พบผลลัพธ์ทั้งหมด 281 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2789/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อผลละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน แม้มีเหตุให้เบี่ยงเบนจากหน้าที่
ลูกจ้างได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลไร่ของนายจ้างให้ขับรถคันเกิดเหตุไปซื้อแหนบรถมาใส่รถของนายจ้างคันที่เสียลูกจ้างไปซื้อแหนบรถแล้วขณะขับกลับไร่ มีผู้ว่าจ้างให้ขับรถไปส่งมันสำปะหลังเมื่อส่งมันสำปะหลังแล้ว ขณะขับรถกลับไร่ได้เกิดชนกับรถของบุคคลอื่นโดยความประมาทของลูกจ้าง เช่นนี้ ถือว่ายังอยู่ในระหว่างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างอยู่ นายจ้างต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2789/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อผลละเมิดของลูกจ้างที่กระทำระหว่างปฏิบัติงาน แม้มีการเบี่ยงเบนจากคำสั่ง
ลูกจ้างได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลไร่ของนายจ้างให้ขับรถคัน เกิดเหตุไปซื้อแหนบรถมาใส่รถของนายจ้างคันที่เสียลูกจ้างไปซื้อแหนบรถแล้วขณะขับกลับไร่ มีผู้ว่าจ้างให้ขับรถไปส่งมันสำปะหลัง เมื่อส่งมันสำปะหลังแล้ว ขณะขับรถกลับไร่ได้เกิดชนกับรถของบุคคลอื่นโดยความประมาทของลูกจ้าง เช่นนี้ ถือว่ายังอยู่ในระหว่างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างอยู่นายจ้างต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2784/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมชอบด้วยกฎหมาย การตกทอดมรดก และข้อยกเว้นการรับมรดกตามพินัยกรรม
คู่ความยอมรับกันว่า ไม่มีอะไรที่จะต้องนำสืบกันต่อไปคงขอให้ศาลวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเพียงว่าพินัยกรรมสมบูรณ์โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เท่านั้น แล้วให้ศาลพิพากษาไปตามรูปคดี จึงเป็นที่เห็นได้ว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายต่างสละประเด็นอื่น รวมทั้งประเด็นที่ว่ามรดกรายนี้มีพินัยกรรมหรือไม่แล้ว อันเป็นการยอมรับว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมฉบับที่จำเลยอ้างจริง เป็นแต่โต้เถียงกันว่าเป็นพินัยกรรมที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เท่านั้น การที่โจทก์ และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ฎีกาว่า พินัยกรรมฉบับนั้นเป็นเพียงร่างพินัยกรรมยังไม่ได้ทำพินัยกรรมตัวจริงขึ้นเลยก็เท่ากับอุทธรณ์ฎีกาว่ามรดกรายนี้ไม่มีพินัยกรรมซึ่งเป็นประเด็นที่คู่ความทั้งสองฝ่ายต่างสละแล้วนั่นเองโจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิยกประเด็นข้อนี้ขึ้นกล่าวอ้างอีกได้
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างส่วนหนึ่งให้บุตรคนหนึ่งแต่บุตรผู้รับพินัยกรรมนั้นตายไปก่อนผู้ทำพินัยกรรมข้อกำหนดเกี่ยวกับทรัพย์สินตามพินัยกรรมนั้นจึงเป็นอันตกไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1698(1) และต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1699 ประกอบกับ มาตรา 1620 วรรคสอง ทรัพย์สินดังกล่าวต้องตกทอดแก่ผู้สืบสันดานของบุตรผู้รับพินัยกรรมซึ่งตายไปก่อนผู้ทำพินัยกรรมนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1639
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างส่วนหนึ่งให้บุตรคนหนึ่งแต่บุตรผู้รับพินัยกรรมนั้นตายไปก่อนผู้ทำพินัยกรรมข้อกำหนดเกี่ยวกับทรัพย์สินตามพินัยกรรมนั้นจึงเป็นอันตกไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1698(1) และต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1699 ประกอบกับ มาตรา 1620 วรรคสอง ทรัพย์สินดังกล่าวต้องตกทอดแก่ผู้สืบสันดานของบุตรผู้รับพินัยกรรมซึ่งตายไปก่อนผู้ทำพินัยกรรมนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1639
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า มิฉะนั้นสิทธิการเช่าไม่ตกไปยังผู้รับโอน
บันทึกข้อตกลงที่ผู้เช่าโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า ไม่มีผลให้สิทธิการเช่าของผู้เช่าโอนไปยังโจทก์
สัญญาเช่าตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ให้เช่ายินยอมให้เช่าช่วงได้แต่ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่าก่อนถ้าผู้เช่าให้โจทก์เช่าช่วงโดยผู้ให้เช่าไม่ได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับโจทก์ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้เช่า ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจให้จำเลยเช่าช่วงต่อและไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากตึกแถวที่เช่า
สัญญาเช่าตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ให้เช่ายินยอมให้เช่าช่วงได้แต่ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่าก่อนถ้าผู้เช่าให้โจทก์เช่าช่วงโดยผู้ให้เช่าไม่ได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับโจทก์ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้เช่า ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจให้จำเลยเช่าช่วงต่อและไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากตึกแถวที่เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเช่าต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า มิฉะนั้นสัญญาเช่าที่ทำกับผู้อื่นไม่มีผลผูกพัน
บันทึกข้อตกลงที่ผู้เช่าโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า ไม่มีผลให้สิทธิการเช่าของผู้เช่าโอนไปยังโจทก์
สัญญาเช่าตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ให้เช่ายินยอมให้เช่าช่วงได้แต่ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่า ก่อนถ้าผู้เช่าให้โจทก์เช่าช่วงโดยผู้ให้เช่าไม่ได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับโจทก์ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้เช่า ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจให้จำเลยเช่าช่วงต่อและไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากตึกแถวที่เช่า
สัญญาเช่าตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ให้เช่ายินยอมให้เช่าช่วงได้แต่ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่า ก่อนถ้าผู้เช่าให้โจทก์เช่าช่วงโดยผู้ให้เช่าไม่ได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับโจทก์ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้เช่า ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจให้จำเลยเช่าช่วงต่อและไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากตึกแถวที่เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นพนันต้องมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่า การใช้ของเก่าที่เจ้าของทิ้งแล้วไม่ถือเป็นพนัน
สายยางหรือยางรัดซึ่งจำเลยใช้เล่นในคดีนี้ แม้จะเป็นทรัพย์สินตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา99 แต่ก็เป็นสายยางหรือยางรัดที่ใช้แล้วเจ้าของได้สละละทิ้งมิได้หวงแหนเก็บไว้ใช้อีกต่อไป ไม่ใช่สายยางหรือยางรัดที่จำเลยซื้อมาสำหรับใช้เป็นสินพนันโดยตรง จำเลยเพียงแต่เก็บเอาทรัพย์ที่มีมูลค่าน้อยและเจ้าของทิ้งแล้วเช่นนี้ มาใช้เป็นอุปกรณ์การเล่นเพื่อให้รู้ใครแพ้ใครชนะเท่านั้น ยังไม่พอถือว่าเป็นสินพนัน จึงยังถือไม่ได้ว่าการเล่นของจำเลยเป็นการเล่นพนันเอาทรัพย์สินแก่กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเกินเหตุ: การใช้กำลังป้องกันการถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
ผู้ตายรูปร่างใหญ่กว่าจำเลยและสูงกว่าจำเลย 3-4 นิ้ว คืนเกิดเหตุฝนตกและเดือนมืด ผู้ตายเดินตามจำเลยไปจนทันแล้วผู้ตายกับจำเลยยืนหันหน้าเข้าหากันผู้ตายใช้มือขวาจับคอด้านหลังของจำเลยไว้และใช้มือซ้ายถือไม้รวกตีจำเลยถูกที่ต้นคอ แก้ม และที่หน้าผากรุนแรงหลายทีจนหน้าผากมีรอยบุ๋ม จำเลยเอามีดปลายแหลมแทงสวนไปในที่มืดในระยะประชิดติดพัน 2 ทีโดยไม่มีโอกาสเลือกแทงให้ถูกที่สำคัญ แผลแรกเพียงผิวหนังขาดเลือดซึม เมื่อผู้ตายยังไม่หยุดตีจำเลย จำเลยจึงแทงผู้ตายอีกทีหนึ่งเพื่อหยุดยั้งการตีถูกผู้ตายที่ใต้นมขวาบนสะดือ ลึกทะลุเข้าไปในทรวงอกถึงแก่ความตาย เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยให้การปฏิเสธในการสืบพยาน โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานในขณะเกิดเหตุคงมีพยานเพียงว่าได้ยินเสียงผู้ตายร้องบอกภริยาว่าจำเลยแทงตนเท่านั้น ส่วนจำเลยนำสืบว่าจำเลยแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตนดังนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์ประกอบพยานหลักฐานของจำเลยว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันจริงหรือไม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยให้การปฏิเสธในการสืบพยาน โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานในขณะเกิดเหตุคงมีพยานเพียงว่าได้ยินเสียงผู้ตายร้องบอกภริยาว่าจำเลยแทงตนเท่านั้น ส่วนจำเลยนำสืบว่าจำเลยแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตนดังนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์ประกอบพยานหลักฐานของจำเลยว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันจริงหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาทแย่งมีด ศาลฎีกายืนโทษจำเลย
จำเลยกับผู้ตายได้วิวาทกอดปล้ำทำร้ายกัน ผู้ตายหยิบมีดดาบยาวประมาณ 1 แขน ฟันจำเลยที่แขนและที่ศีรษะจำเลยแย่งมีดดาบนั้นมาฟันผู้ตาย 3 ครั้ง สองครั้งแรกถูกที่แขนทั้งสองข้าง ครั้งสุดท้ายฟันที่ชายโครงขวาจนมีดดาบหักจากด้าม เป็นบาดแผลฉีกขาดยาว 15 เซนติเมตร กระดูกซี่โครงหัก 1 ซี่ แสดงว่าจำเลยฟันผู้ตายเต็มแรงและด้วยกำลังโกรธ โดยมุ่งประหัตประหาร ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
เมื่อจำเลยกับผู้ตายสมัครใจต่อสู้กัน จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันไม่ได้ และการกระทำดังกล่าวก็ไม่เป็นบันดาลโทสะตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยกับผู้ตายสมัครใจต่อสู้กัน จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันไม่ได้ และการกระทำดังกล่าวก็ไม่เป็นบันดาลโทสะตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ถูกยิงก่อนตายเป็นพยานหลักฐานได้
ผู้ตายถูกยิงมีบาดแผลหลายแห่ง เสียเลือดมากมีอาการช็อคคล้ายเป็นลม แต่ยังมีสติพูดได้ ได้เล่าให้พยานโจทก์ฟังว่าจำเลยเป็นคนยิงตน หลังจากเล่าไม่นานก็ถึงแก่ความตายเช่นนี้ ผู้ตายต้องรู้ตัวแน่ว่าตนจะต้องตายคำบอกเล่าของผู้ตายที่กล่าวในขณะที่รู้ตัวดีแล้วว่ากำลังใกล้จะตาย ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2407-2408/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับ เพราะคำขอฎีกาขัดแย้งกับคำขอในอุทธรณ์ และไม่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่หรือกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับคดีไปตามฟ้องแย้ง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาในประเด็นบางข้อ และพิพากษาใหม่ทุกประเด็น เป็นการสมประโยชน์ตามคำขอของจำเลยในชั้นอุทธรณ์แล้ว จำเลยจะฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์.โดยไม่ต้องสืบพยานอีกไม่ได้ เพราะเป็นคำขอที่ขัดกันกับคำขอของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอของจำเลยแล้ว
ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์กล่าวไว้ว่า ยังไม่จำต้องวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์นั้น หากจำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบประการใด เป็นฎีกาที่จำเลยไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์กล่าวไว้ว่า ยังไม่จำต้องวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์นั้น หากจำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบประการใด เป็นฎีกาที่จำเลยไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้