พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของทรัพย์เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดต่อการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ หากไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ
ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องนำสืบว่า ร. เช่าซื้อรถยนต์ของกลางไปจากผู้ร้อง แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ 2 งวด ติดต่อกันทั้งได้นำรถยนต์ไปใช้ในการกระทำผิดเป็นการผิดสัญญาเช่าซื้อผู้ร้องจึงบอกเลิกสัญญา และผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดนั้น เพียงพอรับฟังแล้วว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องไม่จำเป็นต้องนำสืบว่า ร.ผิดนัดเมื่อใดชำระค่าเช่าซื้อมาเท่าใด และยังคงค้างอยู่เท่าใดเพราะข้อดังกล่าวเป็นรายละเอียดปลีกย่อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4095/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินจากบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 35 มิได้มุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย เมื่อคดีฟังได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนได้ ตาม ป.อ. มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4095/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินของผู้ไม่รู้เห็นเป็นใจในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ผู้ร้องมีสิทธิขอคืนรถ
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 35มิได้มุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็น เป็นใจในการกระทำผิดด้วย เมื่อคดีฟังได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอจักรยานยนต์ของกลางคืนได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3783/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนเมื่อตกลงซื้อขาย แม้ยังมิได้ส่งมอบหรือจดทะเบียน ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดกับความผิดของผู้เช่าซื้อ
ป. ขายรถยนต์ของกลางให้จำเลยที่ 1 แต่ยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์การที่ ป. กับจำเลยที่ 1 ไปทำคำเสนอใช้บริการของผู้ร้องโดยให้ผู้ร้องตกลงชำระราคารถยนต์ของกลางให้แก่ ป. และให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ร้อง เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่า ป. ตกลงขายรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องโดยความยินยอมของจำเลยที่ 1 แม้ผู้ร้องจะมิได้ครอบครองรถยนต์ของกลางเลยก็ถือได้ว่าเป็นการส่งมอบกันโดยปริยาย กรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางตกเป็นของผู้ร้องในทันทีที่ตกลงซื้อขายกัน แม้จะจดทะเบียนโอนกันในภายหลังการซื้อขายก็สมบูรณ์เพราะใบคู่มือการจดทะเบียนมิใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลาง ผู้ร้องเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจเงินทุนลงทุนในกิจการต่าง ๆ รวมทั้งการให้เช่าซื้อ มิได้มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าไม้ อันเป็นเหตุให้มีการจับกุมจำเลยที่ 1 มาดำเนินคดีแต่อย่างใด เมื่อไม่ปรากฏว่ามีพนักงานของผู้ร่วมร้องในการกระทำความผิดด้วย จึงไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ต้องคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถเช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำผิดของผู้เช่า หากไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ไม่ได้ความว่ากรรมการของผู้ร้องมีภูมิลำเนาอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ หรือมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดที่เป็นภูมิลำเนาของจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางของผู้ร้องไป ผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยจะเอารถยนต์บรรทุกของกลางไปกระทำผิดเมื่อใดแม้จำเลยจะผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อหลายงวด และผู้ร้องไม่บอกเลิกสัญญาก็ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2845/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอคืนของกลาง: บุคคลภายนอก vs. จำเลย – ประมวลกฎหมายอาญา ม.36 จำกัดสิทธิเฉพาะบุคคลภายนอก
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ให้สิทธิแก่บุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่จำเลยที่จะยื่นคำร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบได้ ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ในคดี ไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนรถยนต์ของกลาง ผู้ให้เช่าซื้อไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของผู้เช่าซื้อ
แม้ ส. พยานผู้ร้องมิได้เบิกความว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย แต่จากคำเบิกความของส. ก็แสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย นอกจากนั้นผู้ร้องยังได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อไปยังจำเลย ผู้เช่าซื้อหลังจากที่จำเลยทั้งสองได้นำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด จึงน่าเชื่อว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย พยานหลักฐานของโจทก์ก็ไม่มีมานำสืบให้ฟังได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอรถยนต์ของกลางคืน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าซื้อรถยนต์และการพิสูจน์ความรู้เห็นเป็นใจในความผิด ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชอบหากไม่ทราบถึงการกระทำผิด
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 8 ที่ 12 และที่ 13 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดตากและจังหวัดสุโขทัย ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางจากผู้ร้อง ที่สำนักงานใหญ่ของผู้ร้อง การที่ผู้ร้องกับจำเลยดังกล่าวมีที่อยู่ห่างไกลคนละจังหวัดเช่นนี้ ผู้ร้องย่อมไม่ทราบว่าจำเลยดังกล่าวจะเอารถยนต์บรรทุกที่เช่าซื้อไปกระทำผิดเมื่อไร จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยดังกล่าวต้องคืนรถยนต์บรรทุกของกลางของผู้ร้องให้แก่ผู้ร้องไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิรุธในการอ้างความเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง ขัดแย้งกับเอกสารและพยานหลักฐาน
ผู้ร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง อ้างว่าเป็นเจ้าของ ซื้อมาจากร้าน ว. แต่ไม่มีหลักฐานสัญญาซื้อขายหรือสัญญาเช่าซื้อมายืนยันตามข้ออ้าง และปรากฏหลักฐานการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 มกราคม2533 ก่อนผู้ร้องเบิกความเป็นเวลาเกิน 9 เดือน ทั้งเป็น เอกสารที่ออกแทนเล่มที่หายไปโดยออกให้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2533 หลังวันที่ 25มิถุนายน 2533 ซึ่งมีวันเกิดเหตุคดีนี้เป็นเวลา 2 เดือนเศษ และก่อนวันที่ 24 สิงหาคม 2533 อันเป็นวันที่ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอคืนของกลางเพียง9 วัน เป็นข้อพิรุธทั้งขัดกับข้อความ ที่ปรากฏในบัตรส่งค่างวดของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวที่จำเลย นำไปแสดงกับพนักงานสอบสวนโดยอ้างว่า จำเลยเป็นผู้เช่าซื้อเมื่อ วันที่ 9 มกราคม 2533 ค้างค่างวด 27,000บาท และที่ผู้ร้องอ้างว่า ให้จำเลยยืมรถจักรยานยนต์ไปในวันเกิดเหตุเวลา 17.30 นาฬิกา ก็ขัดกับบันทึกคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนและบันทึกการจับกุมจำเลย ซึ่งระบุว่าจับกุมจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์เมื่อเวลา 6 นาฬิกา ก่อนเวลาที่ผู้ร้องให้จำเลยยืมไป ผู้ร้องทราบเรื่องรถจักรยานยนต์ ถูกยึดวันรุ่งขึ้นแต่ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องไปติดต่อขอคืนในทันที พยานหลักฐานของผู้ร้องมีพิรุธและขัดต่อเหตุผล จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลาง: ผู้ร้องต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของและไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด
การขอให้ศาลสั่งคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36 เป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญา เมื่อผู้ร้องอ้างว่าของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดก็เป็นหน้าที่ของผู้ร้องที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง แม้จะฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางผู้ร้องก็ยังมีหน้าที่นำสืบว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย การที่ผู้ร้องแถลงไม่สืบพยาน จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด