พบผลลัพธ์ทั้งหมด 664 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาช่วยเหลือทางแพ่ง: ความเกี่ยวพันในมูลคดี ไม่ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์
พี่ชายได้จัดการแบ่งนามรดกให้แก่น้องชายและน้องสาวตามคำสั่งของบิดามารดา แต่น้องสาวไม่ยอม พี่จึงพาน้องชายไปหาทนายความ ต่อมาน้องชายขอให้พี่ออกเงินให้ตนดำเนินคดี โดยสัญญาว่าถ้าคดีถึงที่สุดน้องชายได้รับส่วนแบ่งนามาจะแบ่งนาให้พี่ชายครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ต้องการก็จะขายนาเอาเงินใช้ทุนให้ ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า พี่ชายช่วยเหลือน้องชายให้ได้รับความยุติธรรมจากโรงศาล และควรนับได้ว่าพี่ชายมีความเกี่ยวพันอยู่ในมูลคดีนั้นด้วย ไม่ใช่เรื่องพี่ชายแสวงหาประโยชน์ใส่ตนด้วยการยุยงส่งเสริมให้เขาเป็นความกันในกรณีที่ตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลคดีนั้นด้วย จึงทำให้นิติกรรมสัญญานั้นตกเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 113 เมื่อคดีถึงที่สุดน้องชายได้รับส่วนแบ่งนามาแล้วไม่แบ่งนาให้พี่ชาย พี่ชายย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเอาได้ตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาช่วยเหลือทางกฎหมาย: ความเกี่ยวพันในมูลคดีและการเรียกร้องผลประโยชน์
พี่ชายได้จัดการแบ่งนามรดกให้แก่น้องชายและน้องสาวตามคำสั่งของบิดามารดา แต่น้องสาวไม่ยอม พี่จึงพาน้องชายไปหาทนายความ ต่อมาน้องชายขอให้พี่ออกเงินให้ตนดำเนินคดี โดยสัญญาว่าถ้าคดีถึงที่สุดน้องชายได้รับส่วนแบ่งนามาจะแบ่งนาให้พี่ชายครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ต้องการก็จะขายนาเอาเงินใช้ทุนให้ ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า พี่ชายช่วยเหลือน้องชายให้ได้รับความยุติธรรมจากโรงศาล และควรนับได้ว่าพี่ชายมีความเกี่ยวพันอยู่ในมูลคดีนั้นด้วย ไม่ใช่เรื่องพี่ชายแสวงหาประโยชน์ใส่ตนด้วยการยุยงส่งเสริมให้เขาเป็นความกันในกรณีที่ตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลคดีนั้นด้วย จึงไม่ทำให้นิติกรรมสัญญานั้นตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เมื่อคดีถึงที่สุดน้องชายได้รับส่วนแบ่งนามาแล้วไม่แบ่งนาให้พี่ชาย พี่ชายย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเอาได้ตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160-1161/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาความกับผลตอบแทนที่ดิน: โมฆะตามมาตรา 113 และผลของการมอบครอง
ลูกความทำสัญญากับบุตรของทนายผู้ว่าคดีให้ว่า ถ้าความที่จะฎีกานั้นชนะก็จะให้ที่นาพิพาททั้งหมดนั้นแก่บุตรของทนาย แต่บุตรทนายความต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการฎีกาดังนี้ ถือได้ว่าบุตรของทนายออกเงินให้เขาเพื่อเป็นความเกี่ยวกับนาพิพาทโดยหวังจะได้ที่นาพิพาทเป็นสิทธิของตน เป็นสัญญาให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการเป็นความจึงเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขา แม้สัญญายกให้นั้นจะเป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ดี เมื่อได้มอบที่ดินให้เขาครอบครองเด็ดขาดแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าผู้ให้ได้เจตนาสละสิทธิครอบครองที่นั้นให้เขา เขาย่อมได้สิทธิครอบครองที่นั้น
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขา แม้สัญญายกให้นั้นจะเป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ดี เมื่อได้มอบที่ดินให้เขาครอบครองเด็ดขาดแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าผู้ให้ได้เจตนาสละสิทธิครอบครองที่นั้นให้เขา เขาย่อมได้สิทธิครอบครองที่นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยการกระทำผิดกฎหมาย/ศีลธรรม: สิทธิเรียกร้องคืนทรัพย์
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขาเพื่อตอบแทนในการที่เขาออกเงินและวิ่งเต้นให้เป็นความกับบุคคลอื่นจนได้ที่ดินมานั้น แม้สัญญายกให้นี้จะตกเป็นโมฆะโดยขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนก็ดีแต่ก็ยังเข้าลักษณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 411 ที่ว่าบุคคลใดได้กระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตาม กฎหมายหรือศีลธรรมอันดี ท่านว่าบุคคลนั้นหาอาจจะเรียกร้องคืนทรัพย์ได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายกที่ดินเพื่อชำระหนี้ แม้โมฆะ ก็ไม่อาจเรียกคืนได้ตามหลักกฎหมาย
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขาเพื่อตอบแทนในการที่เขาออกเงินวิ่งและเต้นให้เป็นความกับบุคคลอื่นจนได้ที่ดินมานั้น แม้สัญญายกให้นี้จะตกเป็นโมฆะโดยขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศิลธรรมอันดีของประชาชนก็ดีแต่ก็ยังเข้าลักษณะตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 411 ที่ว่าบุคคลใดได้กระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตาม ก.ม.หรือศีลธรรมอันดี ท่านว่าบุคคลนั้นหาอาจจะเรียกร้องคืนทรัพย์ได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้เงิน ดอกเบี้ยเกินสัญญา และการพิสูจน์การชำระหนี้
ตกลงกู้เงินกัน 4,000 บาทคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 10 เดือน เป็นเงิน 2,000 บาท เอารวมไว้เป็นเงินกู้ด้วย เมื่อกรณีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า คู่สัญญามีเจตนาที่จะแยกการกู้เงินและเรียกดอกเบี้ยออกต่างหากจากกันแล้ว ส่วนดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราก็ตกเป็นโมฆะแต่ต้นเงินกู้หาเป็นโมฆะด้วยไม่
การใช้เงินกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือได้เวนคืนเอกสาร หรือได้แทงเพิกถอนลงไว้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะเป็นตัวผู้กู้ชำระเองหรือบุคคลที่ 3 เป็นผู้ชำระก็เช่นเดียวกันเพราะมาตรา 653 มิได้บัญญัติยกเว้นถึงตัวบุคคลผู้ชำระหนี้ไว้เลย
การใช้เงินกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือได้เวนคืนเอกสาร หรือได้แทงเพิกถอนลงไว้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะเป็นตัวผู้กู้ชำระเองหรือบุคคลที่ 3 เป็นผู้ชำระก็เช่นเดียวกันเพราะมาตรา 653 มิได้บัญญัติยกเว้นถึงตัวบุคคลผู้ชำระหนี้ไว้เลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินอัตราในสัญญากู้ยืม: แยกพิจารณาต้นเงินและดอกเบี้ยได้, การใช้เงินกู้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ตกลงกู้เงิน 40000 บาทคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 10 เดือนเป็นเงิน 2000 บาท เอารวมไว้เป็นเงินกู้ด้วย เมื่อกรณีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า คู่สัญญามีเจตนาที่จะแยกการกู้เงินและเรียกดอกเบี้ยออกต่างหากจากกันแล้ว ส่วนดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราก็ตกเป็นโมฆะ แต่ต้นเงินกู้หาเป็นโมฆะด้วยไม่
การใช้เงินกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมา แสดงหรือได้เวนคืนเอกสาร หรือได้แทงเพิกถอนลงไว้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะเป็นตัวผู้กู้ชำระเองหรือบุคคลที่ 3 เป็นผู้ชำระก็เช่นเดียวกัน เพราะมาตรา 653 มิได้บัญญัติยกเว้นถึงตัวบุคคลผู้ชำระหนี้ไว้เลย
การใช้เงินกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมา แสดงหรือได้เวนคืนเอกสาร หรือได้แทงเพิกถอนลงไว้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะเป็นตัวผู้กู้ชำระเองหรือบุคคลที่ 3 เป็นผู้ชำระก็เช่นเดียวกัน เพราะมาตรา 653 มิได้บัญญัติยกเว้นถึงตัวบุคคลผู้ชำระหนี้ไว้เลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยความตกลงเป็นไปได้ แม้มีเหตุเลิกตามกฎหมาย
เหตุเลิกหุ้นส่วนตามมาตรา 1055 นั้นเป็นเหตุเลิกห้างหุ้นส่วนอันมิใช่โดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรม
เหตุเลิกหุ้นส่วนตามมาตรา 1055 นั้นเป็นเหตุเลิกห้างหุ้นส่วนอันมิใช่โดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินของคนต่างด้าว: การปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมายและการบังคับสิทธิทางคืนเงิน
คนต่างด้าวเป็นโจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทและขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ ถ้าไม่สามารถโอนได้ก็ให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ได้ทดรองจ่ายไป ดังนี้ ศาลจะพิพากษายกฟ้องเสียทีเดียวโดยเห็นว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่ปรากฎว่าได้รับอนุญาตให้ยึดถือที่พิพาทได้นั้นยังไม่ชอบเพราะ พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 นั้นหาใช่เป็นกฎหมายที่ห้ามคนต่างด้าวมิให้เป็นเจ้าของที่ดินเสียทีเดียวไม่เป็นแต่ว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนเท่านั้น ซึ่งถ้าโจทก์ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่ง ก.ม.นั้นแล้ว ก็ย่อมบังคับได้ หรือก็มีทางบังคับทางคืนเงินตามที่โจทก์ได้ขอมาด้วยท้ายฟ้องอีกวิธีหนึ่ง ฉะนั้นศาลชอบที่จะพิจารณาฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนจนสิ้นกระแสร์ความ