คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 43 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเนื่องจากการทิ้งร้างและการครอบครองของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ระหว่างปี พ.ศ. 2506-2507 ถึงปัจจุบัน และฝ่ายจำเลยบางคนเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกผักมา 8-9 ปีแล้ว เช่นนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์ยอมออกจากที่พิพาทโดยเชื่อคำบอกกล่าวของเจ้าพนักงานว่า เป็นที่สาธารณะตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีนี้เป็นเวลาถึง 10 ปีเศษ ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันมีสภาพเป็นเหตุชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ ตามมาตรา 1377 วรรคสอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า กรณีนี้ต้องนำกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาใช้บังคับนั้นโจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้าน ที่สวนตามกฎหมายดังกล่าว กรณีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนอันจะอยู่ในบังคับของกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเนื่องจากขาดการครอบครองต่อเนื่องและการเข้าครอบครองของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ระหว่างปี พ.ศ. 2506 - 2507 ถึงปัจจุบัน และฝ่ายจำเลยบางคนเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกผักมา 8 - 9 ปีแล้ว เช่นนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์ยอมออกจากที่พิพาทโดยเชื่อคำบอกล่าวของเจ้าพนักงานว่าเป็นที่สาธารณะตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีนี้เป็นเวลาถึง 10 ปีเศษ ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันมีสภาพเป็นเหตุชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ ตามมาตรา 1377 วรรคสอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า กรณีนี้ต้องนำกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาใช้บังคับนั้น โจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาให้คำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้าน ที่สวนตามกฎหมายดังกล่าว กรณีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนอันจะอยู่ในบังคับของกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคืนการครอบครอง และประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ไม่ได้ยกขึ้นในคำฟ้อง
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรค 2 นั้นผู้ครอบครองจะต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครองโดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ครอบครองจะทราบว่าถูกแย่งการครอบครองหรือไม่ และไม่คำนึงถึงว่าผู้ครอบครองได้โต้แย้งผู้แย่งการครอบครองหรือได้ร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองว่าถูกแย่งการครอบครองหรือไม่
โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 จำเลยจะต้องครอบครอง 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ แต่โจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 คดีจึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการครอบครอง: ที่บ้านตามลักษณะเบ็ดเสร็จ vs. ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่ง
ผู้ครอบครองที่บ้าน ที่สวนอยู่ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 ย่อมได้กรรมสิทธิ์
เข้าแย่งการครอบครองเมื่อ 5 ปีมานี้ การแย่งการครอบครองที่บ้าน ที่สวนซึ่งผู้ครอบครองมีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ ผู้แย่งการครอบครองจะต้องครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 จึงจะได้กรรมสิทธิ์(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จและการพิสูจน์กรรมสิทธิ์เดิม
ผู้ครอบครองที่บ้าน ที่สวนอยู่ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 ย่อมได้กรรมสิทธิ์
เข้าแย่งการครอบครองเมื่อ 5 ปีมานี้ การแย่งการครอบครองที่บ้าน ที่สวนซึ่งผู้ครอบครองมีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ ผู้แย่งการครอบครองจะต้องครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 จึงจะได้กรรมสิทธิ์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ ไม่ขาดอายุความ แม้จำเลยเข้าครอบครองเกิน 1 ปี ประทานบัตรทำเหมืองแร่ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน
เมื่อที่พิพาทเป็นที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 แล้วแม้โจทก์ฟ้องคดีภายหลังที่จำเลยเข้าครอบครองเก็บผลประโยชน์เกิน 1 ปีแล้วก็ตาม ฟ้องโจทก์หาขาดอายุความไม่
พระราชบัญญัติเหมืองแร่ พ.ศ. 2461 มาตรา 51 ให้ผู้ถือประทานบัตรมีอำนาจทำเหมืองแร่ คือ ขุด ล้าง และจำหน่ายแร่ตามที่อนุญาต ไว้ในประทานบัตรนั้นเท่านั้นประทานบัตรทำเหมืองแร่ไม่ได้ให้อำนาจ แก่ผู้ถือประทานบัตรหวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่แผ่นดิน ในเหมืองแร่นั้นเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีที่ดินสวน และขอบเขตสิทธิประทานบัตรทำเหมืองแร่
เมื่อที่พิพาทเป็นที่สวนที่กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 แล้ว แม้โจทก์ฟ้องคดีภายหลังที่จำเลยเข้าครอบครองเก็บผลประโยชน์เกิน 1 ปีแล้วก็ตาม ฟ้องโจทก์หาขาดอายุความไม่
พระราชบัญญัติเหมืองแร่ พ.ศ. 2461 มาตรา 51 ให้ผู้ถือประทานบัตรมีอำนาจทำเหมืองแร่ คือ ขุด ล้าง และจำหน่ายแร่ตามที่อนุญาตไว้ในประทานบัตรนั้นเท่านั้นประทานบัตรทำเหมือนแร่ไม่ได้ให้อำนาจแก่ผู้ถือประทานบัตรหวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่แผ่นดินในเหมืองแร่นั้นเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1759/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินที่ยังไม่จดทะเบียน การยึดทรัพย์ และสิทธิครอบครองที่ดิน
ที่พิพาทเป็นที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42มาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 แม้ผู้ร้องจะได้ซื้อที่พิพาทไว้จากจำเลย แต่ก็มิได้จดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่พิพาทจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธินำยึดที่พิพาทนี้จากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ จะนำบทบัญญัติเรื่องการครอบครองที่ดินที่ไม่มีหนังสือสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1759/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินก่อนประมวลกฎหมายแพ่ง: การซื้อขายไม่จดทะเบียน ไม่ทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิขอถอนการยึด
ที่พิพาทเป็นที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 มาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 แม้ผู้ร้องจะได้ซื้อที่พิพาทไว้จากจำเลย แต่ก็มิได้จดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่พิพาทจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธินำยึดที่พิพาทนี้จากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ จะนำบทบัญญัติเรื่องการครอบครองที่ดินที่ไม่มีหนังสือสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครองและเรียกค่าเสียหายจากละเมิด: การรับรองสิทธิคู่กรณีและขอบเขตการพิจารณาของศาล
ฟ้องโจทก์อ้างว่า นายสีกับพวกได้แย่งเอาสิทธิครอบครองของโจทก์ไปตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2504 คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นการรับรองในตัวว่านายสีเข้าแย่งการครอบครองที่ดินแปลงพิพาทมาเกิน 1 ปี โจทก์เพิ่งมาฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากพวกจำเลยซึ่งเข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายสีเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2507 อันเป็นเวลาภายหลังที่นายสีเข้าแย่งสิทธิครอบครองมาเกิน 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ที่บ้านที่สวนมือเปล่าซึ่งจะมีอายุความฟ้องร้องกันได้ถึง 9 - 10 ปี ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 นั้น จะต้องเป็นที่บ้านที่สวนมือเปล่ามาก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยลักษณะทรัพย์สินซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2475 (อ้างฎีกาที่ 882/2503, 1570/2500)
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมมาตั้งแต่แรก และปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย หากแต่เป็นเรื่องระหว่างโจทก์จำเลยโดยเฉพาะ ไม่กระทบกระเทือนถึงประชาชนหรือบุคคลภายนอกแต่ประการใด (อ้างฎีกาที่ 914/2503) ศาลจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แล้วพิพากษายกฟ้อง จึงยังไม่ชอบ
จำเลยมิได้ยกอายุความฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด ตามคำให้การจำเลยคงยกอายุความขึ้นต่อสู้เฉพาะฟ้องโจทก์ที่ฟ้องเอาคืนสิทธิครอบครองที่พิพาทเท่านั้น ฉะนั้น ที่ศาลวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ในประเด็นข้อนี้เสียด้วย จึงยังไม่ชอบเช่นกัน
แม้ว่าศาลจะได้พิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาว่าจำเลยบุกรุกขอให้ขับไล่ออกจากที่พิพาทแล้วก็ตาม แต่เหตุที่ยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกรบกวนสิทธิ ไม่เกี่ยวกับข้อหาฐานละเมิดเรียกค่าเสียหาย ซึ่งถ้าหากจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์จริงตามฟ้อง โจทก์ได้รับความเสียหายมาก่อนแล้ว จำเลยก็อาจต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ เมื่อคู่ความยังโต้เถียงและศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อนี้ ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างเฉพาะประเด็นเรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาในประเด็นที่ว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์จริงหรือไม่ จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงใด แล้วพิพากษาใหม่ต่อไป.
of 5