสัญญาจึงไม่ชำระค่าปรับให้จำเลย การโต้แย้งสิทธิอยู่ที่การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องชำระหนี้ เท่ากับให้แสดงว่าโจทก์ไม่ได้เป็นหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์ชอบจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีเมื่อโจทก์ถูกจำเลยฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าวเท่านั้น หาใช่เป็นผู้ฟ้องคดีเสียเองไม่ โจทก์ยังมีสิทธิที่จะไม่ชำระหนี้ในเมื่อเห็นว่าตนไม่ต้องรับผิด จึงไม่มีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ส่วนในเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่ง แสดงว่าโจทก์ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับฐานทำสุราต่ำกว่ากำหนดและขอคืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วนั้นมีข้อโต้เถียงกันว่าสัญญาเป็นโมฆะโจทก์จึงไม่ต้องรับผิด และมีสิทธิขอคืนเงินส่วนที่ชำระให้แก่จำเลยไปแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จึงมีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นประเด็นที่ต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2773/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของรองอธิบดี, สัญญาค้ำประกัน, สัญญารับสภาพหนี้ที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน, การผิดนัดชำระหนี้
จำเลยให้การต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องว่า ขณะฟ้องคดีนี้อธิบดีกรมศิลปากรยังมีตัวดำรงตำแหน่งปฏิบัติราชการได้ พ. รองอธิบดีจึงไม่มีอำนาจฟ้องแทนกรมศิลปากร ดังนี้ ปัญหาว่ากรมศิลปากรมีรองอธิบดีกี่คน และปลัดกระทรวงได้แต่งตั้งให้ พ.รองอธิบดีรักษาการแทนตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2512 หรือไม่ จึงไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ยื่นฟ้องขณะที่อธิบดีกรมศิลปากรไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ พ.รองอธิบดีกรมศิลปากรรักษาราชการแทนอธิบดีจึงมีอำนาจฟ้องแทนโจทกืได้ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว ข้อ 42 วรรคสอง
สัญญาค้ำประกันมีการขีดฆ่าข้อความบางแห่งที่พิมพ์เกินไว้ ซึ่งไม่ใช่ข้อความที่เป็นสารสำคัญ แม้ผู้ขีดฆ่าจะไม่ได้ลงชื่อไว้ก็ไม่เป็นเหตุให้สัญญาค้ำประกันรับฟังไม่ได้ และข้อความในสัญญาค้ำประกันที่ว่า ถ้า อ. ลูกหนี้ ผิดนัดไม่ชำระหนี้ จำเลยยอมชำระเงินที่ อ. ยังค้างชำระอยู่ให้โจทก์จนครบถ้วนทันทีไม่ว่าจะมีทางเรียกให้ อ. ชำระหนี้ได้หรือไม่ก็ตามนั้น ไม่ขัดต่อกฎหมาย สัญญาค้ำประกันไม่เป็นโมฆะและบังคับได้ โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ในฐานผู้ค้ำประกันได้เมื่อนางอำไพผิดนัดไม่ชำระ
สัญญารับสภาพหนี้ที่จำเลยเข้าค้ำประกัน อ.ต่อโจทก์มีข้อความว่าสัญญาดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อเมื่อกระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว เป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนอันเป็นข้อสารสำคัญ ส่วนสัญญาข้อ 2 ที่ อ.จะเริ่มผ่อนชำระเงินตั้งแต่เดือนมกราคม 2516 เป็นต้นไปนั้น เป็นการกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยคาดว่ากระทรวงการคลังจะอนุมัติมาก่อน เมื่อปรากฏว่ากระทรวงการคลังตอบอนุมัติ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2516 สัญญารับสภาพหนี้จึงมีผลใช้บังคับเมื่อกระทรวงการคลังอนุมัติ มิใช่พฤติการณ์ที่โจทก์ผ่อนเวลาให้แก่ อ.
สัญญารับสภาพหนี้ อ.ยอมรับชำระหนี้แก่โจทก์โดยตกลงจำนวนเงินและกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนๆ ละ 500 บาท ทุกวันที่ 10 ของเดือน โดยไม่แยกจำนวนหนี้เป็นรายๆ ออกต่างหากจากกัน ดังนี้ เมื่อ อ.ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตั้งแต่งวดแรกตลอดมาถือได้ว่า เป็นการผิดสัญญารับสภาพหนี้ซึ่งต้องชำระหนี้ที่ค้างชำรอยู่ทั้งหมดแก่โจทก์ จำเลยผู้ค้ำประกันจึงต้องรับผิดตามจำนวนหนี้ทั้งหมดที่ อ.ต้องรับผิดต่อโจทก์
of 67