คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 216

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 447 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: ศาลรับฟังพยานจากทุกฝ่ายได้ ผู้เสียหายจำกัดสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเมื่อชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวน ศาลก็ย่อมฟังข้อเท็จจริงได้จากหลักฐานและคำพยานที่ปรากฏมีอยู่ในสำนวนประกอบการวินิจฉัยได้ทั้งหมดไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้อ้างหรือนำมาสืบ และผู้ถูกหาว่าละเมิดอำนาจศาลก็มีโอกาศซักค้านพยานนั้นได้ อยู่แล้ว ศาลย่อมฟังลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทำร้ายพยานโจทก์ข้างฝานอกห้องพิจารณาบนศาล ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าพยานโจทก์ทำร้ายผู้ร้องฝ่ายเดียว ต่างฝ่ายต่างขอให้ลงโทษอีกฝ่ายในฐานละเมิดอำนาจศาล จำคุก 4 เดือน เช่นนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาว่าพยานโจทก์ดังกล่าวมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลด้วยเพราะผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายในส่วนการละเมิดอำนาจศาลของพยานโจทก์ดังกล่าวนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลแขวงให้คดีมีมูลเด็ดขาด ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้ แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลและประทับฟ้องส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการ คำสั่งของศาลแขวงที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาด จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่า ผู้ว่าคดีโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาตามที่ กำหนดไว้ใน มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499 โดยไม่มีการขอและรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม มาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. นั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ หาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลแขวงให้คดีมีมูลเด็ดขาด ห้ามอุทธรณ์ฎีกา แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจฟ้อง
ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลและประทับฟ้องส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการ คำสั่งของศาลแขวงที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาดจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่าผู้ว่าคดีโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 7 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499โดยไม่มีการขอและรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัตินั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องดังนี้ หาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฎีกาชั่วคราวเพื่อยื่นใหม่ภายในอายุความฎีกา และการพิจารณาความแตกต่างระหว่างข้อกล่าวหาในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่ได้จากการพิจารณา
ในคดีอาญา จำเลยถอนฎีกาโดยกล่าวว่าขอถอนชั่วคราวเพื่อไปจัดทำฎีกามายื่นใหม่เมื่อศาลอนุญาตแล้วจำเลยย่อมมีสิทธิยื่นฎีกาใหม่ภายในอายุความฎีกา
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2503)
โจทก์กล่าวฟ้องมีสาระสำคัญว่าจำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูงและด้วยความประมาทปราศจากการระมัดระวังเป็นเหตุให้รถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตายทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูงแม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็ว เป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตายดังนี้ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฎีกาชั่วคราวเพื่อยื่นใหม่ภายในอายุความ และการพิจารณาข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับฟ้อง
ในคดีอาญา จำเลยถอนฎีกาโดยกล่าวว่า ขอถอนชั่วคราวเพื่อไปจัดทำฎีกามายืนใหม่ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นฎีกาใหม่ภายในอายุความฎีกา
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2503)
โจทก์กล่าวฟ้องมีสาระสำคัญว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง และด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุในรถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง แม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็วเป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์: จำเลยยังไม่เป็นคู่ความก่อนศาลประทับฟ้อง
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งในคำฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้ยกฟ้อง แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องหรือพิพากษาตามรูปคดีต่อไปเช่นนี้ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฎีกาเพราะก่อนที่ศาลประทับฟ้อง จำเลยยังไม่เข้ามาสู่ฐานะเป็นคู่ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาของจำเลยในคดีราษฎรเป็นโจทก์: จำเลยยังไม่เป็นคู่ความจนกว่าศาลประทับฟ้อง
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งในคำฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้ยกฟ้อง แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องหรือพิพากษาตามรูปคดีต่อไปเช่นนี้ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฎีกาเพราะก่อนที่ศาลประทับฟ้อง จำเลยยังไม่เข้ามาสู่ฐานะเป็นคู่ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนมูลฟ้อง: จำเลยยังไม่เป็นคู่ความ จึงไม่ต้องยื่นบัญชีพยานล่วงหน้า
การไต่สวนมูลฟ้องเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ โจทก์ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานล่วงหน้า 3 วัน ก่อนวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นยกฟ้องอ้างเหตุว่า โจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานล่วงหน้า 3 วันก่อนวัดนัดไต่สวนมูลฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้น ทำการไต่สวนมูลฟ้องต่อไปเช่นนี้ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา เพราะจำเลยยังมิได้อยู่ในฐานะเป็นคู่ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไต่สวนมูลฟ้อง: โจทก์ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีพยานล่วงหน้า 3 วัน จำเลยยังไม่เป็นคู่ความจึงไม่มีสิทธิฎีกา
การไต่สวนมูลฟ้องเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ โจทก์ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานล่วงหน้า 3 วัน ก่อนวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นยกฟ้องอ้างเหตุว่า โจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานล่วงหน้า 3 วันก่อนวันนัดไต่สวนมูลฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้น ทำการไต่สวนมูลฟ้องต่อไปเช่นนี้ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา เพราะจำเลยยังมิได้อยู่ในฐานะเป็นคู่ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฎีกาในคดีอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย เริ่มนับแต่วันที่ถือว่าจำเลยได้ฟังคำพิพากษา
อายุความฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในกรณีอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยนั้น ให้นับแต่วันถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 ที่แก้ไขแล้วแม้จับจำเลยได้มาแล้ว ศาลจะอ่านคำพิพากษานั้นให้ฟังอีก ก็หาทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาไม่
of 45