คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จำรูญเนติศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 907 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1108/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันหนี้ด้วยที่ดิน แม้มีข้อตกลงยกให้ แต่จำเลยยังครอบครองในฐานะประกัน ผู้กู้มีสิทธิไถ่ถอนได้
กู้เงินเขาโดยการมอบที่ดินให้เขาไว้เป็นประกันแม้จะมีข้อสัญญากันว่า เมื่อครบกำหนดแล้วไม่ชำระเงินผู้กู้ยอมยกให้เป็นสิทธิแก่ผู้ให้กู้ก็ดี ถ้าผู้ให้กู้หาได้ถือสิทธิตามสัญญาไม่ผู้ให้กู้ยังครอบครองที่ดินนั้นในฐานะเป็นประกันหนี้อยู่อย่างเดิมเช่นนี้ผู้กู้หรือ ทายาทก็ยังมีสิทธิจะขอชำระหนี้และเรียกที่ดินคืนจากผู้ให้กู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขัดทรัพย์: เพียงอ้างว่าทรัพย์เป็นของผู้ร้องก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดการได้มา
การร้องขัดทรัพย์นั้นในคำร้องกล่าวว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องและขอให้ปล่อยนั้น ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้แล้วว่า เป็นคำร้องขัดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมาย หาจำต้องบรรยายด้วยว่าได้ทรัพย์นั้นมาโดยอย่างไร เพราะเป็นแต่เรื่องรายละเอียด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขัดทรัพย์เพียงระบุว่าทรัพย์เป็นของผู้ร้องก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องระบุวิธีการได้มา
การร้องขัดทรัพย์นั้น ในคำร้องกล่าวว่า ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องและขอให้ปล่อยนั้น ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้แล้วว่า เป็นคำร้องขัดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายหาจำต้องบรรยายด้วยว่าได้ทรัพย์นั้นมาโดยอย่างไร เพราะเป็นแต่เรื่องรายละเอียด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาไม่จดทะเบียนสมรส สินสอด/ของหมั้นไม่ผูกพัน คดีนี้เรียกคืนไม่ได้
ชายหญิงได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา มาช้านานจนกระทั่งมีบุตรโดยต่างฝ่ายต่างสมัครใจที่จะไม่ไปจดทะเบียนสมรสนั้น ถือได้ว่าชายหญิงมีเจตนาเพียงแต่ทำพิธีแต่งงานตามประเพณีและอยู่กินฉันสามีภริยาเท่านั้น มิได้ถือเอาการจดทะเบียนสมรสเป็นสำคัญมาแต่แรก เมื่อกรณีเป็นดั่งนี้ ทรัพย์ที่ที่ได้ให้กันโดยเรียกว่า เป็นของหมั้นก็ดี การให้เงินอันเรียกว่าสินสอดก็ดี หาได้ให้ในฐานะเป็นของหมั้นและสินสอดไม่ ฉะนั้นแม้จะถือว่ามิได้มีการสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ฝ่ายชายก็เรียกเงินและทรัพย์ที่ให้ไว้ดังกล่าวคืนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการสมรส & สินสอด: แม้ไม่จดทะเบียนสมรส หากเจตนาเพียงทำพิธีตามประเพณี โจทก์เรียกคืนสินสอดไม่ได้
ชายหญิงได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภริยา มาช้านาจนกระทั่งมีบุตรโดยต่างฝ่ายต่างสมัครใจที่จะไม่ไปจดทะเบียนสมรสนั้น ถือได้ว่าชายหญิงมีเจตนาเพียงแต่ทำพิธีแต่งงานตามประเพณีและอยู่กินฉันท์สามีภริยาเท่านั้น มิได้ถือเอาการจดทะเบียนสมรสเป็นสำคัญมาแต่แรกเมื่อกรณีเป็นดั่งนี้ ทรัพย์ที่ที่ได้ให้กันโดยเรียกว่า เป็นของหมั้นก็ดีการให้เงินอันเรียกว่าสินสอดก็ดีหาได้ให้ในฐานะเป็นของหมั้นและสินสอดไม่ฉะนั้นแม้จะถือว่ามิได้มีการสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ฝ่ายชายก็เรียกเงินและทรัพย์ที่ให้ไว้ดังกล่าวคืนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ-หมิ่นประมาท: การกล่าวอ้างโดยสุจริตต่อเจ้าคณะสงฆ์ ถือเป็นเหตุยกเว้นความผิด
พระภิกษุเมาสุราไปด่าท้าทายจำเลย จำเลยไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านแนะนำให้ไปแจ้งต่อเจ้าคณะหมวดเพราะผู้ด่าท้าทายเป็นสงฆ์ จำเลยจึงไปร้องต่อเจ้าคณะหมวด เจ้าคณะหมวดเรียกพระภิกษุนั้นมาแจ้งข้อหาให้ทราบ พระภิกษุปฏิเสธ จำเลยยืนยันต่อหน้าบุคคลหลายคนว่าพระภิกษุนั้นเมาสุราไปด่าท้าทายจริงๆ จนในที่สุดเจ้าคณะหมวดไกล่เกลี่ยยอมเลิกแล้วต่อกัน ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยกล่าวโดยสุจริตตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 283(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท: การกล่าวโดยสุจริตเป็นเหตุยกเว้นความผิด
พระภิกษุเมาสุราไปด่าท้าทายจำเลย ๆ ไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้าน ๆ แนะนำให้ไปแจ้งต่อเจ้าคณะหมวด เพราะผู้ด่าท้าทายเป็นสงฆ์ จำเลยจึงไปร้องต่อเจ้าคณะหมวด ๆ เรียกพระภิกษุนั้นมาแจ้งข้อหาให้ทราบ พระภิกษุปฏิเสธ จำเลยยืนยันต่อหน้าบุคคลหลายคนว่าพระภิกษุนั้นเมาสุราไปด่าท้าทายจริง ๆ จนในที่สุดเจ้าคณะหมวดไกล่เกลี่ยยอมเลิกแล้วแต่กันดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกล่าวโดยสุจริตตามกฎหมายลักษณะ อาญามาตรา 283(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จ: ฟ้องโดยระบุความเท็จโดยอ้อม เพียงพอต่อการดำเนินคดี หากข้อเท็จจริงตามฟ้องแสดงให้เห็นความเท็จได้ชัดเจน
การฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานแจ้งความเท็จนั้น แม้จะไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาคำฟ้องโดยตลอดแล้ว เป็นอันเข้าใจได้ว่า ความจริงมีอย่างใดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไรอีก เพราะเป็นอันเข้าใจได้อยู่แล้ว นับว่าเป็นฟ้องที่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของฟ้องแจ้งความเท็จ: การระบุความจริงที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำเมื่อเข้าใจได้จากบริบท
การฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานแจ้งความเท็จนั้นแม้จะไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาคำฟ้องโดยตลอดแล้ว เป็นอันเข้าใจได้ว่าความจริงมีอย่างใดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไรอีก เพราะเป็นอันเข้าใจได้อยู่แล้ว นับว่าเป็นฟ้องที่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์จากสัญญาสมยอม: ศาลพิจารณาความประสงค์ของผู้ฟ้องที่จะตัดสิทธิจำเลยจากการได้รับส่วนเฉลี่ย
จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้แล้วนำมาฟ้องศาล ทำสัญญายอมความกันแล้วจำเลยผู้ชนะคดี มายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ยึดทรัพย์มา โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้เพิกถอนสัญญากู้ สัญญายอมความ อีกทั้งคำพิพากษาตามยอม และขอให้จำเลยถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เสียนั้นความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ ก็คือจะไม่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ได้ยึดไว้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาแต่เพียงว่า จำเลยจะอ้างสิทธิตามสัญญากู้และสัญญายอมความอีก ทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีที่สมยอมกันนั้นมาขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ยึดในอีกคดีหนึ่งไม่ได้ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนสัญญาตามคำขอของโจทก์ เพราะผลคำพิพากษาในคดีของจำเลยนั้นเป็นเรื่องระหว่างจำเลยด้วยกัน
of 91