พบผลลัพธ์ทั้งหมด 907 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องยักยอกต้องระบุชัดว่าจำเลยขายทรัพย์สินที่รับมอบหมายหรือไม่ หากไม่ชัดเจนถือเป็นฟ้องไม่ถูกต้อง
คดีหาว่า จำเลยยักยอกแหวนของโจทก์ที่ฝากจำเลยขายนั้น คำฟ้องของโจทก์จะต้องปรากฎให้แจ้งชัดว่า จำเลยได้ขายแหวนที่ได้รับมอบหมายไปจากโจทก์แล้ว มิฉะนั้นจะกล่าวหาว่าจำเลยยักยอกแหวนมิได้.
ฟ้องกล่าวว่า จำเลยรับแหวนไปแล้ว ไม่เอาแหวนหรือเงินมาให้โจทก์ ครั้นโจทก์ทวงถามกลับโต้เถียงว่าคืนให้แล้วนั้น เป็นแต่แสดงเหตุที่ทำให้โจทก์รู้สึกตัวว่าถูกโกงเท่านั้น หาใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ขายแหวนแต่ยักยอกเสีย อันเป็นองค์ความผิดฐานยักยอกแหวนให้แน่ชัดลงไปไม่ จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและศาลจะสั่งให้โจทก์แก้ หรือเพิ่มเติมข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ ก็ไม่ได้ เพราะฟ้องขาดข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ความผิด ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้ขอแก้ฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้อง./
ฟ้องกล่าวว่า จำเลยรับแหวนไปแล้ว ไม่เอาแหวนหรือเงินมาให้โจทก์ ครั้นโจทก์ทวงถามกลับโต้เถียงว่าคืนให้แล้วนั้น เป็นแต่แสดงเหตุที่ทำให้โจทก์รู้สึกตัวว่าถูกโกงเท่านั้น หาใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ขายแหวนแต่ยักยอกเสีย อันเป็นองค์ความผิดฐานยักยอกแหวนให้แน่ชัดลงไปไม่ จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและศาลจะสั่งให้โจทก์แก้ หรือเพิ่มเติมข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ ก็ไม่ได้ เพราะฟ้องขาดข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ความผิด ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้ขอแก้ฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้อง./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้สินบนไม่มีสิทธิฟ้องผู้รับสินบน แม้ถูกบังคับให้ให้เงิน
ความผิดฐานรับสินบนตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 138 นั้นผู้ให้สินบนไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้ลงโทษผู้รับสินบนในฐานะเป็นผู้เสียหายได้(อ้างฎีกาที่ 968/2479)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้สินบลไม่มีสิทธิฟ้องผู้รับสินบล แม้ถูกบังคับให้จ่ายเงิน
ความผิดฐานรับสินบลตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 138 นั้น ผู้ให้สินบลไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้ลงโทษผู้รับสินบลในฐานะเป็นผู้เสียหายได้.
(อ้างฎีกาที่ 968/2479)
(อ้างฎีกาที่ 968/2479)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำลายทรัพย์สิน - การขาดเจตนาโดยตรงเป็นเหตุให้ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 324
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจลงไปสุ่มปลาในนาของนายมาแล้วเหยียบย่ำข้าวกล้าเสียหายขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 324 ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่พอจะเข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาโดยตรงที่จะเหยียบย่ำต้นข้าวให้เสียหาย รูปคดียังไม่เป็นความผิดตามมาตรา 324 กฎหมายลักษณะอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อจากการขับรถจักรโดยไม่มีไฟ: พิจารณาจากสภาพปฏิบัติและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยขับรถจักรโดยไม่จุดไฟในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้รถจักรชนรถโยกทำให้คนตาย ซึ่งเป็นการผิดระเบียบข้อบังคับของกรมรถไฟ ทางพิจารณาปรากฏว่าในทางปฏิบัติหาได้ปฏิบัติโดยเคร่งครัดไม่เนื่องจากทางการไม่มีโคมพอจะจ่ายให้ ตามที่เคยปฏิบัติเสมอมาเป็นปกติ คือเมื่อเบิกโคมไฟไม่ได้ พนักงานขับรถก็ต้องขับรถทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แม้จะมืดก็ทำงานได้โดยอาศัยความเคยชินและทั้งเป็นเขตจำกัดห้ามมิให้คนและรถอื่นเข้ามาด้วย ดังนี้ จะถือว่าการขับรถจักรโดยไม่มีโคมไฟมาเป็นการแสดงความประมาทเลินเล่อของจำเลยไม่ถนัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อไฟฟ้า/น้ำประปา, การผิดสัญญา, ละเมิด, การกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย, สิทธิของคู่สัญญา
จำเลยที่ 1 เป็นเทศบาลได้รับสัมปทานจากรัฐบาลให้ตั้งโรงไฟฟ้ามีหน้าที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลผู้ร้องขอใช้ไฟฟ้าภายในเขตสัมปทานโจทก์เป็นราษฎรฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดข้อสัญญากับโจทก์ในการจำหน่ายกระแสไฟมิได้ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามข้อกำหนดในสัมปทานประกอบกับบทบัญญัติมาตรา 374 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นปัญหาที่ว่าโจทก์จะได้สิทธิตามสัมปทานโดยอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 นี้หรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น
สัญญาซื้อกระแสไฟฟ้าไม่ปรากฏว่ามีกำหนดระยะเวลา อาจมีการเลิกกันเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้ซื้อไม่ชำระค่ากระแสไฟ ผู้ขายก็ตัดสายไฟ ดังนี้ ผู้ซื้อจะมาฟ้องขอให้บังคับผู้ขายให้ต่อสายไฟและจ่ายกระแสไฟให้ต่อไป
สภาพย่อมไม่เปิดช่องให้บังคับได้ตามขอ
เมื่อเทศบาลซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์ ผิดสัญญาจะต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ฟ้องโจทก์ไม่เรียกค่าเสียหายจากเทศบาลซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 เป็นแต่เรียกจากจำเลยอื่นๆ ซึ่งเป็นคนงานและตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ดังนี้ ก็ไม่มีทางให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้
เทศบาลทำน้ำประปาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือได้รับสัมปทานตาม พระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุขของสาธารณะชนแล้ว การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับห้ามมิให้เทศบาลเรียกเก็บค่าน้ำประปานั้น ศาลจะบังคับให้ไม่ได้เพราะเป็นการรับรองให้โจทก์ได้รับผลจากการกระทำอันไม่ถูกต้องกับกฎหมาย
สัญญาซื้อกระแสไฟฟ้าไม่ปรากฏว่ามีกำหนดระยะเวลา อาจมีการเลิกกันเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้ซื้อไม่ชำระค่ากระแสไฟ ผู้ขายก็ตัดสายไฟ ดังนี้ ผู้ซื้อจะมาฟ้องขอให้บังคับผู้ขายให้ต่อสายไฟและจ่ายกระแสไฟให้ต่อไป
สภาพย่อมไม่เปิดช่องให้บังคับได้ตามขอ
เมื่อเทศบาลซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์ ผิดสัญญาจะต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ฟ้องโจทก์ไม่เรียกค่าเสียหายจากเทศบาลซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 เป็นแต่เรียกจากจำเลยอื่นๆ ซึ่งเป็นคนงานและตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ดังนี้ ก็ไม่มีทางให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้
เทศบาลทำน้ำประปาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือได้รับสัมปทานตาม พระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุขของสาธารณะชนแล้ว การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับห้ามมิให้เทศบาลเรียกเก็บค่าน้ำประปานั้น ศาลจะบังคับให้ไม่ได้เพราะเป็นการรับรองให้โจทก์ได้รับผลจากการกระทำอันไม่ถูกต้องกับกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและน้ำประปา โดยเทศบาลที่ไม่ได้สัมปทาน การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากตัวแทนย่อมไม่สำเร็จ
จำเลยที่ 1 เป็นเทศบาลได้รับสัมปทานจากรัฐบาลให้ตั้งโรงไฟฟ้ามีหน้าที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลผู้ร้องขอใช้ไฟฟ้าภายในเขตตฺ์สัมปทาน โจทก์เป็นราษฎรฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดข้อสัญญากับโจทก์ในการจำหน่ายกระแสร์ไฟ มิได้ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตาม ข้อกำหนดในสัมปทานประกอบกับบทบัญญัติมาตรา 374 ป.ม. แพ่งฯ ฉะนั้นปัญหาที่ว่าโจทก์จะได้สิทธิตามสัมปทานโดยอาศัย ป.ม. แพ่งฯ มาตรา 374 นี้หรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น
สัญญาซื้อกระแสไฟฟ้าไม่ปรากฎว่ามีกำหนดระยะเวลา อาจมีการเลิกกันเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้ซื้อไม่ชำระค่ากระแสร์ไฟ ผู้ขายก็ตัดสายไฟ ดังนี้ ผู้ซื้อจะมาฟ้องขอให้บังคับผู้ขายให้ต่อสายไฟและจ่ายกระแสร์ไฟให้ต่อไปสภาพย่อมไม่เปิดช่องให้บังคับได้ตามขอ
เมื่อเทศบาลซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์ ผิดสัญญาจะต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ฟ้องโจทก์ไม่เรียกค่าเสียหายจากเทศบาลซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 เป็นแต่เรียกจากจำเลยอื่น ๆ ซึ่งเป็นคนงานและตัวแทนของจำเลยที่ 1 ๆ จึงไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ดังนี้ ก็ไม่มีทางให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้
เทศบาลทำน้ำประปาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุขของสาธารณะชนแล้ว การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับห้ามมิให้เทศบาลเรียกเก็บค่าน้ำประปานั้น ศาลจะบังคับให้ไม่ได้ เพราะเป็นการรับรองให้โจทก์ได้รับผลจากการกระทำอันไม่ถูกต้องกับกฎหมาย./
สัญญาซื้อกระแสไฟฟ้าไม่ปรากฎว่ามีกำหนดระยะเวลา อาจมีการเลิกกันเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้ซื้อไม่ชำระค่ากระแสร์ไฟ ผู้ขายก็ตัดสายไฟ ดังนี้ ผู้ซื้อจะมาฟ้องขอให้บังคับผู้ขายให้ต่อสายไฟและจ่ายกระแสร์ไฟให้ต่อไปสภาพย่อมไม่เปิดช่องให้บังคับได้ตามขอ
เมื่อเทศบาลซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์ ผิดสัญญาจะต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ฟ้องโจทก์ไม่เรียกค่าเสียหายจากเทศบาลซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 เป็นแต่เรียกจากจำเลยอื่น ๆ ซึ่งเป็นคนงานและตัวแทนของจำเลยที่ 1 ๆ จึงไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ดังนี้ ก็ไม่มีทางให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้
เทศบาลทำน้ำประปาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุขของสาธารณะชนแล้ว การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับห้ามมิให้เทศบาลเรียกเก็บค่าน้ำประปานั้น ศาลจะบังคับให้ไม่ได้ เพราะเป็นการรับรองให้โจทก์ได้รับผลจากการกระทำอันไม่ถูกต้องกับกฎหมาย./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องสินเดิมและสิทธิในสินสมรส: การกำหนดประเด็นชัดเจนและการสืบพยาน
ประเด็นที่โจทก์ตั้งมาในคำฟ้องมีว่า ภริยาโจทก์ไม่มีสิทธิได้ส่วนแบ่งในสินสมรสเพราะไม่มีสินเดิม จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเพราะมีสินเดิมดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองแล้วจำเลยไม่จำเป็นต้องระบุลงไปในคำให้การว่ามีทรัพย์อะไรบ้างเป็นสินเดิมซึ่งผิดกับกรณีที่มีประเด็น ขอให้หักสินสมรสชดใช้สินเดิมด้วย เพราะในกรณีหลังนี้ความสำคัญอยู่ที่ว่าอะไรเป็นสินเดิม ราคาเท่าใด มิฉะนั้นก็ให้ชดใช้กันไม่ได้การตั้งประเด็นจึงต้องระบุถึงทรัพย์ที่เป็นสินเดิมและราคา
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีที่โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาลให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้วคู่ความก็ต้องดำเนินการตามประเด็นที่มัดไว้
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีที่โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาลให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้วคู่ความก็ต้องดำเนินการตามประเด็นที่มัดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องสินเดิมในคดีสินสมรส จำเลยมีสิทธิยกเหตุผลโดยไม่ต้องระบุทรัพย์สินเฉพาะเจาะจงในคำให้การ
ประเด็นที่โจทก์ตั้งมาในคำฟ้องมีว่า ภริยาโจทก์ไม่มีสิทธิได้ส่วนแบ่งในสินสมรส เพราะไม่มีสินเดิม จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเพราะไม่มีสินเดิม จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเพราะมีสินเดิม ดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นการถูกต้องตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 177 วรรค 2 แล้ว จำเลยไม่จำเป็นต้องระบุลงไปในคำให้การว่ามีทรัพย์อะไรบ้างเป็นสินเดิมซึ่งผิดกับกรณีที่มีประเด็น ขอให้หักสินสมรสชดใช้สินเดิมด้วย เพราะในกรณีหลังนี้ ความสำคัญอยู่ที่ว่าอะไรเป็นสินเดิม ราคาเท่าใด มิฉะนั้นก็ใช้ชดใช้กันไม่ได้ การตั้งประเด็นจึงต้องระบุถึงทรัพย์ที่เป็นสินเดิมและราคา
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีย์ที่โจทก์ เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาสให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้ว คู่ความก็ต้องดำเนินตามประเด็นที่มัดไว้./
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีย์ที่โจทก์ เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาสให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้ว คู่ความก็ต้องดำเนินตามประเด็นที่มัดไว้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองหุ้นเพื่อเอามาตรา 1382 และการนับระยะเวลาครอบครองที่ถูกต้อง
จำเลยฎีกา แต่ฝ่ายโจทก์มิได้ให้การแก้ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาย่อมฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างฟังมา
โจทก์สั่งให้จำเลยที่ 1 โอนหุ้นให้ ร.ต.อ.ประดิษฐ์เมื่อ วันที่ 27 ต.ค.79จำเลยที่ 1 จัดการโอนโดยแก้ทะเบียนให้ ต่อมา 11 ม.ค. 79 ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรก และได้เข้าประชุมต่อมาอีกหลายคราวร.ต.อ.ประดิษฐ์ตายเมื่อ 8 ธ.ค.84 ดังนี้ต้องถือว่า ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าครอบครองหุ้นตั้งแต่ 27 ต.ค.79 จนถึงวันตาย ครบ5 ปี ย่อมได้เป็นกรรมสิทธิ์ในหุ้นนั้นแล้วตามมาตรา 1382
โจทก์สั่งให้จำเลยที่ 1 โอนหุ้นให้ ร.ต.อ.ประดิษฐ์เมื่อ วันที่ 27 ต.ค.79จำเลยที่ 1 จัดการโอนโดยแก้ทะเบียนให้ ต่อมา 11 ม.ค. 79 ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรก และได้เข้าประชุมต่อมาอีกหลายคราวร.ต.อ.ประดิษฐ์ตายเมื่อ 8 ธ.ค.84 ดังนี้ต้องถือว่า ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าครอบครองหุ้นตั้งแต่ 27 ต.ค.79 จนถึงวันตาย ครบ5 ปี ย่อมได้เป็นกรรมสิทธิ์ในหุ้นนั้นแล้วตามมาตรา 1382