พบผลลัพธ์ทั้งหมด 664 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ขัดต่อกฎหมายแรงงาน (ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19) เป็นโมฆะ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เป็นกฎหมายพิเศษเกี่ยวด้วยแรงงาน ซึ่งประกาศขึ้นใช้แทนพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499 มีวัตถุประสงค์เพื่อมิให้มีเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดจากความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง เป็นการคุ้มครองและอำนวยประโยชน์แก่ลูกจ้าง ทั้งป้องกันมิให้เกิดความระส่ำระสายในการเศรษฐกิจของประเทศและความสงบสุขของบ้านเมือง จึงเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ลูกจ้างของโจทก์ถึงแก่ความตายขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์กับมารดาของผู้ตายได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในเรื่องเงินค่าทดแทนกันไว้หากโจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ตามคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง โจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนเป็นรายเดือน เดือนละ 200 บาท มีกำหนด 5 ปี คำนวณแล้วเป็นเงินถึง 12,000 บาท. แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จ่ายเงินเพียง 2,000 บาทเท่านั้น เป็นการหลีกเลี่ยงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับเงินค่าทดแทน จึงเป็นข้อตกลงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ
(วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่2/2516)
ลูกจ้างของโจทก์ถึงแก่ความตายขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์กับมารดาของผู้ตายได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในเรื่องเงินค่าทดแทนกันไว้หากโจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ตามคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง โจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนเป็นรายเดือน เดือนละ 200 บาท มีกำหนด 5 ปี คำนวณแล้วเป็นเงินถึง 12,000 บาท. แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จ่ายเงินเพียง 2,000 บาทเท่านั้น เป็นการหลีกเลี่ยงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับเงินค่าทดแทน จึงเป็นข้อตกลงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ
(วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่2/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความขัดกับกฎหมายแรงงาน (ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19) เป็นโมฆะ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เป็นกฎหมายพิเศษเกี่ยวด้วยแรงงานซึ่งประกาศขึ้นใช้แทนพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499 มีวัตถุประสงค์เพื่อมิให้มีเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดจากความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างเป็นการคุ้มครองและอำนวยประโยชน์แก่ลูกจ้าง ทั้งป้องกันมิให้เกิดความระส่ำระสายในการเศรษฐกิจของประเทศและความสงบสุขของบ้านเมือง จึงเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ลูกจ้างของโจทก์ถึงแก่ความตายขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์กับมารดาของผู้ตายได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในเรื่องเงินค่าทดแทนกันไว้หากโจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ตามคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง โจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนเป็นรายเดือน เดือนละ 200 บาท มีกำหนด 5 ปีคำนวณแล้วเป็นเงินถึง 12,000 บาท. แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จ่ายเงินเพียง 2,000 บาทเท่านั้น เป็นการหลีกเลี่ยงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับเงินค่าทดแทน จึงเป็นข้อตกลงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ
(วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่2/2516 )
ลูกจ้างของโจทก์ถึงแก่ความตายขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์กับมารดาของผู้ตายได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในเรื่องเงินค่าทดแทนกันไว้หากโจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ตามคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง โจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนเป็นรายเดือน เดือนละ 200 บาท มีกำหนด 5 ปีคำนวณแล้วเป็นเงินถึง 12,000 บาท. แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จ่ายเงินเพียง 2,000 บาทเท่านั้น เป็นการหลีกเลี่ยงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับเงินค่าทดแทน จึงเป็นข้อตกลงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ
(วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่2/2516 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ดอกเบี้ยเกินอัตราไม่สมบูรณ์ แต่ต้นเงินยังใช้บังคับคดีได้ สัญญาไม่ตกเป็นโมฆะ
ยอดเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้เงินซึ่งแยกได้ว่าเป็นต้นเงินที่แท้จริงจำนวนหนึ่ง และดอกเบี้ยล่วงหน้าซึ่งเรียกเกินอัตราผิดกฎหมายจำนวนหนึ่งนั้น หนี้ดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นหนี้ไม่สมบูรณ์ตกเป็นโมฆะ ส่วนหนี้ต้นเงินยังคงสมบูรณ์ สัญญากู้ไม่ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับ และในส่วนที่สมบูรณ์ย่อมนำมาใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมฟ้องร้องบังคับคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 1238/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย สัญญาไม่ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับเฉพาะส่วนที่ผิดสัญญาเป็นโมฆะ
ยอดเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้เงินซึ่งแยกได้ว่าเป็นต้นเงินที่แท้จริงจำนวนหนึ่ง และดอกเบี้ยล่วงหน้าซึ่งเรียกเกินอัตราผิดกฎหมายจำนวนหนึ่งนั้น หนี้ดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นหนี้ไม่สมบูรณ์ตกเป็นโมฆะ ส่วนหนี้ต้นเงินยังคงสมบูรณ์ สัญญากู้ไม่ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับ และในส่วนที่สมบูรณ์ย่อมนำมาใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมฟ้องร้องบังคับคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 1238/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณะริมคลอง: สิทธิการเช่าและการครอบครอง
คันคลองสาธารณะซึ่งน้ำท่วมถึงทุกปีในฤดูน้ำ เป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่
สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) นั้น แม้จำเลยจะทำสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิให้เช่า และฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1532/2509 และ 880/2511)
สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) นั้น แม้จำเลยจะทำสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิให้เช่า และฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1532/2509 และ 880/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายสิทธิเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน สมบูรณ์เมื่อมีเจตนาโอนสิทธิ ผู้ให้เช่ายินยอม และจำเลยผิดสัญญา
สัญญาขายสิทธิการเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน ไม่ใช่สัญญาที่กำหนดเอาหน้าที่ให้จำเลยทำแต่ฝ่ายเดียว และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย เพราะเป็นสัญญาก่อให้เกิดหนี้ทำให้โจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งกันและกันจำเลยเป็นเจ้าหนี้ในการที่จะเรียกร้องเอาราคาค่าโอนสิทธิในการเช่าให้แก่โจทก์ ในเวลาเดียวกันก็เป็นลูกหนี้ในการที่จะต้องแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่าโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยในการที่จะเรียกร้องให้จำเลยดำเนินการโอนสิทธิการเช่าและส่งมอบห้องเช่าให้แก่โจทก์ และเป็นลูกหนี้ที่จะต้องชำระราคาค่ารับโอนสิทธิการเช่าให้แก่จำเลย และข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย จึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมายเมื่อจำเลยไม่ดำเนินการโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์ จึงถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญา
เหตุสุดวิสัยนั้นจะต้องเป็นเหตุที่ไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ การที่จำเลยไม่อาจโอนสิทธิการเช่าโดยจำเลยยังไม่มีสิทธิการเช่าห้องโดยสมบูรณ์ เพราะจำเลยยังค้างชำระเงินบำรุงสำหรับสิทธิในการเช่าห้องพิพาทอยู่ และจำเลยยังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าให้โอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทให้โจทก์ ไม่เป็นเหตุสุดวิสัย
สัญญาระบุว่า จำเลยจะต้องส่งมอบห้องที่จำเลยขายสิทธิการเช่าให้โจทก์ภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2509 แม้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2509 จำเลยจะนัดให้โจทก์ไปรับโอนสิทธิการเช่าแล้วจำเลยไม่ไป ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผิดนัด ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่โจทก์ก่อให้เกิดขึ้นก่อนเวลาที่จำเลยผิดนัดได้
การค้าย่อมมีทั้งการขาดทุนและกำไร เมื่อจำเลยผิดสัญญาทำให้โจทก์เสียหาย แม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ว่าเสียหายไปจำนวนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ตามสมควรแก่พฤติการณ์ได้
การโอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทจะมีผลต่อเมื่อผู้ให้เช่ายินยอมเสียก่อนจึงจะโอนกันได้ จะถือเอาคำพิพากษาบังคับผู้ให้เช่ายอมให้โจทก์เช่าห้องพิพาทไม่ได้ ต้องพิพากษาให้จำเลยแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่ายอมโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์
เหตุสุดวิสัยนั้นจะต้องเป็นเหตุที่ไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ การที่จำเลยไม่อาจโอนสิทธิการเช่าโดยจำเลยยังไม่มีสิทธิการเช่าห้องโดยสมบูรณ์ เพราะจำเลยยังค้างชำระเงินบำรุงสำหรับสิทธิในการเช่าห้องพิพาทอยู่ และจำเลยยังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าให้โอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทให้โจทก์ ไม่เป็นเหตุสุดวิสัย
สัญญาระบุว่า จำเลยจะต้องส่งมอบห้องที่จำเลยขายสิทธิการเช่าให้โจทก์ภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2509 แม้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2509 จำเลยจะนัดให้โจทก์ไปรับโอนสิทธิการเช่าแล้วจำเลยไม่ไป ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผิดนัด ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่โจทก์ก่อให้เกิดขึ้นก่อนเวลาที่จำเลยผิดนัดได้
การค้าย่อมมีทั้งการขาดทุนและกำไร เมื่อจำเลยผิดสัญญาทำให้โจทก์เสียหาย แม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ว่าเสียหายไปจำนวนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ตามสมควรแก่พฤติการณ์ได้
การโอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทจะมีผลต่อเมื่อผู้ให้เช่ายินยอมเสียก่อนจึงจะโอนกันได้ จะถือเอาคำพิพากษาบังคับผู้ให้เช่ายอมให้โจทก์เช่าห้องพิพาทไม่ได้ ต้องพิพากษาให้จำเลยแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่ายอมโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายความกันเป็นโมฆะ สัญญาต่อเนื่องก็ตกเป็นโมฆะตามไปด้วย
สัญญาซึ่งจำเลยให้ประโยชน์เป็นเงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ และโจทก์ยอมโอนสิทธิส่วนได้เสียทั้งปวงในคดีความให้แก่จำเลยนั้น เป็นสัญญาที่แสวงหาประโยชน์จากการที่ผู้อื่นเป็นความกันหรือนัยหนึ่งเป็นสัญญาซื้อขายความกัน ย่อมเป็นสัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ตกเป็นโมฆะ
เมื่อสัญญาซึ่งก่อหนี้ตกเป็นโมฆะ สัญญาขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะด้วย ส่วนสัญญาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญานั้น ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้จำนองให้ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
เมื่อสัญญาซึ่งก่อหนี้ตกเป็นโมฆะ สัญญาขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะด้วย ส่วนสัญญาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญานั้น ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้จำนองให้ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายความกันเป็นโมฆะ สัญญาต่อเนื่องและจำนองเป็นประกันไม่มีผลผูกพัน
สัญญาซึ่งจำเลยให้ประโยชน์เป็นเงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์และโจทก์ยอมโอนสิทธิส่วนได้เสียทั้งปวงในคดีความให้แก่จำเลยนั้น เป็นสัญญาที่แสวงหาประโยชน์จากการที่ผู้อื่นเป็นความกันหรือนัยหนึ่งเป็นสัญญาซื้อขายความกัน ย่อมเป็นสัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ
เมื่อสัญญาซึ่งก่อหนี้ตกเป็นโมฆะ สัญญาขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะด้วย ส่วนสัญญาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญานั้น ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้จำนองให้ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
เมื่อสัญญาซึ่งก่อหนี้ตกเป็นโมฆะ สัญญาขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะด้วย ส่วนสัญญาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญานั้น ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้จำนองให้ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่ไม่มีการส่งมอบเงินจริง ทำให้สัญญากู้เป็นโมฆะ และไม่สามารถฟ้องล้มละลายได้
หนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่ฟ้องคือดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจำเลยต้องชำระแก่โจทก์ โจทก์หาได้ส่งมอบเงินที่ว่าให้กู้กันนั้นแก่จำเลยไม่ สัญญากู้ที่ฟ้องตกเป็นโมฆะ จึงไม่มีหนี้ตามที่ฟ้อง โจทก์ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่ไม่สมบูรณ์และดอกเบี้ยเกินอัตรา ทำให้ไม่มีหนี้เกิดขึ้น โจทก์ฟ้องล้มละลายไม่ได้
หนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่ฟ้องคือดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจำเลยต้องชำระแก่โจทก์ โจทก์หาได้ส่งมอบเงินที่ว่าให้กู้กันนั้นแก่จำเลยไม่ สัญญากู้ที่ฟ้องตกเป็นโมฆะ จึงไม่มีหนี้ตามที่ฟ้อง โจทก์ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้