คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1368

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 236 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินรอออกโฉนด: สิทธิครอบครองยังอยู่กับผู้ขายจนกว่าจะจดทะเบียนได้
ตามข้อความในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแสดงให้เห็นเจตนาของคู่สัญญาได้ว่าประสงค์จะให้ออกโฉนดที่ดินเสียก่อน แล้วจึงจะทำการซื้อขายให้เสร็จเด็ดขาด การออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่จึงเป็นข้อสำคัญ การที่โจทก์เข้าไปจัดแบ่งที่ดินพิพาทเป็นแปลงย่อยเพื่อจัดสรรขาย ก็โดยมีความหวังว่าจะสามารถออกโฉนดที่ดินได้เป็นการเข้าไปจัดการล่วงหน้าก่อนที่จะมีการจดทะเบียนซื้อขาย ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้โจทก์โดยเด็ดขาด กรณีมิใช่การซื้อขายสิทธิครอบครองโดยให้โจทก์ไปขอออกโฉนดที่ดินเอาเอง จำเลยจึงยังคงมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทจนกว่าจะออกโฉนดที่ดินและจดทะเบียนโอนขายให้โจทก์ ดังนั้น การที่โจทก์เข้าไปจัดแบ่งที่ดินพิพาทเป็นแปลงย่อยเพื่อจัดสรรขาย ย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท และไม่มีอำนาจห้ามจำเลยมิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในที่ดินพิพาท แม้จำเลยจะนำรถเข้าไปไถหน้าดินจนเสียหาย ก็ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9335/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกโฉนดทับที่ดินเดิม สิทธิผู้รับโอนไม่ดีกว่าผู้โอน แม้จดทะเบียนโดยสุจริต ศาลสั่งเพิกถอนได้เฉพาะส่วน
แม้พยานจะเป็นญาติกับโจทก์ แต่ความเป็นญาติก็มิใช่เหตุผลที่จะต้องฟังว่าพยานจะเบิกความเข้าข้างกันเสมอไปคำเบิกความของพยานคนใดจะรับฟังได้หรือไม่เพียงใดอยู่ที่เหตุผลในคำพยานนั้นเอง เมื่อปรากฏว่าคำเบิกความของพยานเป็นไปในทางเสียหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อผลประโยชน์ของตนย่อมรับฟังได้ การนำสืบถึงมูลเหตุอันเป็นที่มาแห่งข้ออ้างตามคำฟ้องมิได้มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดงจึงนำสืบพยานบุคคลได้ พ.และอ. ขอออกโฉนดที่ดินของตนโดยนำชี้รวมเอาที่ดินของ ก. เข้าไปด้วยโดยขณะนั้น พ. ยังคงทำนาในที่ดินพิพาทของ ก. ต่างดอกเบี้ย ถือว่า พ. ยึดถือที่ดินไว้แทน ก.แม้จะนานเพียงใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองและถือว่าโฉนดที่ดินในส่วนที่ออกทับที่ดินพิพาทของ ก. เป็นการออกโฉนดที่ไม่ชอบแม้จะมีการโอนทะเบียนกี่ครั้งผู้รับโอนก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะผู้ขอออกโฉนดไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ผู้รับโอนโฉนดต่อมาแม้จะเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตก็ไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน จึงชอบที่ศาลจะสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาทเสียได้เฉพาะในส่วนที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6396/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมและผลของการครอบครองปรปักษ์ในที่ดิน โดยไม่ได้รับความยินยอม
แม้ตามสัญญาซื้อขายจะมีข้อความว่าขายที่ดินทั้งแปลงและอ้างว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ ก. ก็ตาม แต่ปรากฏตามโฉนดที่ดินว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยโดยไม่ปรากฏว่าใครมีส่วนเท่าใด จึงถือว่าก. และโจทก์ต่างมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง ก. ไม่มีสิทธิที่จะขายที่ดินทั้งแปลงให้ ป. บิดาจำเลยทั้งสองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ก่อน เมื่อ ป. ทราบมาแต่ต้นว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินและบ้านพิพาท ประกอบกับโจทก์นำหนังสือสัญญาอาศัยมาให้ ส. ภริยาของ ป. ลงลายมือชื่อเมื่อปี 2531 แสดงว่าที่ดินและบ้านพิพาทในส่วนที่เป็นของโจทก์นั้น ฝ่ายจำเลยเป็นผู้อาศัยสิทธิของโจทก์อันเป็นการครอบครองแทนโจทก์อยู่ เมื่อฝ่ายจำเลยไม่ได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือแทนโจทก์ต่อไป แม้ฝ่ายจำเลยจะได้ครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์มานานเท่าใดก็ตามย่อมถือไม่ได้ว่าได้ครอบครองปรปักษ์อันจะได้กรรมสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิในการฟ้องคดีตามมาตรา 1375วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6028/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินมรดก: สิทธิของทายาทและการครอบครองแทนทายาท
ล.มิได้ยกที่ดินพิพาทส่วนของตนให้แก่โจทก์ เมื่อล.ถึงแก่กรรมที่ดินพิพาทส่วนของ ล. ย่อมตกเป็นมรดกแก่ทายาททุกคน แม้โจทก์จะเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาททั้งแปลงก็ตาม แต่ที่ดินในส่วนของ ล.ถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกทุกคน โจทก์จึงหาได้สิทธิโดยการครอบครองปรปักษ์ไม่จำเลยทั้งสามเป็นบุตรของ ล. ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของ ล.ย่อมมีสิทธิในที่ดินพิพาทส่วนของ ล.ที่เป็นทรัพย์มรดกนั้น จึงมีสิทธิที่จะเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทได้โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสาม โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทส่วนของ ล. นั้น ล.ได้ยกให้แก่โจทก์ก่อนถึงแก่กรรม เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และ ล. แต่ล. ไม่ได้ยกให้แก่โจทก์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไปถึงว่าที่ดินพิพาทส่วนของ ล.เป็นมรดกของ ล.จึงเป็นการวินิจฉัยโดยผลของกฎหมาย เพราะถึงแม้จะไม่ได้วินิจฉัยไว้แต่โดยผลของกฎหมายแล้วเมื่อ ล.ถึงแก่กรรมที่ดินพิพาทส่วนของ ล. ย่อมเป็นทรัพย์มรดกของ ล.นั่นเองจึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6028/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินมรดก: การครอบครองของทายาทและสิทธิในการเข้าทำประโยชน์
ล.มิได้ยกที่ดินพิพาทส่วนของตนให้แก่โจทก์ เมื่อ ล.ถึงแก่กรรมที่ดินพิพาทส่วนของ ล.ย่อมตกเป็นมรดกแก่ทายาททุกคน แม้โจทก์จะเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาททั้งแปลงก็ตาม แต่ที่ดินในส่วนของ ล.ถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกทุกคน โจทก์จึงหาได้สิทธิโดยการครอบครองปรปักษ์ไม่จำเลยทั้งสามเป็นบุตรของ ล.ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของ ล.ย่อมมีสิทธิในที่ดินพิพาทส่วนของ ล.ที่เป็นทรัพย์มรดกนั้น จึงมีสิทธิที่จะเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทได้โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสาม
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทส่วนของ ล.นั้น ล.ได้ยกให้แก่โจทก์ก่อนถึงแก่กรรม เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และ ล. แต่ ล.ไม่ได้ยกให้แก่โจทก์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไปถึงว่าที่ดินพิพาทส่วนของ ล.เป็นมรดกของ ล.จึงเป็นการวินิจฉัยโดยผลของกฎหมาย เพราะถึงแม้จะไม่ได้วินิจฉัยไว้ แต่โดยผลของกฎหมายแล้วเมื่อ ล.ถึงแก่กรรมที่ดินพิพาทส่วนของ ล.ย่อมเป็นทรัพย์มรดกของ ล.นั่นเอง จึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5527/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนผู้อื่นไม่ทำให้เกิดกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ หากไม่ได้แจ้งเจตนาเป็นเจ้าของ
ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ย. ผู้เป็นเจ้าของเท่ากับผู้ร้องถือแทน ย. ตลอดมา เมื่อ ย. ถึงแก่กรรมก็ต้องถือว่าถือแทนผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นทายาทของ ย. เมื่อไม่ได้ความว่าผู้ร้องได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเป็นการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามประมวล-กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ก็ต้องถือว่า ผู้ร้องยังคงครอบครองที่ดินพิพาทแทน ย. แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้วผู้ร้องก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมาย-แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5527/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ การครอบครองแทนไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ย. ผู้เป็นเจ้าของเท่ากับผู้ร้องถือแทน ย. ตลอดมาเมื่อ ย. ถึงแก่กรรมก็ต้องถือว่าถือแทนผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของ ย. เมื่อไม่ได้ความว่าผู้ร้องได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเป็นการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1381ก็ต้องถือว่าผู้ร้องยังคงครอบครองที่ดินพิพาทแทน ย.แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเกินกว่า10ปีแล้วผู้ร้องก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5527/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ การครอบครองแทนมิอาจเป็นเจ้าของได้แม้เวลาเกิน 10 ปี
ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ย. ผู้เป็นเจ้าของเท่ากับผู้ร้องถือแทน ย.ตลอดมาเมื่อย. ถึงแก่กรรมก็ต้องถือว่าถือแทนผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นทายาทของ ย. เมื่อไม่ได้ความว่าผู้ร้องได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเป็นการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 ก็ต้องถือว่า ผู้ร้องยังคงครอบครองที่ดินพิพาทแทน ย.แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้วผู้ร้องก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5527/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งเปลี่ยนเจตนา หากครอบครองแทนเจ้าของเดิมสิทธิยังไม่เกิด
ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ย. ผู้เป็นเจ้าของเท่ากับผู้ร้องถือแทน ย. ตลอดมาเมื่อ ย. ถึงแก่กรรมก็ต้องถือว่าถือแทนผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของ ย. เมื่อไม่ได้ความว่าผู้ร้องได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเป็นการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1381ก็ต้องถือว่าผู้ร้องยังคงครอบครองที่ดินพิพาทแทน ย.แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเกินกว่า10ปีแล้วผู้ร้องก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3747/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ หากยังไม่แจ้ง แม้ครอบครองนาน ก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
การที่ ป. สามีผู้ร้องและผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาจะซื้อจะขายเป็นการยึดถือแทนหรือครอบครองโดยอาศัยสิทธิของผู้คัดค้านที่7ซึ่งเป็นผู้จะขายต่อมาผู้คัดค้านที่7ผิดสัญญาและ ป. ได้ยื่นฟ้องแล้วศาลมีคำพิพากษาตามยอมโดยผู้คัดค้านที่7ยินยอมให้ผู้ร้องลงชื่อมีกรรมสิทธิ์ร่วมภายใน3วันนับแต่วันทำยอมและจะแบ่งแยกโฉนดที่ดินในวันดังกล่าวแสดงว่าผู้คัดค้านที่7ยังมิได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ป. เมื่อ ป. หรือผู้ร้องมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือไปยังผู้คัดค้านที่7แม้ผู้ร้องครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเกิน10ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382
of 24