พบผลลัพธ์ทั้งหมด 141 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยืดอายุอุทธรณ์ในคดีอาญาที่มีโทษประหารชีวิต ศาลต้องรับฟังคำแถลงการณ์ของผู้ต้องหา และไม่ตัดสิทธิในการฎีกา
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยแล้ว แม้การที่ศาลชั้นต้นยืดอายุเวลาอุทธรณ์ให้จำเลยนั้น จะยืดได้หรือไม่ก็แล้วแต่ อย่างน้อยก็ฟังคำอุทธรณ์เป็นคำแถลงการณ์ของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะฎีกาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เวลาเกิดเหตุในคดีลักทรัพย์: การพิจารณาคำเบิกความพยานประกอบวันเวลาตามจันทรคติและสุริยคติ
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยผิดคืนวันที่ 3 เมษายน 2491 เวลากลางคืน พะยานโจทก์ว่าเกิดเหตุคืนวันแรม 9 ค่ำ เดือน 4 เวลาประมาณ 5 นาฬิกา รุ่งขึ้นเป็นวันแรม 10 ค่ำ ซึ่งตรงกับวันที่ 3 เมษายน ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา หาต่างกับฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ซ้ำและการสิ้นสุดสิทธิอุทธรณ์ เมื่อศาลพิพากษาใหม่หลังยกคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย โดยมิได้ชี้ขาดความผิดของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษา ศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่โดยให้ชี้ขาดความผิดของจำเลย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่แล้ว ถ้าคู่ความประสงค์จะอุทธรณ์ ก็ต้องอุทธรณ์ขึ้นมาใหม่ จะอาศัยอุทธรณ์ฉบับเดิมไม่ได้ เพราะอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาครั้งแรกของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ซ้ำ: อุทธรณ์ฉบับเดิมหมดอายุเมื่อศาลพิพากษาใหม่ ต้องยื่นอุทธรณ์ใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยมิได้ชี้ขาดความผิดของจำเลยจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่โดยให้ชี้ขาดความผิดของจำเลย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่แล้ว ถ้าคู่ความประสงค์จะอุทธรณ์ก็ต้องอุทธรณ์ขึ้นมาใหม่ จะอาศัยอุทธรณ์ฉบับเดิมไม่ได้ เพราะอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาครั้งแรกของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71-72/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความก้าวร้าวเสียดสีศาลในฟ้องอุทธรณ์ การละเมิดอำนาจศาล และการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์กล่าวข้อความก้าวร้าวเสียดสีคำพิพากษาซึ่งศาลได้กระทำในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศาลสั่งให้แก้ไขข้อความให้เรียบร้อยเสียก่อนก็ยังกล่าวความเช่นนั้นอีก ศาลสั่งให้แก้เป็นครั้งที่ 2 ก็ไม่แก้และยืนยันให้ถือฟ้องอุทธรณ์นั้น ดังนี้ ศาลมีอำนาจสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ได้
ถ้อยคำที่กล่าวในฟ้อง จะมีความหมายธรรมดาถึงขนาดที่จะต้องตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
เรียงฟ้องอุทธรณ์กล่าวข้อความก้าวร้าวเสียดสี ศาลผู้ทำการพิจารณาพิพากษาคดีนั้นอย่างแรง ศาลสั่งให้แก้ไขเสียให้เรียบร้อยก็คงเรียงฟ้องอุทธรณ์กล่าวข้อความอย่างเดิมมายื่นอีก จนศาลสั่งให้แก้ไขเป็นครั้งที่ 2 ก็ยังเรียงคำร้องยื่นต่อศาลขอยืนยันให้รับอุทธรณ์นั้น ดังนี้ถือว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่เรียบร้อย อันควรจะนำมายื่นต่อศาลผู้กระทำการในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและ เมื่อศาลสั่งให้แก้ไขความไม่เรียบร้อยนั้นเสียก็ไม่แก้กลับจงใจยืนยันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ศาลสั่งห้ามคู่ความมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อความรำคาญหรือในทางประวิงให้ชักช้าหรือในทางฟุ่มเฟือยตามอำนาจศาลที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 นั้นอีก จึงเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 31
ถ้อยคำที่กล่าวในฟ้อง จะมีความหมายธรรมดาถึงขนาดที่จะต้องตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
เรียงฟ้องอุทธรณ์กล่าวข้อความก้าวร้าวเสียดสี ศาลผู้ทำการพิจารณาพิพากษาคดีนั้นอย่างแรง ศาลสั่งให้แก้ไขเสียให้เรียบร้อยก็คงเรียงฟ้องอุทธรณ์กล่าวข้อความอย่างเดิมมายื่นอีก จนศาลสั่งให้แก้ไขเป็นครั้งที่ 2 ก็ยังเรียงคำร้องยื่นต่อศาลขอยืนยันให้รับอุทธรณ์นั้น ดังนี้ถือว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่เรียบร้อย อันควรจะนำมายื่นต่อศาลผู้กระทำการในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและ เมื่อศาลสั่งให้แก้ไขความไม่เรียบร้อยนั้นเสียก็ไม่แก้กลับจงใจยืนยันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ศาลสั่งห้ามคู่ความมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อความรำคาญหรือในทางประวิงให้ชักช้าหรือในทางฟุ่มเฟือยตามอำนาจศาลที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 นั้นอีก จึงเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า, การป้องกันเกินสมควร, และอำนาจศาลอุทธรณ์
กะทงความผิดที่คู่ความมิได้ยกขึ้นอุธรน์ และแยกกันได้เด็ดขาดจากกะทงความผิดที่อุธรน์มานั้นย่อมถึงที่สุดเพียงสาลชั้นต้น สาลอุธรน์ไม่มีอำนาดพิจารานาพิพากสา
การที่จำเลยยิงปืน 2 นัดถูกผู้เสียหายคนหนึ่งตายอีก 2 คนบาดเจ็บหากไม่ปรากตว่าจำเลยได้แยกทำร้ายผู้เสียหายคนไดเปน 2 กัมแล้วถือว่าจำเลยทำผิดกะทงเดียว
พรึติการน์ถือว่าป้องกันเกินสมควนแก่เหตุ.
การที่จำเลยยิงปืน 2 นัดถูกผู้เสียหายคนหนึ่งตายอีก 2 คนบาดเจ็บหากไม่ปรากตว่าจำเลยได้แยกทำร้ายผู้เสียหายคนไดเปน 2 กัมแล้วถือว่าจำเลยทำผิดกะทงเดียว
พรึติการน์ถือว่าป้องกันเกินสมควนแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ - กระทงความผิดที่ไม่อุทธรณ์ และการพิจารณาความผิดหลายกรรม
กระทงความผิดที่คู่ความมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์และแยกกันได้เด็ดขาดจากกระทงความผิดที่อุทธรณ์มานั้นย่อมถึงที่สุดเพียงศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา
การที่จำเลยยิงปืน 2 นัดถูกผู้เสียหายคนหนึ่งตาย อีก 2 คนบาดเจ็บหากไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แยกทำร้ายผู้เสียหายคนใดเป็น 2 กรรมแล้วถือว่าจำเลยทำผิดกระทงเดียว
พฤติการณ์ที่ถือว่าป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยยิงปืน 2 นัดถูกผู้เสียหายคนหนึ่งตาย อีก 2 คนบาดเจ็บหากไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แยกทำร้ายผู้เสียหายคนใดเป็น 2 กรรมแล้วถือว่าจำเลยทำผิดกระทงเดียว
พฤติการณ์ที่ถือว่าป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานชิงทรัพย์: แม้การสืบพยานจะระบุวันเวลาที่ต่างจากฟ้องเล็กน้อย แต่หากจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ศาลยังสามารถลงโทษได้
โจทฟ้องว่าจำเลยทำผิดคืนวันที่ 20-21 และวงเล็บว่าตรงกับขึ้น 14 ค่ำ จำเลยรับสารภาพแต่เปนคดีอุกฉกรรจ์ โจทนำพยานมาสืบว่าจำเลยทำผิดคืนวันขึ้น 14 ค่ำ ซึ่งตรงกับคืนวันที่ 21-22 และจำเลยเข้าไจข้อหาดีดังนี้ ไม่ถือว่าทางพิจารนาต่างกับฟ้อง ลงโทสได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ขัดขั้นตอนและเกินกำหนดเวลา ทำให้ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นสั่งว่าอุทธรณ์ฟุ่มเฟือยก้าวร้าวให้ทำมายื่นใหม่ภายใน 3 วันผู้อุทธรณ์ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งยก ผู้อุทธรณ์จึงทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ แต่เป็นเวลาเกินกำหนด 3 วัน และเลยอายุความอุทธรณ์แล้วดังนี้ถือว่าฟ้องอุทธรณ์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความอุธรณ์: การยื่นอุธรณ์ใหม่หลังพ้นกำหนดและอายุความ ย่อมขาดอายุความ
สาลชั้นต้นสั่งว่าอุธรน์ฟุ่มเฟือยก้าวร้าวไห้ทำมายื่นไหม่พายไน 3 วันผู้อุธรน์ร้องอุธรน์คำสั่ง สาลอุธรน์สั่งยก ผู้อุธรน์จึงทำอุธรน์มายื่นไหม่ แต่เปนเวลาเกินกำหนด 3 วัน และเลยอายุความอุธรน์แล้วดังนี้ ถือว่าฟ้องอุธรน์ขาดอายุความ