คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 36

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3104/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์โดยการส่งมอบ และผลกระทบต่อการขอคืนของกลาง
ผู้ร้องได้ยกรถยนต์ของกลางให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยที่ 1แล้ว หลังจากยกให้ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย การให้รถยนต์ของกลางเพียงแต่ส่งมอบให้ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 523 แล้ว หลักฐานทะเบียนรถยนต์ไม่ใช่กรณีที่จะต้องจดทะเบียนการโอนตาม มาตรา 525 ฟังไม่ได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องจึงไม่อาจขอคืนรถยนต์ของกลางได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2903/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของทรัพย์สินไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดของผู้นำไปใช้ จึงมีสิทธิขอคืนทรัพย์
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 จะมีข้อความระบุถึงความรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่เช่าซื้อโดยผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียวก็ตาม ข้อสัญญาดังกล่าวก็เป็นแต่เพียงข้อสัญญาที่กำหนดขึ้นเพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้ากับทรัพย์สินที่เช่าซื้อ ยังไม่พอที่จะถือว่าผู้ร้องต้องการแต่ราคาค่าเช่าซื้อเป็นสำคัญและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องเพิ่งทราบจากเจ้าพนักงานตำรวจว่ารถจักรยานยนต์ของกลางถูกยึดหลังจากผู้เช่าซื้อขาดผ่อนชำระเพียงงวดเดียวก็รีบมาร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางทันที เชื่อได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ของบุคคลที่มิได้รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้: สิทธิในการขอคืนรถยนต์
โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนไม้แปรรูปหวงห้ามโดยโจทก์มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำของผู้ต้องหาเมื่อพิจารณา พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 64 ทวิที่บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถยนต์ของกลางไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี จนกว่าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดหรือของผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ซึ่งตามบทบัญญัติของมาตรานี้มิได้มีข้อความระบุถึงกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จะตีความว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีความมุ่งหมายให้ยึดทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดไม่ได้ และรถยนต์ของกลางก็มิได้เป็นหลักฐานสำคัญแห่งองค์ความผิดเพื่อพิสูจน์ให้เห็นความผิดของผู้กระทำความผิดว่ากระทำความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต พนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่มีอำนาจยึดรถยนต์ของกลางซึ่งเป็นของโจทก์ไว้ประกอบคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามนัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถบรรทุก: นายจ้างต้องรับผิดต่อการกระทำของลูกจ้างหากรู้เห็นเป็นใจกับการบรรทุกน้ำหนักเกิน
คดีเดิมโจทก์มิได้อ้างบทมาตราในกฎหมายที่ขอให้ริบทรัพย์ของกลาง แต่ศาลชั้นต้นก็มีคำพิพากษาให้ริบของกลางเมื่อคดีเดิมไม่ปรากฏว่ามีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดศาลต้องบังคับคดีไปตามนั้น ผู้ร้องมาขอคืนทรัพย์ของกลางในคดีนี้จะมาโต้แย้งในชั้นนี้ว่า คำพิพากษาในคดีเดิมที่ให้ริบทรัพย์ของกลางไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2549/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของนิติบุคคล: การมอบหมายหน้าที่ให้ตัวแทนและลูกจ้างทำให้เกิดความรับผิดชอบร่วมในการกระทำผิด
ป. ผู้จัดการของสมาคมผู้ร้อง ย่อมเป็นผู้แทนตามกฎหมายของนิติบุคคลผู้ร้อง ป. มอบหมายให้ พ. รับผิดชอบกิจการของผู้ร้องซึ่งมีโต๊ะบิลเลียดไว้บริการสมาชิกแทน ย่อมถือได้ว่า พ. เป็นผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคลผู้ร้องด้วย และเมื่อ พ. ได้ว่าจ้างคนช่วยดูแลซึ่งมีหน้าที่บริการในสถานประกอบการรวมทั้งเก็บค่าเกมอันเป็นผลประโยชน์ของผู้ร้อง ลูกจ้างที่ช่วยดูแลย่อมเป็นผู้แทนอื่น ๆ ของผู้ร้องด้วย ดังนั้น แม้ในขณะเกิดเหตุ พ. จะไม่ได้อยู่ด้วย แต่การที่ลูกจ้างของผู้ร้องปล่อยให้มีการเล่นการพนันกันโดยเปิดเผยไม่ห้ามปราม จึงถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนรถยนต์ที่ถูกยึด: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเจ้าพนักงานตำรวจต้องคืนรถยนต์ที่ยึดผิดให้เจ้าของ
ศาลมีอำนาจสั่งคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36ก็แต่เฉพาะในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบและผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดเท่านั้น แต่กรณีที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถยนต์ของผู้ร้องซึ่งเป็นรถยนต์คันอื่นที่มิใช่รถยนต์คันที่ศาลมีคำสั่งให้ริบมาย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจที่จะต้องคืนรถยนต์นั้นแก่เจ้าของ ผู้ร้องชอบที่จะเรียกร้องให้เจ้าพนักงานตำรวจคืนรถยนต์แก่ผู้ร้อง มิใช่มาร้องขอคืนของกลางต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินผิดประเภท: ศาลฎีกาพิพากษายืนว่าตำรวจต้องคืนรถยนต์ที่ยึดผิดให้เจ้าของ
ภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ ซึ่งเป็นทรัพย์ ที่จำเลยใช้กระทำความผิดแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจ ไปยึดรถยนต์คันอื่นที่มิใช่รถยนต์คันที่ศาลมีคำสั่งให้ริบมา ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจที่จะต้องคืน รถยนต์นั้นแก่เจ้าของไป ศาลมีอำนาจคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ก็แต่เฉพาะ ในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบ และผู้เป็น เจ้าของที่แท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดเท่านั้น เจ้าของจะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์คันดังกล่าวให้แก่ตนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ผิดคัน ศาลต้องคืนทรัพย์สินให้เจ้าของ หากไม่ใช่ทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบจริง
รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 8ช-9378 ที่เจ้าพนักงานตำรวจไปยึดมาหลักจากศาลพิพากษาให้ริบ มิใช่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 8ช-9377 ที่ศาลพิพากษาให้ริบ ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจที่จะต้องคืนรถยนต์นั้นแก่เจ้าของไป ศาลมีอำนาจคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ก็แต่เฉพาะในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบและผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อและการไม่รู้เห็นเป็นใจในความผิดทางอาญา ศาลยืนคืนรถให้ผู้ให้เช่าซื้อ
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประกอบกิจการอยู่กรุงเทพมหานคร ให้ ส.เช่าซื้อรถยนต์ของกลางไป ส่วนจำเลยได้กระทำผิดในต่างจังหวัดซึ่งอยู่ห่างไกล ผู้ร้องไม่อาจทราบได้ว่า จำเลยจะเอารถยนต์ของกลางไปกระทำผิดเมื่อใด และโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจอย่างไร จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด สิทธิในการได้รถยนต์ของกลางคืนของผู้ร้องเป็นข้อผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อที่ได้กำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิบังคับตามข้อสัญญาได้และผู้ให้เช่าซื้อจะใช้สิทธิดังกล่าวหรือไม่ก็ได้ ไม่ถือเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถยนต์เช่าซื้อช่วง ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อช่วง มิอาจริบได้
ในการเช่าซื้อช่วงรถยนต์ของกลางระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัด อ.กับห้างหุ้นส่วนจำกัด น. มิได้ผ่านผู้ร้อง เป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนทั้งสองโดยเฉพาะและการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ผู้เช่าซื้อช่วงได้ให้จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปบรรทุกทราย ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นหรือยินยอมให้นำไปใช้แต่อย่างใดประกอบกับทั้งโจทก์เองก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยตามที่คัดค้านไว้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย
of 48