พบผลลัพธ์ทั้งหมด 907 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญา: ศาลมีหน้าที่ชี้ขาดความหมายตามสัญญา และอาจสืบพยานเพื่อประกอบการตีความได้
เมื่อจำเลยให้การเถียงความหมายในการแปลสัญญา ศาลจึงมีหน้าที่จะต้องชี้ขาดว่าสัญญานั้นมีความหมายว่าอย่างไร ถ้าหากสัญญามีข้อความชัดเจนเห็นความหมายได้แล้ว ศาลก็ย่อมตีความสัญญาไปตามนั้น หากถ้อยคำในสัญญาเป็นที่สงสัยศาลก็อาจดำเนินการสืบพยานถึงพฤติการณ์ต่างๆ ตลอดจนประเพณีเพื่อนำมาใช้ประกอบในการตีความนั้นได้ตามกรณี ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ตอนท้ายอนุญาตไว้
มาตรา 11 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ย่อมเป็นหลักในการแปลสัญญาจริง แต่มีความหมายเพียงว่าเมื่อศาลได้พิเคราะห์ถึงเหตุผลและพฤติการณ์อันจะนำมาประกอบการแปลหมดแล้ว กรณียังมีข้อสงสัยอยู่ จึงให้ตีความไปตามหลักที่กล่าวในมาตรา11 แต่ไม่ได้หมายความว่า ศาลจะใช้มาตรา 11 แปลสัญญาโดยไม่เหลียวแลถึงเหตุผลและพฤติการณ์ประกอบสัญญานั้นเสียเลย เมื่อถ้อยคำในสัญญายังเป็นที่สงสัย และศาลล่างสั่งงดสืบพยานมา ศาลฎีกามีอำนาจให้ศาลล่างพิจารณาพิพากษาใหม่
มาตรา 11 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ย่อมเป็นหลักในการแปลสัญญาจริง แต่มีความหมายเพียงว่าเมื่อศาลได้พิเคราะห์ถึงเหตุผลและพฤติการณ์อันจะนำมาประกอบการแปลหมดแล้ว กรณียังมีข้อสงสัยอยู่ จึงให้ตีความไปตามหลักที่กล่าวในมาตรา11 แต่ไม่ได้หมายความว่า ศาลจะใช้มาตรา 11 แปลสัญญาโดยไม่เหลียวแลถึงเหตุผลและพฤติการณ์ประกอบสัญญานั้นเสียเลย เมื่อถ้อยคำในสัญญายังเป็นที่สงสัย และศาลล่างสั่งงดสืบพยานมา ศาลฎีกามีอำนาจให้ศาลล่างพิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1399/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ถือเป็นตัวการฆ่าโดยเจตนา
จำเลยกับพรรคพวกได้สมคบกันมาทำร้าย ฉ. โดยแบ่งหน้าที่กัน คือจำเลยกับพวกขึ้นไปฟัน ฉ. ที่บนเรือน ส่วนพวกอีกคนหนึ่งมีอาวุธปืนรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน และคอยช่วยเหลืออยู่ข้างล่าง คนที่อยู่ข้างล่างยิง ฉ.ขณะที่หนีลงเรือน กระสุนปืนพลาดไปถูกภรรยา ฉ. ตาย ดังนี้จำเลยย่อมมีผิดฐานเป็นตัวการฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1399/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: ตัวการฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยกับพรรคพวกได้สมคบกันมาทำร้าย ฉ. โดยแบ่งหน้าที่กัน คือจำเลยกับพวกขึ้นไปฟัน ฉ. ที่บนเรือนส่วนพวกอีกคนหนึ่งมีอาวุธปืนรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน และคอยช่วยเหลืออยู่ข้างล่าง คนที่อยู่ข้างล่างยิง ฉ. ขณะที่หนีลงเรือน กระสุนปืนพลาดไปถูกภรรยา ฉ. ตายดังนี้จำเลยย่อมมีผิดฐานเป็นตัวการฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: การชำระหนี้ผิดคู่ความไม่อาจถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับ ร. และ ด.จำเลยขายที่นาพิพาทให้โจทก์ ศาลพิพากษาว่า ร.จำเลยเป็นเจ้าของนา ส่วน ด.จำเลยเป็นแต่เพียงตัวแทน ไม่ต้องรับผิด จึงให้ ร.จำเลยขายนาให้แก่โจทก์ ๆ ได้ครอบครองที่นานั้นอยู่แล้ว โจทก์มีหน้าที่ชำระราคาให้แก่ ร.ตามคำพิพากษา แต่โจทก์กลับไปชำระราคาให้แก่ ด. จำเลยอีกคนหนึ่ง ซี่งศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ดังนี้ โจทก์ไม่พ้นความรับผิด ร.จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลยึดที่นาของโจทก์ขายชำระหนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ผู้รับชำระหนี้ที่ถูกต้องและการระงับความสัมพันธ์ตัวแทน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับ ร.และด. จำเลยขายที่นาพิพาทให้โจทก์ ศาลพิพากษาว่า ร.จำเลยเป็นเจ้าของนา ส่วนด. จำเลยเป็นแต่เพียงตัวแทนไม่ต้องรับผิด จึงให้ ร. จำเลยขายนาให้แก่โจทก์ๆ ได้ครอบครองที่นานั้นอยู่แล้ว โจทก์มีหน้าที่ชำระราคาให้แก่ ร. ตามคำพิพากษา แต่โจทก์กลับไปชำระราคาให้แก่ ด. จำเลยอีกคนหนึ่ง ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ดังนี้ โจทก์ไม่พ้นความรับผิด. ร. จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลยึดที่นาของโจทก์ขายชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าหลวงจังหวัดมีสิทธิขัดทรัพย์ ยึดที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ได้
ที่สาธารณะของแผ่นดิน อันอยู่ในความดูแลปกครองของข้าหลวงประจำจังหวัด ข้าหลวงประจำจังหวัดมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ในคดีที่มีผู้นำยึดที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าหลวงประจำจังหวัดมีสิทธิขัดทรัพย์ กรณีผู้อื่นยึดที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน
ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินอันอยู่ในความดูแลปกครองของข้าหลวงประจำจังหวัด ข้าหลวงประจำจังหวัดมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ในคดีที่มีผู้นำยึดที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายฝากที่ดินก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์: สิทธิการไถ่ถอนหลัง 10 ปี
โจทก์ทำกรมธรรม์สัญญาลงวันที่ 9 ธันวาคม 2462 ที่อำเภอกู้เงินจำเลย และมอบที่นาพิพาทให้จำเลยยึดไว้ เป็นประกันเงินกู้และทำกินต่างดอกเบี้ย การปฏิบัติระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ดังกล่าวมานี้มีลักษณะเช่นเดียวกับการขายฝาก และเป็นเวลาก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 3 จึงต้องบังคับตามประกาศเรื่องจำนำและขายฝากที่ดิน ร.ศ. 118 เมื่อพ้น 10 ปี ลูกหนี้คือโจทก์ไถ่คืนมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งฯ การไถ่ถอนที่ดินหลัง 10 ปี
โจทก์ทำกรมธรรม์สัญญาลงวันที่ 9 ธันวาคม 2462 ที่อำเภอกู้เงินจำเลย และมอบที่นาพิพาทให้จำเลยยึดไว้ เป็นประกันเงินกู้และทำกินต่างดอกเบี้ยการปฏิบัติระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ดังกล่าวมานี้มีลักษณะเช่นเดียวกับการขายฝาก และเป็นเวลาก่อนใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ3 จึงต้องบังคับตามประกาศเรื่องจำนำและขายฝากที่ดิน ร.ศ. 118เมื่อพ้น 10 ปีลูกหนี้คือโจทก์ไถ่คืนมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความคลาดเคลื่อนวันเกิดเหตุจากพยานหลักฐานอื่นยังคงเป็นเหตุแห่งการกระทำผิด
พะยานหลักฐานอื่นแสดงว่าจำเลยได้กระทำผิดในวันที่โจทก์หา แต่พะยานโจทก์เบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดไป 1 วันเพราะความหลงลืม เนื่องจากพะยานเบิกความภายหลังวันเกิดเหตุหลายสิบวัน ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง.