คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 36

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์รถจากการขายระหว่างการพิจารณาคดี ทำให้ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอคืนรถที่ศาลสั่งริบ
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์อยู่ในขณะที่มีการใช้รถจักรยานยนต์กระทำความผิด แต่ระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นผู้ร้องได้ขายรถจักรยานยนต์ให้บุคคลภายนอกไป บุคคลภายนอกนั้นจึงเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์นับแต่ที่ผู้ร้องได้ขายให้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบย่อมตกเป็นของแผ่นดิน บุคคลภายนอกผู้ซื้อไว้ไม่มีกรรมสิทธิ์อีกต่อไป แม้ผู้ร้องจะซื้อรถจักรยานยนต์คืนมา ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์และไม่มีสิทธิร้องขอคืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของกลางเปลี่ยนแปลงหลังการขาย แม้ผู้ร้องเป็นเจ้าของเดิม
แม้ในขณะที่มีการใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิด ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางก็ตาม แต่ในระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น ผู้ร้องได้ขายรถจักรยานยนต์ของกลางให้บุคคลภายนอกไปบุคคลภายนอกจึงเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางนับแต่ที่ผู้ร้องได้ขายให้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง รถจักรยานยนต์ของกลางย่อมตกเป็นของแผ่นดิน บุคคลภายนอกผู้ซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางก็ไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์คันนั้นอีกต่อไป แม้ผู้ร้องจะซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางคืนมาและเปลี่ยนหมายเลขทะเบียนใหม่ ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ของกลาง และไม่มีสิทธิร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนตาม ป.อ. มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ที่ถูกริบจากการกระทำความผิด ผู้ซื้อคืนไม่มีสิทธิเรียกร้อง
แม้ในขณะที่มีการใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิดผู้ร้องจะเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางก็ตามแต่ในระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นผู้ร้องได้ขายรถจักรยานยนต์ของกลางให้บุคคลภายนอกบุคคลภายนอกจึงเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางนับแต่ที่ผู้ร้องได้ขายให้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางรถจักรยานยนต์ของกลางย่อมตกเป็นของแผ่นดินบุคคลภายนอกผู้ซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางก็ไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์คันนั้นอีกต่อไปแม้ผู้ร้องจะซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางคืนมาและเปลี่ยนหมายเลขทะเบียนใหม่ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ของกลางและไม่มีสิทธิร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถที่ถูกริบหลังการขาย – สิทธิในการขอคืนหลังซื้อคืน
แม้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางในขณะที่มีการใช้รถดังกล่าวกระทำความผิดแต่เมื่อระหว่างพิจารณาคดีผู้ร้องขายให้บุคคลภายนอกไปบุคคลภายนอกจึงเป็นเจ้าของนับแต่นั้นเมื่อศาลพิพากษาให้ริบรถย่อมตกเป็นของแผ่นดินแม้ต่อมาผู้ร้องจะซื้อรถนั้นคืนมาจากบุคคลภายนอกก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์และไม่มีสิทธิร้องขอคืนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อหลังผ่อนชำระครบก่อนศาลสั่งริบ ผู้เช่าซื้อมีสิทธิขอคืนได้ แม้ผู้กระทำผิดใช้รถ
ขณะจำเลยใช้รถยนต์ของกลางกระทำความผิดผู้ร้องเป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ของกลางแต่เมื่อผู้ร้องได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อครบก่อนที่ศาลจะสั่งริบผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางและเมื่อผู้ร้องและผู้ให้เช่าซื้อมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดก็ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถเช่าซื้อหลังถูกใช้กระทำผิด: ผู้เช่าซื้อมีสิทธิขอคืนได้หากไม่มีส่วนรู้เห็น
แม้ผู้ร้องเป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ของกลางขณะจำเลยใช้รถดังกล่าวกระทำความผิดแต่เมื่อผู้ร้องได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อครบก่อนที่ศาลจะสั่งริบผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถนั้นได้และเมื่อผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดก็ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อหลังผ่อนชำระครบ: สิทธิในการขอคืนรถยนต์ของกลาง
ขณะจำเลยใช้รถยนต์ของกลางกระทำความผิด ผู้ร้องเป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ของกลาง แต่เมื่อผู้ร้องได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อครบก่อนที่ศาลจะสั่งริบผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง และเมื่อผู้ร้องและผู้ให้เช่าซื้อมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ก็ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9052/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดรถเช่าซื้อของผู้ให้เช่าซื้อโดยไม่สุจริตและข้อจำกัดในการฎีกา
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า การที่ผู้ร้องติดตามรถจักรยานยนต์คืนเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยปริยายนั้น ผู้ร้องเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามสัญญาเช่าซื้อได้ระบุว่า หากเกิดความเสียหายหรือสูญหายแก่ทรัพย์ที่เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อยินยอมรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังคงค้างชำระอยู่ทั้งสิ้นหากปรากฏว่าทรัพย์ที่เช่าซื้อชำรุดเสียหายหรือบุบสลาย ผู้เช่าซื้อยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งสิ้น ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้องวดใดงวดหนึ่ง ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและกลับเข้ายึดถือครอบครองทรัพย์ที่เช่าซื้อ เมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิครอบครองรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อต่อไป ผู้ร้องเพิ่งได้มอบอำนาจให้ จ.ติดตามยึดรถจักรยานยนต์คืนหลังจากรถจักรยานยนต์ถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้แล้วถึง 4 เดือนเศษ และหลังจากผู้เช่าซื้อขาดส่งค่าเช่าซื้อเป็นเวลา 8 เดือนเศษ โดยไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก่อนนอกจากนี้หากผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระครบถ้วน ผู้ร้องก็ยินยอมให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวต่อไป จึงแสดงว่าผู้ร้องไม่มีความประสงค์จะยึดรถจักรยานยนต์ของกลางคืนจากผู้เช่าซื้อแต่ประการใด พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าผู้ร้องร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อแต่ฝ่ายเดียวผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9052/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขอคืนทรัพย์เช่าซื้อ: การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อและการบอกเลิกสัญญา
ที่ผู้ร้องฎีกาว่าการที่ผู้ร้องติดตามรถจักรยานยนต์คืนเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยปริยายนั้นผู้ร้องเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาจึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195ประกอบด้วยมาตรา225ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ตามสัญญาเช่าซื้อได้ระบุว่าหากเกิดความเสียหายหรือสูญหายแก่ทรัพย์ที่เช่าซื้อผู้เช่าซื้อยินยอมรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังคงค้างชำระอยู่ทั้งสิ้นหากปรากฏว่าทรัพย์ที่เช่าซื้อชำรุดเสียหายหรือบุบสลายผู้เช่าซื้อยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งสิ้นถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่างวดใดงวดหนึ่งผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและกลับเข้ายึดถือครอบครองทรัพย์ที่เช่าซื้อเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิครอบครองรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อต่อไปผู้ร้องเพิ่งได้มอบอำนาจให้จ. ติดตามยึดรถจักรยานยนต์คืนหลังจากรถจักรยานยนต์ถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้แล้วถึง4เดือนเศษและหลังจากผู้เช่าซื้อขาดส่งค่าเช่าซื้อเป็นเวลา8เดือนเศษโดยไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก่อนนอกจากนี้หากผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระครบถ้วนผู้ร้องก็ยินยอมให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวต่อไปจึงแสดงว่าผู้ร้องไม่มีความประสงค์จะยึดรถจักรยานยนต์ของกลางคืนจากผู้เช่าซื้อแต่ประการใดพฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าผู้ร้องร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อแต่ฝ่ายเดียวผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7691/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขอคืนของกลางสงวนไว้สำหรับเจ้าของทรัพย์ที่แท้จริงขณะยื่นคำร้อง ตาม ป.อ. มาตรา 36
เดิมผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันของกลาง ได้ให้ ส.เช่าซื้อ ต่อมา ส.ผิดสัญญา ผู้ร้องจึงบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ แต่ยังไม่ได้รับรถยนต์คืนในระหว่างนั้นจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของ ส. นำรถยนต์ไปกระทำความผิดจึงถูกจับดำเนินคดี แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่ริบรถยนต์คันของกลาง ผู้ร้องได้รับรถยนต์คืนจาก ส.แล้วนำไปขายให้ ว. ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ริบรถยนต์คันของกลาง ผู้ร้องจึงมาร้องขอคืนรถยนต์คันของกลาง ดังนี้ ขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางผู้ร้องได้ขายรถยนต์ให้แก่ ว.ไปแล้ว ผู้ร้องจึงมิได้เป็นเจ้าของที่แท้จริงของรถยนต์คันของกลางในขณะที่ยื่นคำร้อง ตาม ป.อ. มาตรา 36 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์คันของกลาง
of 48