พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,490 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องผิดสัญญาจ้าง: รายละเอียดเงินขาดไม่จำเป็นในฟ้อง และอายุความตามสัญญาจ้าง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบเก็บรักษาเงินที่ได้จากการขายของหน้าร้าน รักษาเงินที่ส่งเป็นรายได้ของร้านและเบิกจ่ายเงินแล้วเงินขาดหายไปจากบัญชีจำนวนหนึ่งโดยไม่ได้แสดงว่าเงินที่ขาดบัญชีเป็นเงินประเภทใด จำนวนเท่าใด ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยย่อมจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ว่ามีเงินอยู่ถูกต้องตรงกับบัญชีหรือขาดจากบัญชีไปเท่าใด ส่วนรายการว่าเงินที่ขาดบัญชีเป็นเงินประเภทใดเป็นรายละเอียดที่ไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง
แม้ถ้อยคำในฟ้องบางตอนจะใช้คำว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย แต่ก็ได้บรรยายรายละเอียดว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่อันเกิดขึ้นจากสัญญาจ้างแรงงาน จึงเป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาจ้างแรงงาน และจะนำอายุความในเรื่องละเมิดมาปรับแก่คดีไม่ได้(ข้อกฎหมายข้อหลังประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2513)
แม้ถ้อยคำในฟ้องบางตอนจะใช้คำว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย แต่ก็ได้บรรยายรายละเอียดว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่อันเกิดขึ้นจากสัญญาจ้างแรงงาน จึงเป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาจ้างแรงงาน และจะนำอายุความในเรื่องละเมิดมาปรับแก่คดีไม่ได้(ข้อกฎหมายข้อหลังประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนจากการขายเชื่อเกินอำนาจ และผลกระทบของการบังคับคดีสำเร็จต่อความรับผิด
จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์ ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้ ป. และ ส. ไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้. และขายมะพร้าวเชื่อให้ ต.และง.เกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้.จำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าว ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812. ข้อที่โจทก์เคยฟ้องเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าว แล้วถอนฟ้อง. เหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้.และยังปล่อยให้หนี้ขาดอายุความ. จำเลยจึงยังต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้น. เพราะโจทก์ไม่มีทางรับชำระหนี้อีกต่อไป.
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย. โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้.เพราะ พ. หลบหนีไป. โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้.ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป. โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้. จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512).
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย. โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้.เพราะ พ. หลบหนีไป. โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้.ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป. โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้. จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนจากการขายเชื่อเกินอำนาจและการขาดหลักฐานการซื้อขาย
จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์ ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้ ป. และ ส. ไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้ และขายมะพร้าวเชื่อให้ ต. และ ง. เกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้ จำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าว ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 812 ข้อที่โจทก์เคยฟ้องเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าว แล้วถอนฟ้อง เหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้ และยังปล่อยให้หนี้ขาดอายุความ จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้น เพราะโจทก์ไม่มีทางรับชำระหนี้อีกต่อไป
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ. เกินอำนาจของจำเลย โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้เพราะ พ.หลบหนีไป โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ.ลูกหนี้ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมครั้งที่ 20-22/2512)
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ. เกินอำนาจของจำเลย โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้เพราะ พ.หลบหนีไป โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ.ลูกหนี้ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมครั้งที่ 20-22/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนจากการขายเชื่อเกินอำนาจและการละเลยหลักฐานการซื้อขาย
จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์ ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้ ป. และ ส. ไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้ และขายมะพร้าวเชื่อให้ ต.และง.เกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้ จำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าว ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812 ข้อที่โจทก์เคยฟ้องเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าว แล้วถอนฟ้อง เหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้และยังปล่อยให้หนี้ขาดอายุความ จำเลยจึงยังต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้น เพราะโจทก์ไม่มีทางรับชำระหนี้อีกต่อไป
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้ เพราะ พ. หลบหนีไป โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512)
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้ เพราะ พ. หลบหนีไป โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลาง: สัญญาจ้างแรงงาน มิใช่สัญญาฝากทรัพย์ อายุความ 10 ปี
กรมป่าไม้ทำสัญญาจ้างผู้รับจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลาง. ซึ่งเจ้าพนักงานป่าไม้จับได้และยังอยู่ที่ตอที่ถูกตัดโค่นในป่า. ระบุชื่อสัญญาว่า 'สัญญาจ้างเฝ้ารักษา' มีข้อสัญญาว่าผู้รับจ้างยอมรับเฝ้ารักษาไม้ของกลางโดยคิดอัตราค่าจ้างเป็นรายท่อนต่อเดือน. นับแต่วันทำสัญญา. ถ้าไม้ซึ่งรับจ้างเฝ้ารักษาขาดหายหรือเป็นอันตราย. ผู้รับจ้างยอมให้ปรับไหมเป็นรายท่อนตามจำนวนที่สูญหายหรือเป็นอันตราย. ระหว่างเวลาที่ผู้รับจ้างรับผิดชอบเฝ้ารักษา. กรมป่าไม้ผู้จ้างอาจขนไม้ของกลางทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไปจากที่เดิมในเวลาใดๆ ก็ได้. แต่ต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบและทำใบรับไม้ให้ไว้. สัญญานี้เป็นสัญญาจ้างแรงงาน. มิใช่สัญญาฝากทรัพย์. เพราะอำนาจการครอบครองไม้ของกลางยังอยู่แก่กรมป่าไม้ผู้จ้าง. ผู้รับจ้างเพียงแต่เฝ้ารักษาระวัง.มิให้ผู้ใดมาลักหรือเกิดภัยพิบัติ. ไม้ของกลางยังอยู่ในป่าตามเดิม. ผู้รับจ้างมิได้ชักลากไปเก็บไว้ในความอารักขาของตน.
สิทธิเรียกร้องค่าปรับตามสัญญาจ้างแรงงาน. กฎหมายมิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นโดยเฉพาะ. จึงอยู่ในบังคับอายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนดสิบปี.
สิทธิเรียกร้องค่าปรับตามสัญญาจ้างแรงงาน. กฎหมายมิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นโดยเฉพาะ. จึงอยู่ในบังคับอายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนดสิบปี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลางเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ไม่ใช่สัญญาฝากทรัพย์ อายุความ 10 ปี
กรมป่าไม้ทำสัญญาจ้างผู้รับจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลาง ซึ่งเจ้าพนักงานป่าไม้จับได้และยังอยู่ที่คอที่ถูกตัดโค่นในป่า ระบุชื่อสัญญาว่า "สัญญาจ้างเฝ้ารักษา" มีข้อสัญญาว่าผู้รับจ้างยอมรับเฝ้ารักษาไม้ของกลางโดยคิดอัตราค่าจ้างเป็นรายท่อนต่อเดือน นับแต่วันทำสัญญา ถ้าไม้ซึ่งรับจ้างเฝ้ารักษาขาดหายหรือเป็นอันตราย ผู้รับจ้างยอมให้ปรับไหมเป็นรายท่อนตามจำนวนที่สูญหายหรือเป็นอันตราย ระหว่างเวลาที่ผู้รับจ้างรับผิดชอบเฝ้ารักษา กรมป่าไม้ผู้จ้างอาจชนไม้ของกลางทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไปจากที่เดิมในเวลาใด ๆ ก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบและทำใบรับไม้ให้ไว้ สัญญานี้เป็นสัญญาจ้างแรงงาน มิใช่สัญญาฝากทรัพย์ เพราะอำนาจการครอบครองไม้ของกลางยังอยู่แก่กรมป่าไม้ผู้จ้าง ผู้รับจ้างเพียงแต่เฝ้ารักษาระวังมิให้ผู้ใดมาลักหรือเกิดภัยพิบัติ ไม้ของกลางยังอยู่ในป่าตามเดิม ผู้รับจ้างมิได้ชักลากไปเก็บไว้ในความอารักขาของตน
สิทธิเรียกร้องค่าปรับตามสัญญาจ้างแรงงาน กฎหมายมิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นโดยเฉพาะ จึงอยู่ในบังคับอายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนดสิบปี
สิทธิเรียกร้องค่าปรับตามสัญญาจ้างแรงงาน กฎหมายมิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นโดยเฉพาะ จึงอยู่ในบังคับอายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนดสิบปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลางเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ไม่ใช่สัญญาฝากทรัพย์ อายุความ 10 ปี
กรมป่าไม้ทำสัญญาจ้างผู้รับจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลางซึ่งเจ้าพนักงานป่าไม้จับได้และยังอยู่ที่ตอที่ถูกตัดโค่นในป่าระบุชื่อสัญญาว่า 'สัญญาจ้างเฝ้ารักษา' มีข้อสัญญาว่าผู้รับจ้างยอมรับเฝ้ารักษาไม้ของกลางโดยคิดอัตราค่าจ้างเป็นรายท่อนต่อเดือนนับแต่วันทำสัญญาถ้าไม้ซึ่งรับจ้างเฝ้ารักษาขาดหายหรือเป็นอันตรายผู้รับจ้างยอมให้ปรับไหมเป็นรายท่อนตามจำนวนที่สูญหายหรือเป็นอันตราย ระหว่างเวลาที่ผู้รับจ้างรับผิดชอบเฝ้ารักษากรมป่าไม้ผู้จ้างอาจขนไม้ของกลางทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไปจากที่เดิมในเวลาใดๆ ก็ได้แต่ต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบและทำใบรับไม้ให้ไว้ สัญญานี้เป็นสัญญาจ้างแรงงานมิใช่สัญญาฝากทรัพย์ เพราะอำนาจการครอบครองไม้ของกลางยังอยู่แก่กรมป่าไม้ผู้จ้างผู้รับจ้างเพียงแต่เฝ้ารักษาระวังมิให้ผู้ใดมาลักหรือเกิดภัยพิบัติไม้ของกลางยังอยู่ในป่าตามเดิม ผู้รับจ้างมิได้ชักลากไปเก็บไว้ในความอารักขาของตน
สิทธิเรียกร้องค่าปรับตามสัญญาจ้างแรงงาน กฎหมายมิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นโดยเฉพาะจึงอยู่ในบังคับอายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนดสิบปี
สิทธิเรียกร้องค่าปรับตามสัญญาจ้างแรงงาน กฎหมายมิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นโดยเฉพาะจึงอยู่ในบังคับอายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนดสิบปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้างกรณีรถร่วม: แม้เจ้าของรถจ่ายเงินเดือน แต่บริษัทมีอำนาจควบคุมและรับผิดชอบต่อการกระทำของคนขับ
รถยนต์โดยสารเลขทะเบียน ร.บ.00844 เป็นของ ซ. นำมาเดินร่วมกับบริษัทจำเลยในเส้นทางสัมปทาน รถที่เข้ามาเดินร่วมเช่นนี้ต้องตีเบอร์ ใช้ตรา และทาสีของบริษัทจำเลยทั้งรถ คนขับ และคนเก็บตั๋ว ต้องอยู่ในระเบียบข้อบังคับของบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยมีสิทธิไล่ออก ส่วนการจ่ายเงินเดือนให้คนขับและคนเก็บตั๋วเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถ ดังนี้ แม้รถคันนี้จะเป็นของ ซ. แต่ ซ. ยินยอมให้บริษัทจำเลยนำมาใช้เดินรับส่งคนโดยสารบนเส้นทางสัมปทานของบริษัทจำเลย ในกิจการของบริษัทจำเลย ในนามและในฐานะที่เป็นรถของบริษัทจำเลย หาใช่ ซ. นำมาเดินรับส่งคนโดยสารเป็นส่วนตัวไม่ และการที่บริษัทจำเลยคิดค่าธรรมเนียมจาก ซ. ในการนำรถมาเดินร่วม ก็เป็นวิธีการแบ่งผลประโยชน์รายได้ระหว่างกันอย่างหนึ่ง ได้ชื่อว่าบริษัทจำเลยมีและใช้รถคันนี้อย่างที่เป็นของบริษัทจำเลยในกิจการของบริษัทจำเลยแล้ว โดยบริษัทจำเลยและ ซ. มีผลประโยชน์ร่วมกันในการนี้ การที่ ส. ได้ยินยอมเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารในกิจการของบริษัทจำเลย โดยที่ ซ. นำเข้ามา นับว่า ส. มีฐานะเป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยปฏิบัติหน้าที่ขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารในทางการที่จำเลยจ้างด้วย ใครจะเป็นผู้จัดหา ส. มาขับรถไม่สำคัญ และแม้ ซ. จะเป็นผู้จ่ายเงินเดือนให้ ส.ก็เป็นเพียงข้อตกลงภายในระหว่างบริษัทจำเลยกับ ซ. ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน และเป็นการปฏิบัติตามระเบียบของบริษัทจำเลยเท่านั้น ไม่ทำให้การเป็นนายจ้างและลูกจ้างระหว่างบริษัทจำเลยกับ ส. เปลี่ยนแปลงไป เมื่อ ส.ปฏิบัติหน้าที่ขับรถในกิจการของบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยย่อมต้องร่วมรับผิดกับ ส. ในผลแห่งละเมิดซึ่ง ส. กระทำไปนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้างในกรณีรถร่วม: แม้เจ้าของรถจ่ายเงินเดือน แต่หากอยู่ภายใต้การควบคุมและระเบียบของบริษัทเดินรถ ถือเป็นลูกจ้างของบริษัท
รถยนต์โดยสารเลขทะเบียน ร.บ.00844เป็นของซ. นำมาเดินร่วมกับบริษัทจำเลยในเส้นทางสัมปทาน. รถที่เข้ามาเดินร่วมเช่นนี้ต้องตีเบอร์ ใช้ตรา และทาสีของบริษัทจำเลย.ทั้งรถ คนขับ และคนเก็บตั๋ว ต้องอยู่ในระเบียบข้อบังคับของบริษัทจำเลย. บริษัทจำเลยมีสิทธิไล่ออก. ส่วนการจ่ายเงินเดือนให้คนขับและคนเก็บตั๋วเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถ. ดังนี้ แม้รถคันนี้จะเป็นของ ซ.แต่ซ. ยินยอมให้บริษัทจำเลยนำมาใช้เดินรับส่งคนโดยสารบนเส้นทางสัมปทานของบริษัทจำเลย ในกิจการของบริษัทจำเลย ในนามและในฐานะที่เป็นรถของบริษัทจำเลย. หาใช่ ซ. นำมาเดินรับส่งคนโดยสารเป็นส่วนตัวไม่. และการที่บริษัทจำเลยคิดค่าธรรมเนียมจาก ซ. ในการนำรถมาเดินร่วม ก็เป็นวิธีการแบ่งผลประโยชน์รายได้ระหว่างกันอย่างหนึ่ง. ได้ชื่อว่าบริษัทจำเลยมีและใช้รถคันนี้อย่างที่เป็นของบริษัทจำเลยในกิจการของบริษัทจำเลยแล้ว โดยบริษัทจำเลยและ ซ. มีผลประโยชน์ร่วมกันในการนี้. การที่ ส. ได้ยินยอมเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารในกิจการของบริษัทจำเลย โดยที่ ซ.นำเข้ามา.นับว่าส. มีฐานะเป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยปฏิบัติหน้าที่ขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารในทางการที่จำเลยจ้างด้วย. ใครจะเป็นผู้จัดหา ส. มาขับรถไม่สำคัญ. และแม้ ซ.จะเป็นผู้จ่ายเงินเดือนให้ส.ก็เป็นเพียงข้อตกลงภายในระหว่างบริษัทจำเลยกับ ซ. ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน และเป็นการปฏิบัติตามระเบียบของบริษัทจำเลยเท่านั้น. ไม่ทำให้การเป็นนายจ้างและลูกจ้างระหว่างบริษัทจำเลยกับ ส.เปลี่ยนแปลงไป.เมื่อส.ปฏิบัติหน้าที่ขับรถในกิจการของบริษัทจำเลย. บริษัทจำเลยย่อมต้องร่วมรับผิดกับ ส.ในผลแห่งละเมิดซึ่งส. กระทำไปนั้นด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง แม้เจ้าของรถจ่ายเงินเดือนคนขับ แต่บริษัทเดินรถมีอำนาจควบคุมและรับผิดชอบ
รถยนต์โดยสารเลขทะเบียน ร.บ.00844เป็นของซ. นำมาเดินร่วมกับบริษัทจำเลยในเส้นทางสัมปทาน รถที่เข้ามาเดินร่วมเช่นนี้ต้องตีเบอร์ ใช้ตรา และทาสีของบริษัทจำเลย ทั้งรถ คนขับ และคนเก็บตั๋ว ต้องอยู่ในระเบียบข้อบังคับของบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยมีสิทธิไล่ออก ส่วนการจ่ายเงินเดือนให้คนขับและคนเก็บตั๋วเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถ ดังนี้ แม้รถคันนี้จะเป็นของ ซ.แต่ซ. ยินยอมให้บริษัทจำเลยนำมาใช้เดินรับส่งคนโดยสารบนเส้นทางสัมปทานของบริษัทจำเลย ในกิจการของบริษัทจำเลย ในนามและในฐานะที่เป็นรถของบริษัทจำเลย หาใช่ ซ. นำมาเดินรับส่งคนโดยสารเป็นส่วนตัวไม่ และการที่บริษัทจำเลยคิดค่าธรรมเนียมจาก ซ. ในการนำรถมาเดินร่วม ก็เป็นวิธีการแบ่งผลประโยชน์รายได้ระหว่างกันอย่างหนึ่ง ได้ชื่อว่าบริษัทจำเลยมีและใช้รถคันนี้อย่างที่เป็นของบริษัทจำเลยในกิจการของบริษัทจำเลยแล้ว โดยบริษัทจำเลยและ ซ. มีผลประโยชน์ร่วมกันในการนี้ การที่ ส. ได้ยินยอมเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารในกิจการของบริษัทจำเลย โดยที่ ซ.นำเข้ามา.นับว่าส. มีฐานะเป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยปฏิบัติหน้าที่ขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารในทางการที่จำเลยจ้างด้วย ใครจะเป็นผู้จัดหา ส. มาขับรถไม่สำคัญ และแม้ ซ.จะเป็นผู้จ่ายเงินเดือนให้ส.ก็เป็นเพียงข้อตกลงภายในระหว่างบริษัทจำเลยกับ ซ. ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน และเป็นการปฏิบัติตามระเบียบของบริษัทจำเลยเท่านั้น ไม่ทำให้การเป็นนายจ้างและลูกจ้างระหว่างบริษัทจำเลยกับ ส.เปลี่ยนแปลงไป.เมื่อส.ปฏิบัติหน้าที่ขับรถในกิจการของบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยย่อมต้องร่วมรับผิดกับ ส. ในผลแห่งละเมิดซึ่ง ส. กระทำไปนั้นด้วย