พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7323/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถเช่าซื้อ และความรับผิดทางอาญาของผู้ให้เช่าซื้อ
รถยนต์กระบะของกลางเป็นของผู้ร้อง แม้ต่อมาผู้ร้องจะทำสัญญากับ ป. และส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวให้ ป. นำไปใช้ แต่สัญญาที่ผู้ร้องกับ ป. ทำขึ้นตามเอกสารหมาย ร.5 นั้นมีข้อความเห็นได้ชัดว่า เป็นสัญญาเช่าซื้อหาได้เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดไม่รถยนต์กระบะดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง แม้สัญญาเช่าซื้อข้อ 6 ระบุว่า หากผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดติดต่อกัน เจ้าของมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้โดยทันที และทางนำสืบของผู้ร้องที่ว่า ป. ชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดเพียงงวดเดียวแล้วไม่ชำระอีกจนรถยนต์กระบะของกลางถูกริบ อันเป็นการผิดนัดชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดติดต่อกัน แต่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา เป็นที่เห็นได้ว่าเพื่อประสงค์จะได้รับเงินค่าเช่าซื้อให้ครบถ้วน ซึ่งผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดจนกว่าสัญญาเช่าซื้อจะสิ้นสุดลงนั้น กรณีดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับความผิดทางอาญา หาถือได้ว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดไม่ ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์กระบะดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7323/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อ: ผู้ให้เช่าซื้อยังคงมีกรรมสิทธิ์จนกว่าจะชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน ไม่ถือเป็นการรู้เห็นเป็นใจกับความผิด
รถยนต์กระบะของกลางเป็นของผู้ร้อง แม้ต่อมาผู้ร้องจะทำสัญญากับ ป. และส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวให้ ป. นำไปใช้ แต่สัญญาที่ผู้ร้องกับ ป.ทำขึ้นตามเอกสารหมาย ร.5 นั้นมีข้อความเห็นได้ชัดว่า เป็นสัญญาเช่าซื้อหาได้เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดไม่ รถยนต์กระบะดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
แม้สัญญาเช่าซื้อข้อ 6 ระบุว่า หากผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดติดต่อกัน เจ้าของมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้โดยทันที และทางนำสืบของผู้ร้องที่ว่า ป. ชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดเพียงงวดเดียวแล้วไม่ชำระอีกจนรถยนต์กระบะของกลางถูกริบ อันเป็นการผิดนัดชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดติดต่อกัน แต่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา เป็นที่เห็นได้ว่าเพื่อประสงค์จะได้รับเงินค่าเช่าซื้อให้ครบถ้วน ซึ่งผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดจนกว่าสัญญาเช่าซื้อจะสิ้นสุดลงนั้น กรณีดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับความผิดทางอาญา หาถือได้ว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดไม่ ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์กระบะดังกล่าวได้
แม้สัญญาเช่าซื้อข้อ 6 ระบุว่า หากผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดติดต่อกัน เจ้าของมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้โดยทันที และทางนำสืบของผู้ร้องที่ว่า ป. ชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดเพียงงวดเดียวแล้วไม่ชำระอีกจนรถยนต์กระบะของกลางถูกริบ อันเป็นการผิดนัดชำระเงินค่าประจำงวดถึงสองงวดติดต่อกัน แต่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา เป็นที่เห็นได้ว่าเพื่อประสงค์จะได้รับเงินค่าเช่าซื้อให้ครบถ้วน ซึ่งผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดจนกว่าสัญญาเช่าซื้อจะสิ้นสุดลงนั้น กรณีดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับความผิดทางอาญา หาถือได้ว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดไม่ ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์กระบะดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5783/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอคืนรถยนต์ของกลาง กรณีเช่าซื้อยังไม่ครบสัญญา กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ
รถยนต์ของกลางเป็นของบริษัท ต. ที่ผู้ร้องเช่าซื้อและชำระราคายังไม่ครบถ้วนตามสัญญา กรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางยังเป็นของบริษัท ต. ผู้ร้องมิใช่เจ้าของรถยนต์ของกลางจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5783/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองรถยนต์เช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนเนื่องจากกรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ
รถยนต์ของกลางเป็นของบริษัท ต. ที่ผู้ร้องเช่าซื้อและชำระราคายังไม่ครบถ้วนตามสัญญา กรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางยังเป็นของบริษัท ต.ผู้ร้องมิใช่เจ้าของรถยนต์ของกลาง จึงไม่มีสิทธิร้องขอคืน ตาม ป.อ. มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3070/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อ: ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิได้รับคืน แม้จำเลยใช้รถกระทำผิด
เดิมรถจักรยานยนต์ของกลางที่ศาลมีคำสั่งให้ริบเป็นของ ว.ซึ่งจำเลยที่ 1 ไปติดต่อขอเช่าซื้อมา แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1มีเงินไม่พอจึงไปติดต่อผู้ร้องเพื่อทำสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องจึงได้ซื้อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจาก ว. และได้ให้จำเลยที่ 1เช่าซื้ออีกทอดหนึ่ง ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์จึงตกเป็นของผู้ร้องแล้วโดยผู้ร้องไม่จำเป็นต้องเอารถจักรยานยนต์เข้ามาอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องก่อน และไม่จำต้องโอนใส่ชื่อผู้ร้องในคู่มือการจดทะเบียนด้วย ทั้งการทำสัญญาเช่าซื้อนี้ก็มิใช่นิติกรรมอำพรางการกู้เงินของจำเลยที่ 1 เพื่อไปซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางด้วย เมื่อผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จึงต้องคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3055/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิดและการโต้แย้งคำพิพากษาเดิมของผู้ร้อง
ในชั้นพิจารณาที่จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิดจำเลยได้ให้การสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดและการพาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกวิ่งราวทรัพย์ไปคดีถึงที่สุดแล้ว แม้คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางก็ตามแต่การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนของกลางแล้วกล่าวอ้างว่าในขณะกระทำความผิดจำเลยมิได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำผิดเป็นการโต้แย้งคำพิพากษาเช่นนี้ ผู้ร้องจะต้องนำสืบให้ได้ความดังที่กล่าวอ้าง แต่ทางพิจารณาผู้ร้องนำสืบไม่ได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดในทางตรงกันข้ามจำเลยทั้งสองกลับเบิกความเป็นพยานผู้ร้องว่าจำเลยใช้รถยนต์ของกลางไปกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ดังนี้จึงต้องฟังว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3055/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การใช้ทรัพย์สินในการกระทำความผิด: คำพิพากษาผูกพันหรือไม่
ในชั้นพิจารณาที่จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิด จำเลยได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดและการพาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกวิ่งราวทรัพย์ไป คดีถึงที่สุดแล้ว แม้คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางก็ตาม แต่การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนของกลางแล้วกล่าวอ้างว่าในขณะกระทำความผิดจำเลยมิได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำผิด เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาเช่นนี้ ผู้ร้องจะต้องนำสืบให้ได้ความดังที่กล่าวอ้าง แต่ทางพิจารณาผู้ร้องนำสืบไม่ได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด ในทางตรงกันข้ามจำเลยทั้งสองกลับเบิกความเป็นพยานผู้ร้องว่าจำเลยได้ใช้รถยนต์ของกลางไปกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ดังนี้จึงต้องฟังว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2875/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์เรือและของกลาง: สิทธิการขอคืนของกลางของผู้เสียหายจากการกระทำผิดของผู้อื่น
ใบสำคัญรับรองการตรวจเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ อาชญาบัตรให้ใช้อวนทำการประมงและใบทะเบียนเรือไทยของกรมเจ้าท่าซึ่งมีชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จัดทำขึ้น โจทก์มิได้นำสืบปฏิเสธความเท็จจริงและถูกต้อง ต้องสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือพร้อมเครื่องยนต์และอวนของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาขอรับรถคืนก่อนศาลสั่งริบ เป็นหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ของผู้ร้องว่ามิได้รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิด
การที่ผู้ร้องได้บอกเลิกสัญญาและขอรับรถยนต์บรรทุกและรถกึ่งพ่วงของกลางคืนจากผู้เช่าซื้อก่อนที่ศาลสั่งริบรถยนต์บรรทุกและรถกึ่งพ่วงของกลางในคดีนี้แล้วนั้น แสดงว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิร้องขอคืนของกลางโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อ แสดงเจตนาช่วยเหลือผู้เช่าซื้อ
การที่ผู้ร้องมอบอำนาจให้ จ. หุ้นส่วนผู้จัดการของผู้เช่าซื้อยื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนจากศาล โดยให้สัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางระหว่างผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อยังคงมีผลผูกพันบังคับกันอยู่นั้น เป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมายื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนก็เพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้ออันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์บรรทุกของกลางให้แก่ผู้ร้องได้