คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 216

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 447 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเฉพาะจำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว กรณีจำเลยหลบหนี
จำเลยในคดีอาญาหลบหนียังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียคนหนึ่ง คงฟังแต่จำเลยอีกคนหนึ่งอีกคนหนึ่งเพียงคนเดียว แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 2 คนก็ตาม ก็ถือว่าคดีเฉพาะจำเลยที่หลบหนี โจทก์ยังฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาคงวินิจฉัยเฉพาะจำเลยที่ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์สำเร็จบางส่วน แม้จะเอาทรัพย์ไปไม่ทั้งหมด ก็ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้
จำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย จึงไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ จนตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุด ดังนี้ถือว่าจำเลยกระทำการจนตะเกียงหลุดเคลื่อนออกไปจากท้ายรถแล้วเรียกได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไปเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม (อ้างฎีกาที่ 999/2485)
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์(ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220 โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา ศาลชั้นต้นสั้งรับไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์สำเร็จบางส่วน: การกระทำที่ทำให้ทรัพย์หลุดเคลื่อนที่ถือเป็นเอาทรัพย์ไป
จำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย จึงไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ จนตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุดดังนี้ถือว่าจำเลยกระทำการจนตะเกียงหลุดเคลื่อนออกไปจากท้ายรถแล้วเรียกได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไป เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม(อ้างฎีกาที่ 999/2485)
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีอาญา: การงดสืบพยานและการไม่อนุญาตสืบพยานเพิ่มเติม เป็นคำสั่งที่ไม่อุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่ไม่มาศาลตามนัดและไม่อนุญาตให้โจทก์อ้างพยานเพิ่มเติมนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 196 หาใช่กรณีที่เข้าตามบทบัญญัติ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 18 หรือ 24 ไม่.
ศาลอุทธรณ์สั่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ คู่ความฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีอาญา: การงดสืบพยานและไม่อนุญาตพยานเพิ่มเติมเป็นคำสั่งที่ไม่สามารถอุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่ไม่มาศาลตามนัดและไม่อนุญาตให้โจทก์อ้างพยานเพิ่มเติมนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 196 หาใช่กรณีที่เข้าตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18หรือ 24 ไม่
ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คู่ความฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการฟ้องคดีอาญาของอัยการผู้ช่วย: อัยการผู้ช่วยมีอำนาจฟ้องคดีอาญาได้
อัยการผู้ช่วยก็มีอำนาจลงนามเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาได้ เพราะอัยการผู้ช่วยก็เป็นพนักงานอัยการ(พ.ร.บ.อัยการ 2478มาตรา 11) จึงอาจเป็นโจทก์ในคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(1) ประกอบกับพ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 19(1)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์ เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่า ผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันที ผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ศาลในการส่งสำเนาฎีกา แม้โจทก์ไม่ดำเนินการส่งเอง ศาลยังต้องดำเนินการตามกฎหมาย
การส่งสำเนาอุทธรณ์ฎีกาในคดีอาญานั้น เป็นหน้าที่ศาลส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 200, 201, 216 ฉะนั้นแม้ศาลจะส่งให้ผู้อุทธรณ์ฎีกานำส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งภายในกำหนด พอถึงกำหนดแล้วไม่มานำส่งก็ดี จึงยังถือไม่ได้ว่าศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ฎีกาให้จำเลยไม่ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 201 ศาลจึงมีหน้าที่ต้องจัดการส่งสำเนาอุทธรณ์ฎีกาให้จำเลยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านดุลพินิจศาลในการไม่ริบของกลาง ถือเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม
เมื่อศาลล่างทั้งสองเห็นต้องกันว่า เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นการพนันอย่างใดไม่ควรริบโจทก์ฎีกาว่าเป็นของควรริบตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 27(1) นั้น เป็นการคัดค้านดุลพินิจของศาลเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลยพินิจริบของกลางในคดีพนัน: ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง
เมื่อศาลล่างทั้งสองเห็นต้องกันว่า เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นการพนันอย่างใดไม่ควรริบ โจทก์ฎีกาว่าเป็นของควรริบตาม ก.ม. อาญา ม. 27(1) นั้นเป็นการคัดค้านดุลยพินิจของศาลเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง – ผลต่อการพิจารณาของศาลฎีกา
คดีอาญาที่โจทก์ยื่นฎีกาโดยจำเลยยังมิได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แม้ศาลชั้นต้นจะดำเนินการให้โจทก์ฟังคำ พิพากษาศาลอุทธรณ์ฝ่ายเดียวถูกต้องตาม ม.182 วรรค 3 แล้วก็ไม่ถือว่าได้อ่านให้จำเลยฟังตาม ม.216 ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาฎีกาโจทก์ให้จำหน่ายคดีส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น เพื่อดำเนินการตามกระบวนพิจารณาต่อไป
of 45