พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2596/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนอาวุธปืนของผู้ร้องที่ถูกใช้ในความผิดของผู้อื่น ต้องแสดงว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจ
คำร้องบรรยายว่า อาวุธปืนของกลางเป็นของผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งคืน แต่ไม่บรรยายว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย แม้จะอ้างว่ามีผู้อื่นนำของกลางไปฝากไว้ที่บ้านจำเลย ก็ไม่อาจถือหรือแปลความหมายได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการที่จำเลยกระทำผิดจึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2001/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลาง: ศาลเชื่อถือพยานหลักฐานผู้ร้องว่ามิได้รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิด และการถอนคำร้องก่อนหน้านี้ไม่ขัดต่อกฎหมาย
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอคืนของกลางมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ได้ขอถอนไป โดยศาลยังมิได้วินิจฉัยสั่งคำร้องนั้นผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอคืนของกลางรายเดียวกันอีกภายใน 1ปี นับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลางพ้นกรอบเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 นับจากวันคำพิพากษาถึงที่สุด
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้กับผู้ร้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ จำเลยให้การรับสารภาพ ผู้ร้องให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสั่งในวันที่ 4 กันยายน 2524 ให้โจทก์แยกฟ้องผู้ร้องเป็นคดีใหม่ และในวันเดียวกัน พิพากษา ลงโทษจำเลย ริบไม้และรถยนต์บรรทุกของกลาง โจทก์ฟ้อง ผู้ร้องเป็นคดีใหม่เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2524ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่28 กุมภาพันธ์ 2526 คำว่าวันคำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 หมายความถึงคำพิพากษา ในคดีที่ ศาลมีคำสั่งให้ริบทรัพย์ เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาและมีคำสั่งให้ริบทรัพย์เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2524โดยไม่มีการอุทธรณ์ คำพิพากษาจึงถึงที่สุดตั้งแต่วันที่22 กันยายน 2524 ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลางเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2526 จึงเป็นการยื่นภายหลังวันที่คำพิพากษาคดีนี้ถึงที่สุดแล้วเกิน 1 ปี คำร้องจึงต้องห้ามตาม มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3259/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสัตว์พาหนะต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นกรรมสิทธิ์ไม่โอน ผู้ซื้อไม่เป็นเจ้าของ
การซื้อขายสัตว์พาหนะถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก เมื่อผู้ร้องซื้อโคของกลางซึ่งเป็นสัตว์พาหนะมา แต่การซื้อขายมิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย กรรมสิทธิ์จึงยังไม่โอนมาเป็นของผู้ร้องทั้งผู้ร้องยังมิได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ผู้ร้องจึงไม่เป็นเจ้าของแท้จริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36ที่จะขอให้ศาลสั่งคืนโคของกลางที่ถูกริบแก่ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลาง (โทรทัศน์) หลังถูกยึดจากการพนัน: เจ้าของไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุนการกระทำผิด
ผู้ร้องเป็นเจ้าของร้านค้า ในวันเสาร์วันอาทิตย์จะยกเครื่องรับโทรทัศน์ของกลางจากชั้นบนลงมาเปิดบริการลูกค้าที่ชั้นล่าง เพื่อให้ลูกค้าดูรายการมวย จะฟังว่าเพื่อสนับสนุนให้จำเลยเล่นการพนันกันหาได้ไม่ ผู้ที่ดูมวยโดยไม่เล่นการพนันมีอยู่ไม่น้อย โทรทัศน์ของกลางจึงไม่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการท้าพนันผลการแข่งขันการชกมวยต้องคืนแก่ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์จะโอนเมื่อชำระราคาครบถ้วน ผู้รับโอนสิทธิย่อมผูกพันตามสัญญาเดิม
ตามสัญญาซื้อขาย ผู้ซื้อและผู้ขายได้ตกลงกันว่ากรรมสิทธิ์ในยานยนต์จะตกไปอยู่แก่ผู้ซื้อก็ต่อเมื่อผู้ซื้อได้ชำระราคาครบถ้วนแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิตามสัญญาจากผู้ซื้อเดิมมาอีกทอดหนึ่ง ก็ต้องผูกพันตามสัญญานี้ด้วย เมื่อขณะจำเลยกระทำผิดหรือขณะที่ ศาลพิพากษาคดีผู้ร้องยังชำระราคาไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางจึงยังไม่โอนมาเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพิ่งชำระราคางวดสุดท้ายใน ภายหลังนั้น จึงไม่มีอำนาจร้องขอคืนของกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2696/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจในการยื่นคำร้องขอคืนของกลางต้องระบุชัดเจนในหนังสือมอบอำนาจ การมอบอำนาจให้รับของกลางจากพนักงานสอบสวนไม่ครอบคลุมถึงการดำเนินคดีต่อศาล
หนังสือมอบอำนาจท้ายคำร้องมีข้อความว่า ".....ให้มีอำนาจในการขอรับเอารถยนต์ไถนาคันดังกล่าวจากพนักงานสอบสวนได้....ฯลฯ" เป็นการมอบอำนาจให้รับรถไถจากพนักงานสอบสวน มิได้มีการมอบอำนาจให้มายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอคืนรถไถของกลาง เมื่อ ก. เจ้าของรถไถมิได้มอบอำนาจให้ ค. ยื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอรถไถของกลางคืน ค. จึงไม่มีอำนาจมายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2696/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร้องขอคืนของกลาง: หนังสือมอบอำนาจต้องระบุชัดเจนถึงการดำเนินคดีต่อศาล
หนังสือมอบอำนาจท้ายคำร้องมีข้อความว่า.'.....ให้มีอำนาจในการขอรับเอารถยนต์ไถนาคันดังกล่าวจากพนักงานสอบสวนได้....ฯลฯ' เป็นการมอบอำนาจให้รับรถไถจากพนักงานสอบสวนมิได้มีการมอบอำนาจให้มายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอคืนรถไถของกลาง เมื่อ ก. เจ้าของรถไถมิได้มอบอำนาจให้ ค. ยื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอรถไถของกลางคืน ค. จึงไม่มีอำนาจมายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินในความผิดฐานขนย้ายข้าว ต้องพิจารณาเจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วย จึงต้องใช้บทบัญญัติทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา
การริบทรัพย์สินในความผิดฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขตกำหนดซึ่งไม่ใช่ไปทางทะเลหรือออกนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวนั้น ต้องใช้บทบัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์สินโดยทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ เพราะมิได้มีข้อความระบุให้ริบทรัพย์สินนั้นได้ในกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดดังกล่าว
ผู้ร้องซื้อข้าวสารของกลางจำนวน 70 กระสอบจากผู้ขาย แม้ผู้ร้องจะยังไม่ได้ชำระราคาข้าวสารนี้ก็ตาม แต่ทางผู้ขายก็ได้ว่าจ้างให้ ย. เอารถยนต์บรรทุกไปส่งให้แก่ผู้ร้อง และดำเนินการขออนุญาตขนข้าวสารรายนี้ข้ามเขตในนามของผู้ร้องดังนี้ ขณะที่ขนข้าวสารดังกล่าวไปส่งให้ผู้ร้อง ข้าวสารนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแล้ว
ผู้ร้องซื้อข้าวสารของกลางจำนวน 70 กระสอบจากผู้ขาย แม้ผู้ร้องจะยังไม่ได้ชำระราคาข้าวสารนี้ก็ตาม แต่ทางผู้ขายก็ได้ว่าจ้างให้ ย. เอารถยนต์บรรทุกไปส่งให้แก่ผู้ร้อง และดำเนินการขออนุญาตขนข้าวสารรายนี้ข้ามเขตในนามของผู้ร้องดังนี้ ขณะที่ขนข้าวสารดังกล่าวไปส่งให้ผู้ร้อง ข้าวสารนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินในความผิด พ.ร.บ.ข้าว: เจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจ ย่อมมีสิทธิขอคืนได้
การริบทรัพย์สินในความผิดฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขตกำหนดซึ่งไม่ใช่ไปทางทะเลหรือออกนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวนั้น ต้องใช้บทบัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์สินโดยทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ เพราะมิได้มีข้อความระบุให้ริบทรัพย์สินนั้นได้ในกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดดังกล่าว
ผู้ร้องซื้อข้าวสารของกลางจำนวน 70 กระสอบจากผู้ขาย แม้ผู้ร้องจะยังไม่ได้ชำระราคาข้าวสารนี้ก็ตาม แต่ทางผู้ขายก็ได้ว่าจ้างให้ ย. เอารถยนต์บรรทุกไปส่งให้แก่ผู้ร้อง และดำเนินการขออนุญาตขนข้าวสารรายนี้ข้ามเขตในนามของผู้ร้อง ดังนี้ ขณะที่ขนข้าวสารดังกล่าวไปส่งให้ผู้ร้อง ข้าวสารนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแล้ว
ผู้ร้องซื้อข้าวสารของกลางจำนวน 70 กระสอบจากผู้ขาย แม้ผู้ร้องจะยังไม่ได้ชำระราคาข้าวสารนี้ก็ตาม แต่ทางผู้ขายก็ได้ว่าจ้างให้ ย. เอารถยนต์บรรทุกไปส่งให้แก่ผู้ร้อง และดำเนินการขออนุญาตขนข้าวสารรายนี้ข้ามเขตในนามของผู้ร้อง ดังนี้ ขณะที่ขนข้าวสารดังกล่าวไปส่งให้ผู้ร้อง ข้าวสารนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแล้ว