คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จำรูญเนติศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 907 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371-1372/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องรับรองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย: เฉพาะผู้สืบสันดานฟ้องได้เมื่อบุตรเสียชีวิต
การฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น ถ้าเด็กนั้นตายแล้วกฎหมายยอมให้ผู้สืบสันดานของเด็กโดยเฉพาะที่จะฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้เท่านั้น มารดาของเด็กไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นการต่อสู้คดีจำกัดเฉพาะการฉ้อฉล ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่จำเลยต่อสู้เท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฉ้อฉลหลอกลวงให้ถอนชื่อโจทก์และสามีออกจากโฉนดแล้วลงชื่อจำเลย จึงขอให้ศาลถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดคืนที่ดินแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่มีกลฉ้อฉลเท่านั้น จึงไม่มีประเด็นเรื่องการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ และการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนดังมาตรา 142(5)ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอนุญาตให้ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
กำหนดเวลาบอกล้างโมฆียะกรรม ไม่ใช่อายุความฟ้องร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย และผลกระทบต่อการฎีกา
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ไม่ดำเนินการส่งสำเนาแก่จำเลยศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง(อุทธรณ์)จึงส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่เข้ากรณีทิ้งฟ้อง จึงสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดวันให้โจทก์มานำเจ้าพนักงานศาลนำหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งแก่จำเลย ดังนี้ ถือว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247,226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และผลกระทบต่อการฎีกา: คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามฎีกา
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ไม่ดำเนินการส่งสำเนาแก่จำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง (อุทธรณ์) จึงส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่เข้ากรณีทิ้งฟ้องจึงสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดวันให้โจทก์มานำเจ้าพนักงานศาลนำหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งแก่จำเลย ดังนี้ถือว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 247, 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันกระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง ทำให้ศาลลงโทษจำเลยไม่ได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายและทำให้โจทก์เสื่อมเสียอิสระภาพในวันเวลาเดียวกัน ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยคนเดียวฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ และยกฟ้องปล่อยจำเลยอื่น โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยอื่นตามฟ้อง ส่วนจำเลยคนที่ถูกลงโทษก็อุทธรณ์ขอให้ปล่อย ศาลอุทธรณ์เห็นว่า วันที่หาว่ากระทำผิด ได้ความไม่ตรงกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยที่อุทธรณ์ไป โดยไม่พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าความผิดทั้ง 2 ฐานที่กล่าวหาว่ากระทำผิดก็เป็นวันเดียวกัน ถ้าตามทางพิจารณาในเรื่องวันกระทำผิด ได้ความแตกต่างกับฟ้องแล้วถึงอย่างไรศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 หากเป็นเช่นนั้น คดีของโจทก์ก็ไม่จำเป็นที่ศาลจะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันกระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง ทำให้ศาลลงโทษจำเลยไม่ได้ แม้มีพยานหลักฐานอื่น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายและทำให้โจทก์เสื่อมอิสสระภาพในวันเวลาเดียวกัน ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยคนเดียวฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ และยกฟ้องปล่อยจำเลยคืน โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยอื่นตามฟ้อง ส่วนจำเลยคนที่ถูกลงโทษก็อุทธรณ์ขอให้ปล่อย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าวันที่หาว่ากระทำผิดได้ความไม่ตรงกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยที่อุทธรณ์ไปโดยไม่พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฎว่าความผิดทั้ง 2 ฐานที่กล่าวหาว่ากระทำผิดก็เป็นวันเดียวกัน ถ้าตามทางพิจารณาในเรื่องวันกระทำผิดได้ความแตกต่างกับฟ้องแล้ว ถึงอย่างไรศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 หากเป็นเช่นนั้น คดีของโจทก์ก็ไม่จำเป็นที่ศาลจะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือสัญญากู้เป็นหลักฐานผูกพัน แม้ฟ้องอ้างเป็นตัวแทน หากเอกสารระบุเป็นผู้กู้เอง
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือกู้เงินจำนวนหนึ่งให้โจทก์ยึดไว้เป็นสำคัญ โจทก์ได้แนบสำเนาหนังสือกู้นี้มาพร้อมกับฟ้องด้วย เมื่อหนังสือกู้นั้นมีความชัดเจนว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ในนามของตนคนเดียว ไม่ปรากฏว่าทำในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ยกเรื่องตัวการตัวแทนขึ้นโต้แย้งประการใด ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญากู้ ดังสำเนาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาถือว่าเอกสารที่แนบมาท้ายฟ้องนั้นเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกัน/กู้เงิน: ฟ้องจำเลยในฐานะลูกหนี้โดยตรง แม้กล่าวอ้างเป็นตัวแทน แต่หลักฐานชี้เป็นผู้กู้
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือกู้เงินจำนวนหนึ่งให้โจทก์ยึดไว้เป็นสำคัญ โจทก์ได้แนบสำเนาหนังสือกู้นี้มาพร้อมกับฟ้องด้วย เมื่อหนังสือกู้นั้นมีความชัดเจนว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ในนามของตนคนเดียวไม่ปรากฎว่าทำในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ยกเรื่องตัวการตัวแทนขึ้นโต้แย้งประการใดดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญากู้ ดังสำเนาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามประมวล ก.ม.วิธีพิจารณาถือว่า เอกสารที่แนบมาท้ายฟ้องนั้นเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัยการมีหน้าที่นำตัวจำเลยมาศาลเมื่อยื่นฟ้อง หากไม่ทำ ศาลไม่รับประทับฟ้อง
อัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญาและยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลย เพราะได้เคยฝากศาลขังไว้ในระหว่างสอบสวนจนพนักงานอัยการขอให้ศาลปล่อยไปแล้วนั้น ศาลย่อมไม่รับประทับฟ้องเพราะอัยการมีหน้าที่จะต้องจัดการให้ตัวจำเลยมาศาลเวลายื่นฟ้อง ตามที่ได้วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 515/2491

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัยการต้องจัดการให้จำเลยมาศาลเมื่อยื่นฟ้อง หากไม่ทำ ศาลไม่รับประทับฟ้อง
อัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญา และยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลย เพราะได้เคยฝากศาลขังไว้ในระหว่างสอบสวนจนพนักงานอัยการขอให้ศาลปล่อยไปแล้วนั้น ศาลย่อมไม่รับประทับฟ้องเพราะอัยการมีหน้าที่จะต้องจัดการให้ตัวจำเลยมาศาลเวลายื่นฟ้อง ตามที่ได้วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 515/2491
of 91