คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จำรูญเนติศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 907 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1793/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขังจำเลย: ศาลไม่อนุญาตขังหากมีวิธีบังคับคดีอื่น
การสั่งขังจำเลยเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นต้องไม่มีวิธีบังคับทางอื่นได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1793/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขังจำเลย: ต้องไม่มีวิธีบังคับอื่นอีก
การสั่งขังจำเลยเพื่อให้ปฎิบัติตามคำพิพากษานั้นต้องไม่มีวิธีบังคับทางอื่นได้อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภริยาและการบังคับชำระหนี้จากสินบริคณห์
ที่จะถือว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาได้นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่า เป็นหนี้ที่ต้องด้วยลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ตาม ม.1482
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตาม ม.1483 ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภริยาและการบังคับชำระหนี้จากสินบริคณห์ กรณีสามีไม่ได้ยินยอมและบอกล้าง
ที่จะถือว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาได้นั้นโจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่า เป็นหนี้ที่ต้องด้วยลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ตาม มาตรา 1482
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตามมาตรา 1483ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1783/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่แท้จริงไม่ใช่ขายฝาก สัญญาขายฝากที่ไม่ได้ทำต่อหน้าเจ้าพนักงานเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่า ขายฝากที่ดินไว้ แต่ได้ทำสัญญาเป็นซื้อขายกรรมสิทธิ์ต่อกัน โดยไม่มีเจตนาจะผูกพัน หากสัญญาขายฝากที่อ้างไม่ได้ทำต่อหน้าเจ้าพนักงาน ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เพราะการขายฝากที่อ้างนั้นเป็นโมฆะ (อ้างฎีกาที่ 352/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1783/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่แท้จริงไม่ใช่ขายฝาก สัญญาที่ทำโดยไม่ผูกพันถือเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่า ขายฝากที่ดินไว้ แต่ได้ทำสัญญาเป็นซื้อขายกรรมสิทธิต่อกัน โดยไม่มีเจตนาจะผูกพัน หากสัญญาขายฝากที่อ้างไม่ได้ทำต่อหน้าเจ้าพนักงาน ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าเป็นนิติกรรมจำนองหรือไม่ เพราะการขายฝากที่อ้างนั้นเป็นโมฆะ.
(อ้างฎีกาที่ 352/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าตึกเพื่อค้าและอยู่อาศัย ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า หากมีวัตถุประสงค์หลักคือการค้า
การเช่าตึกแถวเพื่อประกอบธุระกิจการค้า แม้จะอาศัยอยู่ในตึกด้วย ก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน.
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
(อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่อค้าและอยู่อาศัย ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า หากมีวัตถุประสงค์หลักคือการค้า
การเช่าตึกแถวเพื่อประกอบธุระกิจการค้า แม้จะอาศัยอยู่ในตึกด้วย ก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ (อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีศุลกากรต้องคิดตามอัตรากฎหมายที่ใช้ ณ เวลาเสียภาษี แม้มีกฎหมายใหม่ใช้บังคับภายหลัง และสิทธิเรียกร้องเงินประกัน
การคิดค่าภาษีศุลกากรต้องคิดตามอัตราในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาเสียภาษีซึ่งเจ้าพนักงานออกใบขน แม้ต่อมาประกาศใช้พิกัดอัตราใหม่โดยยังไม่ส่งของออกก็คิดภาษีตามพิกัดใหม่ไม่ได้
เจ้าพนักงานศุลกากรเรียกเงินประกันค่าภาษีจากผู้ขนส่งที่จะเรียกภาษีเพิ่มจากผู้ส่งของ ความจริงจะเรียกภาษีเพิ่มไม่ได้ เมื่อผู้สั่งของรับโอนสิทธิเรียกร้องในเงินนั้นและแจ้งให้กรมศุลกากรทราบแล้ว ผู้ส่งของย่อมฟ้องเรียกเงินนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดภาษีศุลกากรต้องเป็นไปตามอัตราที่ใช้ ณ เวลาเสียภาษี แม้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราในภายหลัง และสิทธิเรียกร้องเงินประกันค่าภาษี
การคิดค่าภาษีศุลกากรต้องคิดตามอัตราในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาเสียภาษี ซึ่งเจ้าพนักงานออกใบขน แม้ต่อมาประกาศใช้พิกัดอัตราใหม่โดยยังไม่ส่งของออก ก็คิดภาษีตามพิกัดใหม่ไม่ได้.
เจ้าพนักงานศุลกากรเรียกเงินประกันค่าภาษีจากผู้ขนส่งที่จะเรียกภาษีเพิ่มจากผู้ส่งของ ความจริงจะเรียกภาษีเพิ่มไม่ได้ เมื่อผู้สั่งของรับโอนสิทธิเรียกร้องในเงินนั้นและแจ้งให้กรมศุลกากรทราบแล้ว ผู้ส่งของย่อมฟ้องเรียกเงินนั้นได้.
of 91