คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดวง ดีวาจิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 281 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาส่งมอบวัตถุตามสัญญาจ้างเหมา คุณภาพวัตถุเป็นสาระสำคัญ ผู้รับจ้างต้องรับผิดแม้จะอ้างความเข้าใจผิด
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจ้างเหมาขุดขนลูกรังและทรายกองรายทางตามคุณภาพและลักษณะซึ่งกำหนดไว้ในประกาศเรียกประกวดราคาและจำเลยต้องส่งตัวอย่างไปให้โจทก์วินิจฉัยก่อน แต่ตัวอย่างที่จำเลยส่งไปโจทก์วินิจฉัยแล้วแจ้งว่าใช้ไม่ได้ ให้นำทรายหยาบแม่น้ำผสมด้วยแม้ตัวอย่างนั้นจำเลยจะนำไปจากแหล่งที่โจทก์แนะนำในประกาศประกวดราคา ประกาศนั้นก็ระบุไว้แล้วว่าการระบุแหล่งวัตถุเป็นการแนะนำ ผู้รับจ้างจะถือเป็นเหตุเพื่อปัดความรับผิดใด ๆ ของตนไม่ได้ การสืบแสวงหาวัตถุตามสัญญา เป็นหน้าที่ของผู้รับจ้างที่จะต้องจัดหาตามคุณภาพและลักษณะที่กำหนด เมื่อจำเลยประกวดราคาได้และได้ทำสัญญากับโจทก์ดังนี้แล้ว จำเลยจึงจะอ้างเอาความเข้าใจหรือความเชื่อในลักษณะและคุณสมบัติของวัตถุที่โจทก์แนะนำและข้อแนะนำให้เอาทรายหยาบแม่น้ำผสมว่า ไม่ต้องรับผิดตามสัญญาหาได้ไม่
จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งลูกรังและทรายให้มีคุณภาพและลักษณะตามสัญญา แต่จำเลยเอาลูกรังและทรายที่มีลักษณะไม่ถูกต้องส่งไปให้โจทก์วิจัย แม้จำเลยจะได้รับแจ้งผลการวิจัยว่าใช้ไม่ได้ก่อนสิ้นกำหนดสัญญาเพียง 5 วัน เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานวิเคราะห์ของโจทก์ได้กลั่นแกล้งให้ล่าช้าหรือกระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยจะอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยว่าทำการขนให้ไม่ทันหาได้ไม่
ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งตัวอย่างวัตถุไปให้โจทก์วิจัยก่อนเป็นแต่ข้อหนึ่งในสัญญาที่จำเลยต้องปฏิบัติก่อนส่งลูกรังและทรายให้โจทก์ตามสัญญา มิใช่เงื่อนไขแห่งสัญญา
ข้อสัญญาที่ว่าถ้าปรากฏว่าผู้รับจ้างส่งวัตถุไม่ถูกต้องตามคุณภาพและลักษณะตามสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องนำวัตถุที่ถูกต้องมาเปลี่ยนให้จนเป็นการถูกต้อง โดยผู้รับจ้างจะคิดยืดเวลาเอากับผู้ว่าจ้างไม่ได้นั้นเป็นข้อสัญญาที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้รับวัตถุตรงตามสัญญาไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญารับเหมา: ผู้รับเหมาต้องส่งมอบงานตามคุณภาพที่กำหนด แม้จะได้รับคำแนะนำแหล่งวัตถุจากผู้ว่าจ้าง
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจ้างเหมาขุดขนลูกรังและทรายกองรายทางตามคุณภาพ และลักษณะซึ่งกำหนดไว้ในประกาศเรียกประกวดราคา และจำเลยต้องส่งตัวอย่างไปให้โจทก์วินิจฉัยก่อน แต่ตัวอย่างที่จำเลยส่งไป โจทก์วินิจฉัยแล้วแจ้งว่าใช้ไม่ได้ ให้นำทรายหยาบแม่น้ำผสมด้วย แม้ตัวอย่างนั้นจำเลยจะนำไปจากแหล่งที่โจทก์แนะนำในประกาศประกวดราคา ประกาศนั้นก็ระบุไว้แล้วว่าการระบุแหล่งวัตถุเป็นการแนะนำ ผู้รับจ้างจะถือเป็นเหตุเพื่อปัดความรับผิดใด ๆ ของตนไม่ได้ การสืบแสวงหาวัตถุตามสัญญา เป็นหน้าที่ของผู้รับจ้างที่จะต้องจัดหาตามคุณภาพและลักษณะที่กำหนด เมื่อจำเลยประกวดราคาได้และได้ทำสัญญากับโจทก์ดังนี้แล้ว จำเลยจึงจะอ้างเอาความเข้าใจหรือความเชื่อในลักษณะและ คุณสมบัติของวัตถุที่โจทก์แนะนำและข้อแนะนำให้เอาทรายหยาบแม่น้ำผสมว่าไม่ต้องรับผิดตามสัญญาหาได้ไม่
จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งลูกรังและทราบให้มีคุณภาพและลักษณะตามสัญญา แต่จำเลยเอาลูกรังและทราบที่มีลักษณะไม่ถูกต้องส่งไปให้โจทก์วิจัย แม้จำเลยจะได้รับแจ้งผลการวิจัยว่าใช้ไม่ได้ก่อนสิ้นกำหนดสัญญาเพียง 5 วัน เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานวิเคราะห์ของโจทก์ได้กลั่นแกล้งให้ล่าช้าหรือกระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยจะอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยว่าทำการขนให้ไม่ทันหาได้ไม่
ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งตัวอย่างวัตถุไปให้โจทก์วิจัยก่อน เป็นแต่ข้อหนึ่งในสัญญาที่จำเลยต้องปฏิบัติก่อนส่งลูกรังและทรายให้โจทก์ตามสัญญา มิใช่เงื่อนไขแห่งสัญญา
ข้อสัญญาที่ว่าถ้าปรากฏว่าผู้รับจ้างส่งวัตถุไม่ถูกต้องตามคุณภาพและลักษณะตามสัญญาผู้รับจ้างจะต้องนำวัตถุที่ถูกต้องมาปลี่ยนให้จนเป็นการถูกต้อง โดยผู้รับจ้างจะคิดยึดเวลาเอากับผู้ว่าจ้างไม่ได้นั้น เป็นข้อสัญญาที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้รับวัตถุตรงตามสัญญา ไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2425/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาล สัญญาจะซื้อขายที่ไม่มีการอนุญาตจึงไม่ผูกพัน
การขายอสังหาริมทรัพย์ของเด็ก ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำมิได้เว้นแต่ศาลจะอนุญาต และผู้ใช้อำนาจจะให้ความยินยอมแก่เด็กโดยมิได้รับอนุญาตจากศาล ก็ไม่อาจทำได้เช่นเดียวกัน ทั้งการขายนั้นหมายความรวมถึงสัญญาจะขายอสังหาริมทรัพย์ของเด็กด้วย เมื่อผู้ใช้อำนาจปกครองไม่มีอำนาจที่จะทำได้ สัญญาจะขายอสังหาริมทรัพย์ของเด็กย่อมไม่ผูกพันเด็ก เด็กจะอ้างว่าผู้จะซื้อผิดสัญญาและจะริบมัดจำหาได้ไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 816-817/2494)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2425/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาล สัญญาจะซื้อขายที่ไม่มีการอนุญาตจึงไม่ผูกพัน
การขายอสังหาริมทรัพย์ของเด็กผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำมิได้เว้นแต่ศาลจะอนุญาต และผู้ใช้อำนาจจะให้ความยินยอมแก่เด็กโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลก็ไม่อาจทำได้เช่นเดียวกัน ทั้งการขายนั้นหมายความรวมถึงสัญญาจะขายอสังหาริมทรัพย์ของเด็กด้วย เมื่อผู้ใช้อำนาจปกครองไม่มีอำนาจที่จะทำได้ สัญญาจะขายอสังหาริมทรัพย์ของเด็กย่อมไม่ผูกพันเด็ก เด็กจะอ้างว่าผู้จะซื้อผิดสัญญาและจะริบมัดจำหาได้ไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 816-817/2494)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกคืนที่ดินส่วนเกินหลังการแบ่งแยกโฉนด ไม่เข้าข่ายอายุความมาตรา 467
เดิมโจทก์ได้ตกลงแบ่งขายที่ดินมีโฉนดของโจทก์ให้แก่จำเลยเป็นเนื้อที่ 6 ไร่ โดยให้จำเลยเข้าชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมในโฉนดที่ดินดังกล่าวตามส่วน ต่อมามีการรังวัดแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของจำเลย ปรากฏว่าเนื้อที่ดินตามโฉนดที่ออกให้แก่จำเลยมีจำนวน 6 ไร่ 1 งาน 22 ตารางวา เกินกว่าที่ตกลงซื้อขายเดิมโจทก์จึงฟ้องเรียกที่ดินส่วนที่เกินคืนจากจำเลย ดังนี้ กรณีหาใช่เป็นการฟ้องให้รับผิดในการส่งมอบทรัพย์ขาดตกบกพร่องหรือล้ำจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 467 ไม่ จึงนำอายุความตามมาตรานี้มาใช้ปรับแก่คดีตามข้อตัดฟ้องของจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันวางแผนและลงมือ ผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย
จำเลยทั้งสี่จับกุมผู้ตายทั้งสามคนในข้อหาลักโค ต่อมาจำเลยทั้งสี่นำตัวผู้ตายทั้งสามไปเพื่อผลักตกหน้าผาให้ถึงแก่ความตายเมื่อไปถึงบริเวณลานจอดรถห่างหน้าผาเพียง 2 เส้น จำเลยที่ 1ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 นำผู้ตายทั้งสามไปที่หน้าผาทีละคนจำเลยที่ 1 รออยู่บริเวณลานจอดรถนั้นเอง โดยจำเลยทั้งสี่มีเจตนาร่วมกันที่จะฆ่าผู้ตายทั้งสาม เมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ผลักผู้ตายทั้งสามตกหน้าผาตายทีละคนแล้ว จำเลยทั้งสี่ก็พากันกลับพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสี่ ร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้งสามโดยวางแผนไว้ล่วงหน้า การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้งสามโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ศาลยืนตามคำพิพากษาโทษประหารชีวิต
จำเลยทั้งสี่จับกุมผู้ตายทั้งสามคนในข้อหาลักโค ต่อมาจำเลยทั้งสี่นำตัวผู้ตายทั้งสามไปเพื่อผลักตกหน้าผาให้ถึงแก่ความตายเมื่อไปถึงบริเวณลานจอดรถห่างหน้าผาเพียง 2 เส้น จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 นำผู้ตายทั้งสามไปที่หน้าผาทีละคนจำเลยที่ 1 รออยู่บริเวณลานจอดรถนั้นเอง โดยจำเลยทั้งสี่มีเจตนาร่วมกันที่จะฆ่าผู้ตายทั้งสาม เมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ผลักผู้ตายทั้งสามตกหน้าผาตายทีละคนแล้ว จำเลยทั้งสี่ก็พากันกลับพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้งสามโดยวางแผนไว้ล่วงหน้า การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้งสามโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218: พิจารณาโทษรายกระทง
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 นั้น หมายถึงโทษแต่ละกระทง มิใช่หมายถึงเอาโทษของแต่ละกระทงมารวมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำคุกเพื่อการฎีกา: โทษแต่ละกระทงมิใช่โทษรวม
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 นั้น หมายถึงโทษแต่ละกระทง มิใช่หมายถึงเอาโทษของแต่ละกระทงมารวมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนไต่สวน: เมื่อข้อพิพาทยังไม่ชัดเจน ศาลมีอำนาจยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 255 วรรคแรก เป็นบทบัญญัติบังคับไว้ว่า ศาลจะสั่งอนุญาตตามคำร้องขอ โดยไม่ไต่สวนฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความตามอนุมาตรา (1)(2)ของมาตรา 255 เสียก่อนไม่ได้ ส่วนในกรณีที่ศาลพิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุสมควรก็ดี ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอมาใช้ก็ดี ศาลย่อมมีอำนาจสั่งยกคำร้องเสียได้โดยหาจำต้องไต่สวนฟังพยานผู้ร้องขอเสียก่อนไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเป็นที่ของจำเลย ขอให้ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องเป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่พิพาทคู่ความยังโต้แย้งฟ้องและฟ้องแย้งขอบังคับมิให้อีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างสืบพยานหลักฐานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้อยู่ จึงยังไม่มีเหตุสมควร และไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอของโจทก์ ที่ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารขัดขวางการครอบครองของโจทก์อ้างว่าเป็นการกระทำซ้ำในเรื่องที่ถูกฟ้องไว้ก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 มาใช้ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานของโจทก์ก่อน
of 29